# Error Code 0x0000000A
สำหรับรหัสความผิดพลาดตัวแรกนี้ โดยปกติแล้วจะเกิดจากไดรเวอร์บางตัวที่เข้าไปใช้ตำแหน่งแอดเดรสของหน่วยความ จำไม่ถูกต้อง รวมทั้งการไม่สนับสนุนกันระหว่างอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และตัวซอฟต์แวร์ไดรเวอร์ ด้วย หากความผิดพลาดนี้ถูกแจ้งขึ้นมาระหว่างการติดตั้งวินโดวส์นั้น ให้เข้าไปปิดฟีเจอร์ Plug & Play All Shadowing Bios virus protection และ All Caching ในไบออส ถ้าอุปกรณ์บางชิ้นของคุณเก่าเกินไป แนะนำให้เข้าไปที่เว็บ http://www.microsoft.com/hclเพื่อตรวจสอบรายชื่อของฮาร์ดแวร์ที่ผ่านการ รับรองจากไมโครซอฟท์ด้วย แต่ถ้าความผิดพลาดนี้เกิดขึ้นหลังจากใช้งานวินโดวส์ให้คุณปิดโปรแกรม Antivirus แล้วเลือกบูตด้วยแผ่นติดตั้งวินโดวส์ เพื่อซ่อมแซมไฟล์ด้วยตัวเลือก “R” และย่าลืมใช้ฟีเจอร์ Roll back driver ระหว่างขั้นตอนนี้ด้วย
# Error Code 0x000000EA
ความผิด พลาดนี้มักเกิดขึ้นตอนที่คุณเล่นเกมหรือ ใช้โปรแกรมดูหนังติดต่อกันเป็นเวลานานๆ โดยเฉพาะผู้ใช้การ์ดแสดงผลของ nVIDIA และติด ตั้งไดรเวอร์ Nv4.sys ลงไป จะเกิดปัญหานี้ขึ้น สิ่งที่คุณต้องทำก็คือ ไปที่ Device Manager และดูว่าภายใต้หัวข้อ Display adapters มีรายชื่ออุปกรณ์มากกว่าหนึ่งตัวหรือไม่ถ้ามีให้ลบตัวที่ไม่ได้ใช้ออกไป และให้เข้าไปดาวน์โหลดไดรเวอร์ของชิปดังกล่าวจากเว็บไซต์ nVidia มาติดตั้งใหม่อีกครั้ง
# Error Code 0x0000001E
รหัสความ ผิดพลาดนี้จะขึ้นมาระหว่างการติดตั้งวินโดวส์ หากคุณเผลอไปรีสตาร์ตเครื่องตอนที่โปรแกรมติดตั้งกำลังทำงานอยู่ละก็ อาจเกิดความผิดพลาดนี้ได้ ส่วนใหญ่จะมีปัญหากับเครื่องที่มีฮาร์ดดิสก์ไม่พอเพราะไม่สามารถเขียนไฟล์ แบ็กอัพหลังเกิดความผิดพลาดเกินไปได้ วิธีแก้ปัญหาให้ติดตั้งวินโดวส์ลงไปใหม่ในดิสก์ที่มีเนื้อหาที่ว่างพอ อัพเดตไบออสด้วยหากเมนบอร์ดของคุณใช้ไบออสที่มีเวอร์ชั่นเก่าเกินไป
# Error Code 0x000000ED
ปัญหา นี้เกิดขึ้นได้บ่อยกับ IDE ดิสก์ที่มีระบบไฟล์แบบ NTFS แล้วอนุญาตให้ทำดิสก์แคชบนฮาร์ดิสก์ได้ โดยรูทีนที่ใช้ทำ Caching บนดิสก์ เกิดความผิดพลาดในการเขียนข้อมูลที่นอกเหนือลงไปบนพื้นที่สงวนดังกล่าว การแก้ปัญหาเบื้องต้นอาจใช้คำสั่ง chkdsk /rจากหน้าต่าง Recovery console ( บูตจากซีดีแล้วเลือกคำสั่ง “R” เพื่อเปิดหน้าต่าง Recovery) และถ้าหากคุณใช้ Service Pack เวอร์ชันเก่า แนะนำให้อัพเดตเป็นตัวใหม่ทันที
# Error Code 0x000000D1
หาก คุณกำลังสั่งชัตดาวน์เครื่องขณะที่มีอุปกรณ์ USB เชื่อมต่อหรือกำลังทำงานอยู่ อาจเกิดข้อความแสดงความผิดพลาดแบบนี้ขึ้นมา เพราะ OHCI ( Open Host Control Interface) ที่ควบคุมการโอนถ่ายข้อมูลของอุปกรณ์ USB ทำงานผิดพลาด ซึ่งถ้าเครื่องของคุณติดตั้ง Service Pack 2 ของวินโดวส์ เอ็กซ์พี ให้ข้ามข้อนี้ไปได้เลยแต่สำหรับผู้ที่ยังใช้ Service Pack 1 และต้องการแก้ไขเฉพาะส่วนนี้เท่านั้น ให้ดาวน์โหลดไฟล์อัพเดตของ usbohci.sys ได้จากเว็บไซต์ http://support.microsoft.com/kb/322389/EN-US
# Error code 0xc000026C/ 0xc0000221
เมื่อ คุณรีสตาร์ตเครื่องใหม่ และพบข้อความ “ Unable to load device driver” พึงเข้าใจไว้เลยว่ามาจาก Error code ทั้งสองตัวนี้ สาเหตุนั้นมาจากไฟล์ device driver (.sys) ของอุปกรณ์ได้รับความเสียหายหรือไม่พบไฟล์เหล่านี้ วิธีแก้ไขให้บูตเครื่องจากแผ่นแล้วให้ซ่อมแซมไฟล์ (‘R’) พิมพ์ cd windowssystem32drivers ที่หน้าต่าง Recvery และให้แก้ไขชื่อไฟล์ไดรเวอร์ที่ได้รับความเสียหายโดยพิมพ์ ren drivername.sys drivername.bak (drivername คือชื่อไฟล์ไดรเวอร์ที่ได้รับความเสียหาย) จากนั้นก๊อบปี้ไฟล์ไดรเวอร์จากแผ่นซีดีติดตั้งตั้งลงไปโดยพิมพ์ copy cd-rom:i386 drivername (cd-rom: คือไดรเวอร์ที่ติดตั้งซีดีรอม)
# Error Code C00D1199
เป็น รายงานความผิดพลาดจากโปรแกรม Windows media player ซึ่งแสดงว่ามีปัญหาเกิดขึ้นกับไฟล์ออดิโอหรือไฟล์มีเดียโดยไฟล์มีเดียดัง กล่าวอาจไม่ได้รับการสนับสนุนจากโปรแกรมรวมทั้งตัว Codec ที่ใช้คลายสัญญาณบีบอัดของ Windows Media Player ก็อาจไม่รองรับกับอัลกอริทึมที่ใช้ในการบีบอัดไฟล์เหล่านั้นได้ ทางแก้ที่ง่ายทีสุดคือ ติดตั้ง plug in เพิ่มลงไป หรืออัพเกรดเป็นเวอร์ชันล่าสุดก็ได้เช่นกัน
# Error Code -182
รหัส ความผิดพลาด –182 (“timeout”) นี้จะเกิดขึ้นกับคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อเข้ากับระบบเครือข่าย ซึ่งไม่มีสัญญาณตอบรับหรือขาดการเชื่อมต่อไปเรียบร้อยแล้ว คุณจะพบรายงานความผิดพลาดนี้ได้จากการเข้าเว็บไซต์ที่ไม่สามารถเชื่อมต่อได้ ในเวลาที่ระบบกำหนดไว้ หรือโปรแกรมพวก ftp ที่คุณใช้โอนถ่ายข้อมูลก็เช่นเดียวกัน ปัญหานี้มาจากระบบเซิร์ฟเวอร์ที่ให้บริการมีการจราจรค่อนข้างหนาแน่น จนไม่สามารถตอบสนองได้ทันท่วงทีนั่นเอง
# Error Code 0x0000007B
ปัญหา นี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้าคุณไม่ย้ายฮาร์ดดิสก์ที่ติดตั้งวินโดวส์ไปใช้กับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ เพราะเมื่อเปิดเครื่องปุ๊บ สักพักก็จะปรากฏรหัสความผิดพลาดแบบนี้ขึ้นมา สาเหตุที่เราไม่สามารถถอดฮาร์ดดิสก์ที่ติดตั้งวินโดวส์จากเครื่องหนึ่ง ไปใช้กับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ได้ ก็เพราะเป็นข้อกำหนดของวินโดวส์ เอ็กซ์พี ที่จะไม่ตรวจสอบอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ใหม่ทั้งระบบ วินโดวส์ต้องการไดรเวอร์ของเมนบอร์ด ชิปเซต และข้อมูลโปรไฟล์สำคัญของอุปกรณ์ pug & play ที่แต่ละเครื่องจะแตกต่างกันไปตามผู้ผลิตอุปกรณ์เหล่านั้น ถ้าคุณต้องการใช้วินโดวส์จริงๆ ก็ควรเตรียมฮาร์ดแวร์ให้เหมือนของเดิมทุกประการ เท่านี้ก็ใช้ได้แล้วครับ
# Error Code 0x0000009F
ถ้า คุณพบรายงานแจ้งเกี่ยวกับ “ driver Power State Failure” นั่นก็หมายความว่า ส่วนจัดการเปลี่ยนโหมดการใช้พลังงานของพีซีและโน้ตบุ๊กได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะมักเกิดขึ้นกับไดรเวอร์ของอุปกรณ์ที่ไม่ผ่านการรับรองจากไมโครซอฟท์ วิธีตรวจสอบให้ใช้คำสั่ง sigverif จาก Start->Run เพื่อเปิดยูทิลิตี้ File Signature Verification ขึ้นมาตรวจสอบไดรเวอร์ของอุปกรณ์ หลังจากนั้นให้อัพเดตโปรแกรมตรวจจับไวรัสและสั่งสแกนเพื่อค้นหาไฟล์ไดรเวอร์ แปลกปลอมที่อาจถูกสร้างขึ้นมาจากไวรัสได้
# Error Code 0x00000050
ความ ผิดพลาดนี้เกิดขึ้นจากมีการอ้างตำแหน่งพื้นที่ของหน่วยความจำที่ผิด ซึ่งเกิดขึ้นจากอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ โดยพื้นที่ดังกล่าวเป็นส่วนที่นอกเหนือจากการใช้งานปกติ ทำให้ระบบแจ้งความผิดพลาดขึ้นมา วิธีแก้ไขที่ง่ายที่สุด ให้ถอดอุปกรณ์ล่าสุดที่คุณเพิ่งติดตั้งลงไปแล้วเกิดปัญหาขึ้นมา จากนั้นเสียบลงไปใหม่และลงไดรเวอร์แล้วสั่งรัน Diagnostic เพื่อตรวจสอบอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์อีกครั้ง หากในรายการอุปกรณ์จาก Device Manager ขึ้นสถานะ Disable แล้วละก็ ให้ติดต่อกับทางผู้ผลิต
# Error Code 0x000000A0
เมื่อ คุณสั่งวินโดวส์ เอ็กซ์พีเข้าสู่โหมดจำศีล (hibernate) เพื่อประหยัดพลังงาน แต่ปรากกว่ามีหน้าจอ บลูสกรีนแสดงขึ้นมาพร้อมรหัสแสดงความผิดพลาด นั่นก็หมายความว่า ไดรเวอร์ของ Atapi ไม่สามารถจัดการกับฮาร์ดดิสก์ที่อยู่ในสภาวะ time-out ได้ในระหว่างขั้นตอน hibernation ปัญหานี้ยังคงเกิดขึ้นกับเครื่องที่ติดตั้งวินโดวส์ เอ็กซ์พี SP1 แต่ถ้าคุณอัพเดตเป็น SP2 แล้วละก็ อาการที่ว่านี้จะได้รับการแก้ไขเรียบร้อย
# Error Code 0x8ddd0010
เป็น รหัสแสดงความผิดพลาดของ “windows update error” ในระหว่างที่คุณคลิ้กลิงก์ในเว็บไซต์เพื่อจะอัพเดตไฟล์ ปรากฏว่าวินโดวส์ เอ็กซ์พี ( SP2) แจ้งความผิดพลาดที่เกี่ยวกับ “http error 500” “Internal server error” และ error code ดังกล่าวขึ้นมา พร้อมทั้ง IE ขึ้นแถบสีเหลืองแสดงอาการบล็อก Pop-up วิธีแก้ไขคือ เปิด IE ขึ้นมา ไปที่เมนู Tools กดที่ตัว Pop-up Blocker และเลือกที่ Pop-up Settings จากนั้นพิมพ์ http://v5.windowsupdate.microsoft.com ลงไปในช่องอนุญาตเว็บไซต์ที่จะไม่ถูกบล็อก Pop-up คลิ้ก Add เพื่อเพิ่มรายการลงไป และกดปิดหน้าต่างก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
# Error Code 0x8ddd0018
ความ ผิดพลาดนี้อาจเกิดขึ้นเพราะ BITS ( Background Intelligent Transfer Service) ถูกยกเลิกการทำงาน ซึ่งจะแสดงขึ้นมาตอนที่โปรแกรมติดตั้ง XP SP2 กำลังรัน แต่ถูกยกเลิกกลางคันด้วย error code ที่ว่านี้ วิธีแก้ไขคือ ให้รัน services.msc หน้าต่าง Run คลิ้กขวาที่รายการ Automatic update แล้วเลือก Properties ที่ช่องของ Startup ให้เลือกเป็น Automatic และกด Apply สังเกตที่ช่อง Status หากเป็น Stopped ให้คลิ้กเลือกเป็น Start ได้จากเมนู Action และทำเช่นเดียวกันนี้กับรายการของ Background Intelligent Transfer Service เพียงแต่ที่ช่อง Startup ให้เลือกเป็น Manual แทน
# Error Code 0x800a0046
เป็นหนึ่งในความผิด พลาดที่เกิดขึ้นกับ “Windows update” ส่วนสาเหตุนั้นมีหลายอย่าง แต่ขอยกเรื่องของ ‘User Account’ มาเป็นตัวอย่าง หากยูสเซอร์ ล็อกออนเข้าระบบผ่าน Guest หรือผ่านแอ็กเคานต์ที่จำกัดผู้ใช้งานแล้วสั่งอัพเดตวินโดวส์ก็จะพบกับปัญหา ที่ว่านี้ วิธีแก้ control admintools ในหน้าต่าง Run เลือกที่รายการ Computer Management ขยายโฟลเดอร์
LocalUsers and Groups แล้วเลือกที่ Users จากนั้นเปิดแอ็กเคานต์ที่ใช้เข้าสู่ Windows update ที่แท็บ Member Of ให้ลบรายชื่อแอ็กเคานต์ที่ไม่ได้ใช้ออกไป
# Error Code 0x800a138f
สำหรับ รหัสความผิดพลาดนี้ มาจากการกระทำของไวรัสที่ชื่อ MSBLast ได้เข้าไปแก้ไขข้อมูลบางอย่างในเว็บไซต์อัพเดตหลัก ทำให้บราวเซอร์ IE ของเราใช้การดาวน์โหลดไฟล์ผ่าน SSL (HTTPS) แทนที่จะเป็น Active X จนเกิดความผิดพลาดขึ้นมา วิธีแก้ ให้ลบไฟล์ Temp ของอินเตอร์เน็ต และ Clear History จากหน้าต่าง Internet Options ของ IE
# Error Code 0x800b0004
รหัส ความผิดพลาดนี้เกิดขึ้นเมื่อการอัพเดตไฟล์วินโดวส์ไม่สำเร็จ คือมีการดาวน์โหลดมาแล้วแต่ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ การแก้ปัญหานั้น ให้เข้าไปที่เว็บไซต์อัพเดตของไมโครซอฟต์ แล้วกดยอมรับ Microsoft Trust Certificate ที่แสดงขึ้นมา ปรับค่า Internet Security ให้เป็น Medium จากหน้าต่าง Internet Option รวมทั้งลบไฟล์ Temp ของอินเตอร์เน็ตด้วย หากยังแก้ปัญหาไม่ได้ ให้ติดตั้งไฟล์รีจิสทรีที่เป็นของ Digital Signatures (.dll) ทับลงไปอีกครั้ง โดยเปิดหน้าต่าง Command จาก Run แล้วพิมพ์คำสั่งดังนี้
Net start cryptsvc (กด Enter)
Regsvr32 softpub.dll
regsvr32 wintrust.dll (กด Enter)
regsvr32 initpki.dll (กด Enter)
regsvr32 dssenh.dll (กด Enter)
regsvr32 rsaenh.dll (กด Enter)
regsvr32 gpkcsp.dll (กด Enter)
regsvr32 sccbase.dll (กด Enter)
regsvr32 slbcsp.dll (กด Enter)
regsvr32 cryptdlg.dll (กด Enter)
จากนั้นให้รีบูตเครื่องใหม่ แล้วลองเข้าเว็บอัพเดตวินโดวส์อีกครั้งโดยสั่งให้ระบบ Automatic Update ทำงาน
# Error Code 0x80072ee2
ปัญหา นี้เกิดจาก Host file ในเครื่องคุณไม่สามารถแม็ปเข้ากับ IP แอดเดรสของเว็บไซต์ได้ ซึ่งเป็นการทำงานของ DNS ที่ต้องใช้ Host file ดังกล่าว หาที่อยู่ของเว็บไซต์จริงๆ ให้กับเว็บบราวเซอร์ของคุณ ให้ใช้ Notepad เปิด Host file ขึ้นมา โดยไฟล์นี้อยู่ที่พาธ C:WindowsSystem32Driversetc เลือกเปิดแบบ All file จากนั้นให้ลบบรรทัดที่มีรายการเกี่ยวกับ Windows Update ปรากฏอยู่ เช่น http://v4.windowsupdate.microsoft.com ให้เซฟไฟล์ทับลงไป และรีบูตเครื่องใหม่
# Error Code 126
เป็นรหัสความผิด พลาดที่มาจาก “Cryptographic Service” ซึ่งเป็นหนึ่งในบริการบนวินโดวส์ เอ็กซ์พี ที่จะดูแลความถูกต้องของฐานข้อมูล ไฟล์ต่างๆ รวมทั้งโฟลเดอร์ทั้งหมดที่อยู่ใน C:WINDOWSsystem32CatRoot2 ออกให้หมด เปิดหน้าต่าง Command ขึ้นมา เพื่อใช้งานยูทิลิตี้ sfc /scannow เพื่อสแกนตรวจสอบไฟล์สำคัญอย่าง cryptui.dll และ certcli.dll หากมีความผิดพลาดโปรแกรมจะให้ใส่แผ่นเซตอัพวินโดวส์ เพื่อก๊อบปี้ไฟล์ทั้งสองลงใหม่
# Error Code 643
เป็น หนึ่งในความผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้ระหว่างการอัพเดตวินโดวส์ถ้าพบ Error 643 แสดงขึ้นมา ให้แก้ไขได้โดย เปิดหน้าต่าง Command และพิมพ์คำสั่งดังนี้
del/q “%SystemRoot%”System32Catroot2Edb.log
ซึ่ง เป็นการลบดาต้าเบสไฟล์ของตัวอัพเดตทิ้ง โดยวินโดวส์จะสร้างขึ้นมาใหม่อีกครั้งเมื่อมีการทำงานของ Automatic Update เชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์
# Error Code 0x80072f8f
เป็นความผิด พลาดที่เกิดขึ้นจากการตั้งค่าตัวเลือก Date/Time ของ SSl ( Secure Socket Layer) ซึ่งแอพพลิเคชันบางตัวอ้างอิงวันและเวลาจาก SSL ในการทำงาน การแก้ไขนั้นให้ดับเบิ้ลคลิกที่นาฬิกา เพื่อเปิดหน้าต่าง Properties ขึ้นมาที่แท็บ Time Zone ให้เลือกโซนของเวลาให้ถูกต้อง
# Error Code 0x8007007e
ปัญหา นี้มักเกี่ยวข้องกับบั๊กที่อยู่ใน Micrsoft Parser (MSXML) ซึ่งแอพพลิเคชั่นส่วนใหญ่ใช้บริการ MSXML ด้วยแต่อาจมีบางโปรแกรมที่ได้ถูกรีจีสอย่างถูกต้อง ทำให้เกิดปัญหาขึ้นมาเวลาอัพเดตไฟล์แต่ละครั้ง วิธีแก้นั้น ให้เปิดหน้าต่าง Command ขึ้นมาและพิมพ์คำสั่ง regsvr32 msxml3.dll
# Error Code 0x80090006
ถ้า error นี้เกิดขึ้นระหว่างที่มีการโคลนนิ่งบูตพาร์ทิชั่นจากฮาร์ดดิสก์ลูกหนึ่ง นั่นก็แสดงว่า วินโดวส์ เอ็กซ์พี ได้ตรวจพบฮาร์ดแวร์ของทั้งสองเครื่องไม่ตรงกัน ถึงแม้คุณจะมีอุปกรณ์ภายในยี่ห้อเดียวกันหมดก็ตาม แต่วินโดวส์จะกำหนด ID ให้กับฮาร์ดแวร์ในระบบทุกชิ้น ซึ่งก็อาจจะใช้ข้อมูล Serial number ของอุปกรณ์มาร่วมด้วย ทำให้การย้ายวินโดวส์ไปใช้เครื่องอื่นมีข้อผิดพลาดขึ้น สิ่งที่คุณต้องทำคือใช้ออปชัน Repair เข้ามาช่วยในการตรวจสอบอุปกรณ์และไดรเวอร์ใหม่อีกครั้งแต่ทางที่ดีควรลงใหม่ เลยดีกว่า
# Error Code 0x8024402c
มีการซ้อนทับค่าบางตัว ของ Proxy Setting ที่ใช้สำหรับตั้งค่าการทำงานให้กับการเชื่อมต่อเน็ตเวิร์ก ทำให้เกิดข้อผิดพลาดนี้ขึ้นระหว่างการอัพเดตไฟล์ สำหรับการแก้ไขนั้น ให้เข้าไปลบอักษรทั้งหมดที่ปารกฏอยู่ในช่อง Exceptions section โดยจากหน้าต่าง Internet Options ให้เลือกที่แท็บ Connections->Lan Setting->Advanced เพื่อเปิดหน้าต่าง Command ขึ้นมา และพิมพ์ proxycfg –d แล้วตามด้วย Enter พิมพ์คำสั่ง net wuauserv กด Enter อีกครั้ง และพิมพ์ net start wuauserv ตามด้วย Enter เป็นครั้งสุดท้าย
# Error Code 0x8024502d
สิ่ง ที่สร้างปัญหาในการอัพเดตวินโดวส์อย่างหนึ่งนั้น มาจากโปรแกรม Proxy และ Firewall ซึ่งหากคุณตั้งค่าการทำงานไม่รอบคอบละก็ คอมพิวเตอร์ของคุณอาจเข้าสู่บางเว็บไซต์ไม่ได้เลย รวมทั้งการอัพเดตไฟล์ของวินโดวส์เช่นกัน
# Error Code 0x80070002
เป็น ความผิดพลาดของข้อมูลที่อยู่ในโฟลเดอร์ DataStore ซึ่งไม่ตรงกับไฟล์อัพเดตที่ดาวน์โหลดมา วิธีแก้ไขให้รันโปรแกรม service.msc จากหน้าต่าง Run แล้วไปที่รายการ Automatic Updates service คลิ้กขวาแล้วเลือก Stop เพื่อหยุดการทำงานชั่วคราว จากนั้นให้พิมพ์ %windir%SoftwareDistribution ที่หน้าต่าง Run เพื่อเข้าถึงโฟลเดอร์ DataStore ที่เก็บอยู่ในนี้ ให้เปิดโฟลเดอร์ขึ้นมาและลบข้อมูลทั้งหมดทิ้ง และอย่าลืมกลับไปเปลี่ยนสถานะของ Automatic Update service ให้เป็น Start เหมือนเดิมด้วย
# Error Code 0x800A138F
หากหน้าจอแสดงความ ผิดพลาดด้วยรหัสแบบนี้ขึ้นมา เมื่อกำลังใช้งานโปรแกรม Netop อยู่นั้น ให้ลองเข้าไปเปิดไฟล์ Update.log ก็จะพบว่ารหัสที่แสดงขึ้นมาเป็น 00x80070057 แทน แต่อย่างไรก็ตาม มันคือความผิดพลาดอย่างเดียวกัน ส่วนวิธีแก้นั้นมีเพียงอย่างเดียวที่ทำได้คือ เข้าไปดาวน์โหลดไฟล์แก้ไขของโปรแกรม Netop ได้จากเว็บไซต์ http://www.netop.com/tech/download/fix/fixwinup.exe
# Error Code 0x80070422
วินโดวส์ ใช้บริการผ่าน Background Intelligent Transfer Service (BITS) ในการรับส่งข้อมูลผ่านแบนด์วิดธ์ของเน็ตเวิร์กที่ไม่ได้ใช้งาน ซึ่งรหัสความผิดพลาดนี้ก็มาจาก BITS ถูกยกเลิกการทำงานและเกิดขัดข้อง ให้เข้าไปเปลี่ยนค่า Start ของ BITS ที่อยู่ใน Properties ให้เป็น Manual แทนค่าเดิม แต่ก่อนหน้านั้นคุณต้องเปิดโปรแกรม services.msc จากหน้าต่าง Run เสียก่อน
# Error Code 0x80240030
เป็นข้อผิดพลาดที่ เกิดขึ้นเพราะความพยายามของคุณในการอัพเดตวินโดวส์ผ่าน VPN ซึ่งระบบ Automatic update ของวินโดวส์ รวมทั้งเว็บไซต์ที่ให้บริการไม่สนับสนุนฟังก์ชัน VPN นี้ ซึ่งทำงานของ Auto proxy เองไม่ได้จับเอาไฟล์ wpad.dat มาใช้กำหนด URL ที่เป็นเป้าหมายด้วยเช่นกัน ดังนั้น ไม่ต้องอัพเดตผ่าน Proxy และพยายาม เชื่อมต่อกับเว็บไซต์อัพเดตในขณะที่เครื่องไม่มีการทำงานผ่าน VPN
# Error Code 0x80248011
ปัญหา นี้มาจากอินเทอร์เน็ตแคชเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งอาจมีข้อมูลไม่สมบูรณ์ถูกฝังไว้และยังคงทำงานอยู่ รวมทั้งมีไวรัสต่างๆ ติดอยู่กับไฟล์แคชเหล่านี้ด้วย ให้คุณลบไฟล์ Temp Internet Cookies Clear History และรวมทั้งDelete all offline content ด้วยเพื่อลบสิ่งแปลกปลอมรวมทั้งข้อมูลที่ผิดพลาดออกไปให้หมด
# Error Code 800c0008
Windows media player มีปัญหาขัดข้อง ทำให้ไม่สามารถพรีวิวไฟล์ .wmv ผ่านHotmail ได้ จึงรายงานความผิดพลาดขึ้นมา แนะนำให้คุณใช้วิธีการ Save Target As ของไฟล์ .wmv เอาไว้ในฮาร์ดดิสก์ก่อน เพราะบางครั้งเซิร์ฟเวอร์ของ Hotmail อาจมีปัญหาจึงไม่สามารถพรีวิวไฟล์เหล่านี้ได้
# Error Code 80040154
หาก คุณกำลังเปิดไฟล์ AVI MPEG/MPG WMV และไฟล์เดียอื่นๆ แล้วปรากฏว่ามีรายงานความผิดพลาดแบบนี้ขึ้นมา นั่นก็หมายความว่า Codec (Coder/Decoder) ของโปรแกรมเล่นไฟล์มีเดียได้รับความเสียหาย โดยคุณสามารถดาวน์โหลดไฟล์ Codec ในฟอร์แมตต่างๆได้จากเว็บไซต์ของผู้พัฒนาโปรแกรมนั้นๆ มาติดตั้งลงไปใหม่ได้ซึ่งในระหว่างที่คุณกำลังสำเนาเพลงจากแผ่นซีดีมาเก็บ ไว้ในฮาร์ดดิสก์ด้วยโปรแกรม Windows Media Player นั้น ปรากฏว่ามีโค้ดความผิดพลาด “c00d11cd” แสดงขึ้นมา สาเหตุก็เพราะว่าโปรแกรม Windows Media Player ไม่สามารถเขียนข้อมูลที่มาจากแผ่นซีดีลงในฮาร์ดดิสก์ได้นั่นเอง โดยความผิดพลาดส่วนใหญ่จะมาจากไฟล์ encoding ที่ชื่อว่า “wmadmoe.dll” ซึ่งเป็นไฟล์ของวินโดวส์ไม่ตอบสนองการทำงานในระหว่างการสำเนาซีดี วิธีแก้ไขคือ ต้องติดตั้งไฟล์รีจิสทรีนี้ลงไปใหม่ เข้าไปที่เมนู Start -> Run พิมพ์ regsvr32 wmadmoe.dll แล้วกด Ok เพื่อรันคำสั่ง แต่ถ้าใช้วิธีนี้แล้วไฟล์ยังคง error เหมือนเดิม ให้เข้าไปที่เมนู Start -> Run พิมพ์ sfc/scannow เพื่อสแกนซ่อมแซมไฟล์ระบบที่เสียหายทุกๆ ไฟล์ หลังจากสแกนเสร็จแล้วให้ลองสำเนาซีดีอีกครั้ง
# Error Code 8004022f
รหัส ความผิดพลาดนี้มาพร้อมกับข้อความ “Invalid File Format” โดยโปรแกรม Windows media player เป็นผู้แจ้งขึ้นมา สาเหตุจากโปรแกรมไม่สนับสนุนไฟล์มีเดียดังกล่าว รวมทั้งตัว Codec ของโปรแกรมพยายามที่จะทำงานกับไฟล์เหล่านั้นด้วย วิธีแก้ปัญหา หากเป็นไฟล์มีเดียที่โปรแกรมไม่รู้จัก ให้ติดตั้ง Plug-jn หรือ Codec ลงไปคุณอาจต้องติดตั้ง DirectX และ Windows media player ลงไปใหม่อีกครั้ง เพื่อช่วยแก้ปัญหาไฟล์ระบบและโปรแกรมที่ได้รับความเสียหาย
# Error Code 0x00000024
ข้อ ผิดพลาดนี้เกิดขึ้นเพราะไฟล์ Ntfs.sys ได้รับความเสียหาย ทำให้ระบบอนุญาตให้ดิสก์ที่ฟอร์แมตด้วย FAT16 และ FAT32 สามารถอ่านและเขียนข้อมูลลงไปในดิสก์ที่ฟอร์แมตด้วย NTFS ได้ วิธีแก้ให้เปิดหน้าต่าง Command ขึ้นมาและพิมพ์ตำสั่ง chkdsk drive:/f แนะนำให้สแกนดิสก์โดยเลือก Scan for and attempt recovery of bad sector หลังจากที่ใช้คำสั่งนี้ด้วย
# Error Code 0x10ff0800
ระหว่าง ที่ใช้พรินเตอร์ สแกนเนอร์อยู่นั้น หากเกิดข้อผิดพลาดในการทางานกับพอร์ตขนานในโหมด ECP ซึ่งตอนนี้พรินเตอร์ สแกนเนอร์ ที่เชื่อมต่อกับพีซีผ่านพอร์ตขนานจะทำงานในโหมด EPP เท่านั้น ให้เข้าไปเลือกในไบออสตรง Parallel port setting จากโหมด ECP ไปเป็น EPP แนะนำถ้าพรินเตอร์มีพอร์ต USB ให้เชื่อมต่อกับพีซีผ่าน USB จะสะดวกที่สุด และไม่เกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นอีกด้วย
# Error Code 0x0000003F
ใน ระหว่างที่มีการจัดการกับไฟล์ขนาดใหญ่ แต่ระบบกลับพบว่ามีพื้นที่ไม่ต่อเนื่องจำนวนมากกระจัดกระจายอยู่บนดิสก์ ทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้นมา วิธีแก้ เปิดโปรแกรม regedit จากหน้าต่าง Run เข้าไปที่ HKEY_LOCAK_MACHINESYSTEMCurrentControlSetControlSession ManagerMemory Management ดับเบิลคลิ้กที่ PagePoolSize และใส่ค่าเป็น ‘0’ ดับเบิลคลิ้กที่ SystemPages ให้ใส่ค่า 40000 ลงไปสำหรับระบบที่มีแรม 128MB และค่า 110000สำหรับระบบที่มีแรมอยู่ระหว่าง 128-256MB
# Error Code 0x00000077
เป็น ความผิดพลาดที่ระบบไม่สามารถอ่านข้อมูลจาก Virtual memory มาไว้ที่หน่วยความจำหน่วยความจำหลักได้ ซึ่งอาจเกิดจากฮาร์ดดิสก์มี Bad sector หรือมีไวรัสฝังตัวอยู่ สำหรับวิธีแก้นั้น ให้รันโปรแกรมตรวจจับไวรัสที่ตำแหน่ง boot sector ด้วย และหากฮาร์ดดิสก์ของคุณฟอร์แมตด้วยระบบไฟล์แบบ NTFS ให้รัน chkdsk /r/k ที่ดอส Command เพื่อตรวจสอบความผิดพลาดด้วย
# Error Code 0x00000079
เมื่อ เฟิร์มแวร์ของACPI ถูกแก้ไขค่าภายใน ผลที่ตามมาคือรหัสความผิดพลาดที่แสดงอยู่นี้ และอีกสาเหตุหนึ่งก็คือ มีการก๊อบปี้ไฟล์ระบบผิดพลาดระหว่างขั้นตอนการ Repair วินโดวส์ด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นการสลับกันระหว่างไฟล์ Ntoskrnl.exe กับ Ntkrnlmp.exe โดยไฟล์อันแรกจะใช้ในระบบที่เป็นโพรเซสเซอร์เดี่ยว และไฟล์หลังใช้กับระบบที่เป็นมัลติโพรเซสเซอร์ วิธีแก้ไขอาจใช้การก๊อบปี้ไฟล์ที่ถูกต้องจากแผ่นซีดีติดตั้งวางลงไปใน โฟลเดอร์ของวินโดวส์ได้เช่นกัน
# Error Code 0x0000007A
บ่อย ครั้งที่ปัญหานี้มักเกิดขึ้นจากพารามิเตอร์ I/O Status code ซึ่งบ่งบอกถึงการทำงานร่วมกันระหว่างดิสก์และคอนโทรลเลอร์ไม่คอมแพตทิเบิล กัน รวมทั้งเฟิร์มแวร์ และไดรเวอร์ของอุปกรณ์ด้วย การแก้ปัญหานั้นคุณสามารถติดตั้งไดรเวอร์ คอนโทรลเลอร์ที่ไม่ใช่ของวินโดวส์ได้เช่นกัน ให้บูตด้วยแผ่นซีดีติดตั้ง เมื่อถึงหน้าจอพรอมพ์ ให้กดปุ่ม F6 เพื่อเป็นการเลือกไดรเวอร์ คอนโทรลเลอร์ของฮาร์ดดิสก์ ( ATA/SCSI) ที่ต้องการได้เอง
# Error Code 0x0000002E
สาเหตุ ของความผิดพลาดนี้มาจาก “Data bus error” นั่นเอง ซึ่งหน่วยความจำหลักไม่สามารถแมปแอดเดรสของ L2 แคช วิดีโอเมมโมรี รวมทั้งหน่วยความจำของบอร์ดเข้าด้วยกันได้ (ความผิดพลาดของหน่วยความจำ) ทำให้เมื่อมีอุปกรณ์ต้องการอ้างถึงแอดเดรสเหล่านี้จึงไม่สามารถทำได้ วิธีแก้ให้ใช้โปรแกรมประเภท Diagnostic ตรวจสอบหน่วยความจำ เมื่อพบตัวที่เสียให้เปลี่ยนออกไปและแทนที่ด้วยของใหม่
# Error Code 0x0000007F
รหัส ความผิดพลาดนี้เกิดขึ้นจากสาเหตุ 3อย่าง คือ ซอฟต์แวร์มีปัญหาฮาร์ดแวร์ไม่ตอบสนอง และเคอร์เนลโหมดทำงานผิดพลาด ถ้ามันเกิดขึ้นหลังจากการติดตั้งฮาร์ดแวร์ตัวใหม่ลงไป ให้คุณตรวจสอบดูไดรเวอร์ และรัน Diagnostic เพื่อตรวจสอบการทำงานของอุปกรณ์และหากมาจากการโอเวอร์คล็อกสัญญาณนาฬิกาของ ระบบ ก็ให้เซตค่ากลับมาเหมือนเดิม แล้วรัน Diagnostic อีกครั้ง
# Error Code 0x000000C2
หาก ความผิดพลาดนี้เกิดขึ้นระหว่างการอัพเดตวินโดวส์ สาเหตุอาจมาจากความไม่เข้ากันของไดรเวอร์อุปกรณ์บางตัว เซอร์วิสที่เปิดรันอยู่ขณะนั้น แอนตี้ไวรัส หรือยูทิลิตี้สำหรับแบ็กอัพข้อมูล สิ่งที่คุณต้องทำเพื่อหยุดปัญหาก็คือ Remove ซอฟต์แวร์ไดรเวอร์ที่เป็น Third-party ของอุปกรณ์ที่น่าจะสร้างปัญหาออกไปก่อนซึ่งอาจรวมทั้งการ Uninstall โปรแกรมแอนตี้ไวรัสด้วยเช่นกัน หลังจากนั้นจึงค่อยติดตั้งลงไปเหมือนเดิม
# Error Code 0X000000BE
สาเหตุ ความผิดพลาดนี้มาจากมีไดรเวอร์ของอุปกรณ์หรือซอฟต์แวร์บางตัวพยายาม เขียนข้อมูลลงไปยังพื้นที่หน่วยความจำที่ใช้อ่านได้เพียงอย่างเดียว การแก้ไขให้เข้าไปดูใน Device manager ว่ามีรายชื่อของอุปกรณ์ตัวใดมีสถานะเป็น Disable บ้างให้ Remove ออกและติดตั้งใหม่ให้ถูกต้อง เพราะอาจลงเวอร์ชันผิดได้เช่นกัน หากเป็นซอฟต์แวร์ที่มีผลต่อระบบอย่างมาก แนะนำให้แบ็กอัพข้อมูลของคุณไว้ด้วยทุกครั้ง
# Error Code 0x0000007B
เป็น ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นเมื่อวินโดวส์ไม่สามารถเข้าถึงพาร์ทิชันของระบบ ได้ในระหว่างการบูต สาเหตุก็มาจากคุณได้ติดตั้งฮาร์ดดิสก์ตัวใหม่ลงไป และบังเอิญไดรฟ์ที่บูตได้ก็ไม่ใช่ Primary partition อย่าง C: ทำให้ระบบจดจำฮาร์ดดิสก์ลูกใหม่ที่ติดตั้งลงไปแทน วิธีแก้ให้เปิดไฟล์ Boot.ini หรือไปที่ Boot Manager แล้วแก้ไขตำแหน่ง ไดรฟ์ที่ใช้บูตให้ถูกต้อง
# Error Code 0x0000009F
ถ้า รายงานความผิดพลาดนี้เกิดขึ้นระหว่างที่ชัตดาวน์ระบบ นั่นก็หมายความว่า ส่วนที่จัดการ “Power state” ไม่ตอบสนองต่อคำสั่งปัญหานี้มาจากทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ไดรเวอร์ และโปรแกรม ถ้ามันเกิดขึ้นหลังจากที่ติดตั้งโปรแกรม หรืออุปกรณ์ต่อพ่วงให้ Remove ออกแล้วรัน Diagnostic เพื่อตรวจสอบการทำงานของฮาร์ดแวร์ระบบ เมื่อเสร็จแล้วให้ลองติดตั้งลงไปใหม่ดูว่าเกิดปัญหาอีกหรือไม่
# Error Code 0x000000CE
การ์ด แสดงผลที่มีฟังก์ชันของ TV Tuner หรือ Video capture อยู่ด้วย อาจเกิดความผิดพลาดเช่นนี้ได้เมื่อกำลังเข้าสู่เดสก์ทอปของวินโดวส์ หากคุณใช้ไดรเวอร์แสดงผลที่เป็นของวินโดวส์ 2000 แทน XP แล้วละก็ โอกาสความผิดพลาดนี้ก็จะมีสูงขึ้น สิ่งที่คุณต้องทำเพื่อแก้ปัญหาคือ Remove ไดรเวอร์ตัวเก่าออก แล้วลงไดรเวอร์ที่ถูกต้อง ( XP) รวมทั้งให้ติดตั้ง DirectX ที่เป็นเวอร์ชันใช้งานบน XP ด้วย
# Error WMP.DLL
หาก พบความผิดพลาดนี้ก็แสดงว่าคุณไม่สามารถใช้ Windows media player เปิดไฟล์วิดีโอได้ ซึ่งสาเหตุอาจมาจากมีไฟล์ wmp.dll มากกว่าหนึ่งเวอร์ชันในโฟลเดอร์โปรแกรม ให้พิมพ์ C:windowsinfunregmp2.exe/UpdateWMP ที่หน้าต่าง Run เพื่อเคลียร์ไฟล์ .dll เวอร์ชันที่ถูกต้องให้กับโปรแกรมหากปัญหาหนักขึ้นถึงขั้นรีจิสทรีของไฟล์ .dll นี้เสียหาย ให้ติดตั้งรีจิสทรีลงไปใหม่อีกครั้งโดยใช้คำสั่ง regsvr32 wmp.dll
# Error WMPDXM.DLL
สาเหตุนั้นเกิดขึ้นในตอนที่ คุณติดตั้งโปรแกรม Windows Player9 หรือ 10 ลงไปในเครื่องที่มีโปรแกรมนี้ในเวอร์ชันก่อนอยู่แล้ว และข้อความ “Explorer has caused an error in WMPDXM.DLL” แสดงขึ้นมา นั้นก็หมายความว่า เกิดความผิดพลาดกับไฟล์ “WMPDXM.DLL” สิ่งที่เราต้องทำคือติดตั้งมันลงไปใหม่โดยพิมพ์ regsvr32 msdxm.ocx ที่หน้าต่าง Run กด Enter จากนั้นพิมพ์ regsvr32 dxmasf.dll ลงไปแล้วกด OK อีกครั้ง หากว่า IE ยังคงค้างอยู่หน้าจอเดิม ให้เปิดหน้าต่าง Run ขึ้นมาอีกครั้ง พิมพ์ regsvr32 wmp.dll ลงไปแล้วกด OK จากนั้นก็พิมพ์ regsvr32 wmpdxm.dll ลงไปแล้วทำซ้ำแบบเดิมอีกครั้ง
ขอบคุณ sb.in.th สำหรับข้อมูล EROR CODER