Link
http://www.vcharkarn.com/vblog/38796/6
ปัญหาส่วนใหญ่ เกิดจากอะไรบ้าง
ส่วนใหญ่ของปัญหาเครื่องคอมพิวเตอร์ค้างก็มีได้มากมาย แต่สาเหตุหลัก ๆ ก็ขอรวบรวมมาไว้ตรงนี้
1. การไม่เข้ากันของอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่นเมนบอร์ดกับการ์ดจอ หรือการ์ดเสียง
2. การต่อสายไฟ สายส่งข้อมูลต่าง ๆ หลวมหรือต่อไว้ไม่แน่นดีพอ
3. การเสียบแรม ขั้วต่อสาย หรือ การ์ด ต่าง ๆ หลวมหรือไม่แน่น
4. ความสกปรกของจุดสัมผัสของอุปกรณ์ เช่นขาของแรม ขั้วต่อของการ์ดต่าง ๆ ในเครื่อง
5. ฮาร์ดดิสก์ เริ่มมีปัญหา หรือใกล้จะเสีย
6. ระบบไฟ หรือระบบจ่ายไฟไม่ดีพอ เช่นไฟตกบ่อย ๆ หรือชุดจ่ายไฟไม่ดั
7. การลงโปรแกรมไม่สมบูรณ์ หรือมีปัญหากับซอฟต์แวร์บางตัว
8. ความร้อนของ ซีพียู พัดลมของ ซีพียู ตรวจสอบว่ายังทำงานได้ปกติหรือไม่
9. ก่อนที่จะเกิดปัญหา ได้มีการทำอะไรบ้าง เช่นลงโปรแกรมเพิ่ม หรือเพิ่มการ์ดในเครื่อง นั่นอาจจะเป็นสาเหตุหลักก็ได้
1. ซีพียู
เครื่องที่แฮงค์บ่อย เนื่องจาก ซีพียู นี้ เกิดจากการนำเอา ซีพียูรุ่นต่ำกว่ามาขายเป็นรุ่นสูงกว่า
เนื่องจากซีพียูแต่ละตัว จะถูกผลิตให้ทำงานเกินมาตรฐานประมาณ 20 % อยู่แล้ว ทำให้เกิดมีพ่อค้าหัวใส
เอาซีพียูรุ่นต่ำกว่ามาสกรีนข้อความบนตัวซีพียูใหม่ เป็นรุ่นสูงกว่า ขายได้ในราคาสูงกว่า วิธีการแบบนี้เรียกว่า การ remark บางครั้ง ผู้ขายเครื่อง (ประกอบเครื่องขายอีกที) ก็ไม่รู้ว่า ซีพียูนั้นถูก remark หรือไม่ เขาก็รับซีพียูมาเพื่อประกอบอีกทีหนึ่ง พวกนี้ เวลาเรานำเครื่องไปเคลม เขาเองก็หาสาเหตุไม่ได้เหมือนกัน ก็ต้องลองเปลี่ยนชิ้นส่วนไล่ไปทีละตัว จนกว่าเครื่องจะมีอาการดีขึ้น
2. พัดลมซีพียู
พัดลมก็สามารถเป็นสาเหตุให้เครื่องแฮงค์ได้เหมือนกัน ถ้าเป็นพัดลมคุณภาพต่ำ หรือเป็นพัดลมตัวเล็ก ไม่เพียงพอความต้องการของซีพียู ก็จะทำให้ซีพียูเกิดความร้อนสูงเกินไป จนทำให้เครื่องแฮงค์ได้ ถ้าแน่ใจว่าพัดลมตัวใหญ่พอ สาเหตุอาจเกิดจากพัดลมเสีย คือ หมุนบ้างไม่หมุนบ้าง หรือไม่หมุนเลย แบบนี้ ซื้อตัวใหม่เปลี่ยนได้เลย ถ้าซื้อใหม่ ควรซื้อพัดลมที่มีตัววัดรอบการหมุนของใบพัดด้วย เราจะได้ตรวจเช็คได้โดยทาง software หรือ ทาง bios โดยไม่ต้องเปิดฝาเครื่องดู
3. เพาเวอร์ซัพพลาย
หลายคนคงหาสาเหตุการแฮงค์ไม่เจอ เปลี่ยนชิ้นส่วนทุกชิ้นส่วนดูแล้ว ฟอร์แมต ลงโปรแกรมใหม่ก็แล้ว
เครื่องก็ยังแฮงอยู่เรื่อย ใครจะรู้ อีกสาเหตุหนึ่งมาจากตัวเพาเวอร์ซัพพลายนี่แหละครับ ถ้าเพาเวอร์ซัพพลายไม่ดี คือ จ่ายไฟไม่สม่ำเสมอ จ่ายไฟขาดบ้าง เกินบ้าง ไม่ใช้แค่เครื่องแฮงค์ครับ ชิ้นส่วนบางชิ้น หรือทุกชิ้น อาจพังได้ ต้องระวังให้ดี เราสามารถเช็คกระแสไฟได้จาก bios หรือจาก software เช่น Motherboard Monitor คอยหมั่นเช็คก็ดีครับ แต่ถ้าเจอแบบ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายหละก็ คงเช็คยาก ลงทุนเปลี่ยนตัวใหม่ก็ดีครับ ตัดปัญหา เพาเวอร์ตัวหนึ่ง ถ้าเป็น AT ไม่เกิน 500 บาทหรอกครับ ถ้าเป็น ATX ก็ไม่น่าเกิน 800 บาท (แบบมาตรฐาน)
4. ฮาร์ดดิสค์
อีกสาเหตุหนึ่งก็ตัว ฮาร์ดดิสค์ นี่แหละครับ คือ อาการ bad sector
ที่เกิดขึ้นแบบจานแม่เหล็กในฮาร์ดดิสค์ เราสามารถตรวจเช็คได้ง่าย โดยการใช้ scandisk ของตัว Windows
นี่แหละครับ เลือก option : Thorough ถ้าเจอ bad sector จริง ก็รีบ mark ตัว bad sector ไว้
เพื่อไม่ให้เครื่องเข้าถึงข้อมูลใน sector นั้นอีก ถ้าตัวฮาร์ดดิสค์ยังอยู่ในประกัน (3-5 ปี) เอาไปเคลมเลยครับ อย่ารอช้า ถ้าหมดประกันแล้ว ก็ต้องทนใช้ไปครับ ถ้า mark bad sector แล้ว ก็ใช้ได้ดีครับ แค่ทำให้พื้นที่เก็บข้อมูลลดลงไปเท่านั้น
5. หน่วยความจำ
หน่วยความจำ หรือ แรม นี้มีต่อมากกับการแฮงค์ของระบบ ถ้าเป็นแรมคุณภาพต่ำ รับรอง ใช้ไปแฮงค์ไป ถ้าพบว่า แรมเป็นสาเหตุ รีบนำไปเปลี่ยนกับร้านที่ซื้อมาครับ ก่อนจะหมดประกัน แล้วทุกอย่างจะลงเอยด้วยดี
บางครั้ง สาเหตุไม่ได้เกิดจากแรมไม่ดี แต่ว่าเป็นการติดตั้งครับ คือ ถ้าเราเสียบแรมไม่เข้าล็อคของมัน ก็เป็นสาเหตุให้เครื่องแฮงค์ได้ เราจะสังเกตุได้จาก บางครั้งเครื่องจะ detect แรมผิดพลาด บางทีเจอแค่แผงเดียว ถ้าเกิดมีแผงเดียวอยู่แล้ว ก็อาจทำให้เครื่อง detect แรมไม่เจอเลย แบบนี้ boot ไม่ขึ้นเลยครับ เวลาเสียบ ต้องเสียบให้เข้าล็อคครับ กดลงไปลึก ๆ จนขาทั้งสองข้างของตัวรับสามารถพับขึ้นมาล็อคตัวแรมได้ เวลาเสียบระวังหักนะครับ จับมั่นๆ เอาไว้
6. เมนบอร์ด
อีกสาเหตุหนึ่ง ก็คือตัวเมนบอร์ดเองครับ ถ้าเป็นเมนบอร์ดคุณภาพต่ำ ราคาถูก อาจเป็นสาเหตุได้ ปัญหานี้ตรวจเช็คได้ยากครับ คงต้องยกไปที่ร้าน ให้ลองเปลี่ยนชิ้นส่วนอื่น ๆ ดู ถึงจะพบปัญหานี้ได้ ถ้าสาเหตุเป็นที่เมนบอร์ดจริง ก็คงแย่หน่อย เพราะทางร้านจะส่งซ่อม แทนที่จะเคลมอันใหม่ให้ ต้องรอนานอย่างน้อยเป็นเดือนหรือมากกว่านั้นครับ ยกเว้น เพิ่งซื้อไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ อาจได้เปลี่ยนเป็นของใหม่ทันที ต้องแล้วแต่ร้านที่ซื้อมาแล้วครับ
7. ความเข้ากันได้ของอุปกรณ์ต่าง ๆ
อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมาก คือ ความเข้ากันได้ของอุปกรณ์แต่ละชิ้น ที่พบบ่อยๆ จะเป็นการเข้ากันไม่ได้ของ
เมนบอร์ดกับการ์ดแสดงผล เมนบอร์ดกับแรม จะมีบ้างคือเมนบอร์ดกับฮาร์ดดิสค์ อุปกรณ์แต่ละตัว
ไม่มีตัวไหนเสียหรือรวน ทุกตัวใช้การได้ดีหมด เพียงแต่อยู่ด้วยกันไม่ได้ ถ้าพบปัญหานี้ ลองค้นข้อมูลของอุปกรณ์แต่ละชิ้นในอินเตอร์เนท อาจจะมี patch ออกมาแก้ไขปัญหาได้ ถ้าไม่มีคงต้องปรึกษากับร้านที่คุณซื้ออุปกรณ์มา อธิบายปัญหาให้เขาฟังเพื่อจะขอเปลี่ยนชิ้นส่วนนั้น ๆ เป็นตัวอื่นที่ไม่มีปัญหา
8. ไวรัส
อาการแฮงค์จากไวรัสนี้ แม้จะสร้างปัญหามาก แต่สามารถตรวจพบ และ แก้ไข ปัญหาได้ง่าย
ขอเพียงหมั่นตรวจเช็คเจ้าวายร้าย ไวรัส ให้สม่ำเสมอ และ Update ตัวต้านไวรัสที่มีให้เป็นปัจจุบันทันต่อไวรัสปัญหานี้จะหมดไป
แต่ถ้าหากติดไวรัสเสียแล้ว ก็ควรศึกษาวิธีการปราบไวรัสและทำการปราบไวรัสให้สิ้นซากเสียก่อนที่ http://www.webphand.com/index.php
สาเหตุการแก้ไขที่ทำให้เครื่องของคุณแฮงค์
และวิธีสุดท้ายที่ได้ผลฉมังนักแล ก็ต้องลงระบบปฏิบัติการใหม่ ครับ
9. Driver
ถ้าคุณลง driver ไม่ตรงกับอุปกรณ์ที่มีอยู่ รับรองเกิดปัญหาแน่ ซึ่งอาจทำให้เครื่องแฮงค์ได้บ่อย ๆ เหมือนกัน ฉะนั้น เราจะต้องระวังปัญหานี้ไว้ด้วย สามารถตรวจเช็คว่าได้ลง driver ไว้ตรงตามรุ่นหรือไม่ โดยการ คลิกขวาที่ My Computer เลือก Property แล้วเลือก Device Manager อีกที ถ้าอุปกรณ์ใดที่มีเครื่องหมายตกใจ (!) ให้รีบแก้ไข driver ใหม่ให้ตรงตามรุ่นที่มีอยู่
10. ตัวเราเอง
ฟังดูแล้วบางคนอาจจะหัวเราะเยาะว่า ใครจะบ้าจะทำให้เครื่องตัวเองแฮงค์บ่อย สร้างปัญหาให้กับตัวเอง จริง ๆ แล้ว พวกเราอาจจะไม่ตั้งใจทำก็ได้ อาจเกิดจากความไม่รู้ ความสะเพร่า หรือความรีบร้อน เราอาจจะอยากกำจัด file ที่คิดว่าไม่สำคัญออกจากฮาร์ดดิสค์โดยการลบทิ้ง แต่แท้จริง file นั้นสำคัญมาก ถ้า file นั้นเสียหาย หรือ หายไป จะทำให้เกิดอาการผิดปกติของโปรแกรมได้ บางคนอาจจะรีบร้อนปิดเครื่องโดยที่ไม่สั่ง shutdown เสียก่อน file ต่างๆ ที่ load ไว้ยังไม่ถึงสั่งปิดอย่าถูกวิธี ทำให้ file นั้น ๆ เสียหายได้ และทำให้เครื่องแฮงได้ ฉะนั้น ทางแก้ไขคือ เราจะต้องศึกษาการใช้โปรแกรมนั้น ๆ เสียก่อน เพื่อจะได้ไม่ต้องใช้แบบผิด ๆ ถูก ๆ สร้างปัญหาให้ตัวเองอย่างไม่รู้ตัว
ข้อเสนอแนะ 2 วิธีการแก้ปัญหาครื่องแฮงค์
เครื่องแฮงค์เพราะไดรเวอร์
ไดรเวอร์คือ โปรแกรมที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการประสานงานระหว่างฮาร์ดแวร์และระบบปฏิบัติการหรืออธิบายง่ายๆ ก็คือคอยทำหน้าที่แนะนำให้ระบบปฏิบัติการรู้จักและทำงาน ร่วมกับฮาร์ดแวร์ได้นั่นเอง ดังนั้นหากอุปกรณ์ตัวไหนที่ไม่ได้ลงไดรเวอร์ ก็อาจทำให้ระบบปฏิบัติการไม่รู้จัก จึงไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ ดูแล้วไดรเวอร์ ไม่น่าจะเป็นตัวที่ทำให้เกิดปัญหาใช่มั๊ยครับ แต่เนื่องจากว่า บางครั้งไดรเวอร์ที่เป็นเวอร์ชั่นใหม่ไม่สามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์ตัวเก่าได้ มีผู้ใช้หลายคนยกเครื่องมาให้ ช่างคอมพิวเตอร์ตรวจเช็คเนื่องจากปัญหาเครื่องแฮงค์บ่อยพอสอบถามถึงปัญหาก็พบว่าผู้ใช้ได้เคยอัพเดท ไดรเวอร์รุ่นใหม่ที่ดาวน์โหลดมาจากเว็บไซต์บนอินเทอร์เน็ต ดังนั้นเมื่อตรวจเช็คแล้วก็พบว่าไดรเวอร์ที่ผู้ใช้ อัพเดทนั้นเป็นไดรเวอร์รุ่นทดสอบที่หลายเว็บไซต์มักชอบนำมาให้ดาวน์โหลดไปทด สอบกันดูก่อน เมื่อไดรเวอร์ยังไม่สมบูรณ์ จึงยังไม่สามารถทำงานเข้ากับฮาร์ดแวร์ บางตัวได้จึงทำให้เกิดปัญหาเครื่องแฮงค์ นั่นเอง ซึ่งปัญหานี้พบได้บ่อยมาก
สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาของช่างคอมพิวเตอร์ก็คือ ให้สอบถามพฤติกรรมการใช้งานของ ผู้ใช้ก่อน หากพบเครื่องที่มีอาการแฮงค์หลังจากที่ผู้ใช้อัพเดทไดรเวอร์ลงไปให้สันนิษฐา นไว้ก่อนเลยว่าเกิดจากสาเหตุนี้ วิธีแก้ปัญหาก็คือให้จัดการถอดไดรเวอร์ที่มีปัญหานั้นทิ้งไป แล้วลงไดรเวอร์ตัวเก่าที่เคยใช้งานได้ดีกลับไปเหมือนเดิม โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. ให้คลิกขวาที่ไอคอน My Computer > Properties
2. ที่หน้าต่าง System properties ให้คลิกแท็ป Device Driver
3. จากนั้นคลิกขวาที่ไดรเวอร์ของอุปกรณ์ที่มีปัญหา แล้วเลือกคำสั่ง Remove ไดรเวอร์นั้นออกไปแล้วลงไดรเวอร์ตัวเก่าที่เคยใช้งานได้ดีกลับไปเหมือนเดิม
แต่บางครั้งไดรเวอร์ที่มากับอุปกรณ์ตั้งแต่ตอนแรกที่ซื้อมา ก็อาจทำให้มีปัญหาได้เหมือนกัน โดยจะ พบบ่อยมากในไดรเวอร์ของการ์ดแสดงผล 3 มิติ และซาวด์การ์ดยี่ห้อโนเนมทางแก้ปัญหาคือ ต้องไปดาวน์โหลดไดรเวอร์เวอร์ชั่นใหม่จากเว็บไซต์ของผู้ผลิตอุปกรณ์ยี่ห้อที ่ใช้อยู่เท่านั้น ไม่ควรไปดาวน์โหลดจากเว็บไซต์อื่น เพราะจะทำให้เกิดปัญหาตามมาได้
เครื่องแฮงค์เพราะโปรแกรมแอพพลิเคชั่น
หลายครั้งที่อาการแฮงค์มักเกิดหลังจากโปรแกรมที่ติดตั้ง อยู่ในเครื่องเข้ากันไม่ได้ บางไฟล์ของโปรแกรมตัวหนึ่งอาจเข้าไปเปลี่ยนแปลงไฟล์บางตัวของระบบปฏิบัติการ จึงทำให้เกิดปัญหาขึ้นตามมาได้ ส่วนใหญ่มักเกิดจากไฟล์นามสกุล DLL ซึ่งเป็นไฟล์สาธารณะของระบบปฏิบัติการ ที่มักจะมีหลายโปรแกรมที่เราติดตั้ง เข้ามาขอใช้ไฟล์นามสกุล DLL ด้วย แต่บางโปรแกรมก็มีไฟล์ DLL เวอร์ชั่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าไฟล์ DLL ตัวเดิมของระบบปฏิบัติการ เมื่อเราติดตั้งโปรแกรมนี้ลงไปมันก็จะเขียนไฟล์ DLL ตัวใหม่ทับตัวเก่าทันที จึงทำให้เกิดปัญหาเครื่องแฮงค์ตามมา เพราะไฟล์ DLL เวอร์ชั่นใหม่ไม่สามารถทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติการได้
สำหรับแนวทางแก้ไขของช่างคอมพิวเตอร์ก็คือ ให้สอบถามพฤติกรรมของการใช้งานของผู้ใช้ก่อน เมื่อพบเครื่องที่มีลักษณะเครื่องแฮงค์หลังจากที่ผู้ใช้ลงโปรแกรมตัวใหม่ลงไป ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่าอาจ มาจากสาเหตุนี้ วิธีการแก้ไขก็คือ หากเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบนวินโดวส์ 98 / Me ให้บู๊ตเครื่องด้วยแผ่นบู๊ตแล้วพิมพ์คำสั่ง Scanreg / restore เพื่อเป็นการย้อนกลับไปใช้รีจีสทรีที่วินโดวส์ได้แบ็คอัพเก็บไว้ 5 วันหลังสุด ก็ให้เราเลือกวันที่คิดว่ายังไม่เกิดปัญหาเพียงเท่านี้ก็จะสามารถแก้ปัญหานี้ได้ครับ
สำหรับวินโดวส์ Me และวินโดวส์ XP ก็สามารถใช้โปรแกรม System Restore เพื่อย้อนกลับไปยังวันที่ไม่เกิดปัญหาได้ โดยสามารถเรียกใช้โปรแกรมได้ดังนี้
1. คลิกปุ่ม Start > Program > Accessories > System Tools > System Restore
2. เมื่อปรากฏโปรแกรม System Restore ขึ้นมาให้คลิกที่ช่อง Restore my computer to earlier time แล้วคลิกปุ่ม Next
3. เลือกวันที่และจุด Checkpoint ที่คิดว่ายังไม่เกิดปัญหา โดยวันที่ที่สามารถย้อนกลับไปได้จะเป็นช่องหนาๆ เมื่อเลือกเสร็จแล้วให้คลิกปุ่ม Next
4. จะมีหน้าต่างแสดงรายละเอียดของวันที่และจุด Checkpoint ที่ต้องการย้อนระบบกลับไป ให้เราคลิกปุ่ม Next แล้วโปรแกรมก็จะเริ่มทำการย้อนระบบกลับไปยังวันที่และจุด Checkpoint ที่เรากำหนด
ข้อเสนอแนะบ[Krootuuy2009]เกี่ยวกับโปรแกรมที่ใช้ซ่อมจุด ERROR ที่ฟ้องขึ้นปรากฏหน้าจอคอมพิวเตอร์รวมทั้งอาจซ่อมอาการแฮงค์ได้เป็นเบื้องต้นที่ผู้เขียนใช้อยู่ ณ ปัจจุบันนี้คือ
1. โปรแกรมทำความสะอาดจำพวกไฟล์ข้อมูลชั่วคราว : CCleaner
2. โปรแกรมซ่อมจุด ERROR : Error.Repair.Professional
3. โปรแกรมซ่อมแซม Registry : Registry.Repair 2.2
รู้จัก Registry ก่อนเข้าเจอะระบบ
Registry คือฐานข้อมูลส่วนกลางที่มีความสำคัญสำหรับ Windows เป็นอย่างยิ่งเพราะข้อมูลแทบทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลด้าน ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์การปรับแต่งค่าต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งรหัสผ่าน สิ่งเหล่านี้ล้วนถูกบรรจุอยู่ใน Registry ทั้งหมดRegistry จึงมีผลต่อเสถียรภาพของ Windows หากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นใน Registry เพียงแห่งเดียว ก็อาจส่งผลให้ Windows ทำงานผิดเพี้ยนหรือล่มไปทั้งระบบก็เป็นได้ ดังนั้นการที่เราจะสามารถควบคุม Windows ได้เหนือผู้ใช้งานทั่วไป การปรับแต่ง Registry จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้
หน้าที่ของ 6 คีย์หลักใน Registry
ภายใน Registry จะประกอบด้วยคีย์หลัก 6 คีย์ ด้วยกัน ซึ่งแต่ละคีย์ก็ล้วนเชื่อมต่อข้อมูลกับไฟล์ System.dat และ User.dat โดยแต่ละคีย์จะมีหน้าที่ดังนี้
HKEY_CLASSES_ROOT เป็นคีย์สำหรับจัดเก็บข้อมูลและคุณสมบัติต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์ทั้งหมดที่ติดตั้งภายในเครื่อง
HKEY_CURRENT_CONFIG เป็นคีย์สำหรับจัดเก็บข้อมูลที่เกี่ยวกับการกำหนดค่าต่างๆ ของฮาร์ดแวร์หรืออุปกรณ์ต่อพ่วงทั้งหมด
HKEY_LOCAL_MACHINE เป็นคีย์สำหรับจัดเก็บข้อมูลทางด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และการตั้งค่าอื่น ๆ ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ ข้อมูลภายในคีย์จะนำไปใช้กับผู้ใช้ทุกคนที่เข้ามาในวินโดวส์
HKEY_USERS เป็นคีย์สำหรับจัดเก็บข้อมูลเฉพาะที่เกี่ยวกับผู้ใช้ทั้งหมดเช่นรายชื่อของผู้ใช้ที่เข้ามาใช้งานหรือรายชื่อผู้ใช้งานเครือข่าย โดยจะมีความสัมพันธ์และเป็นข้อมูลชุดเดียวกับคีย์ HKEY_CURRENT_USER
HKEY_CURRENT_USER เป็นคีย์สำหรับจัดเก็บข้อมูลเฉพาะที่เกี่ยวกับผู้ใช้ปัจจุบันที่เข้ามาใช้งานเท่านั้น โดยจะมีความสัมพันธ์และเป็นข้อมูลชุดเดียวกับกับคีย์ HKEY_USERS
HKEY_DYN_DATA เป็นคีย์สำหรับจัดเก็บข้อมูลที่เกี่ยวกับการตั้งค่าในระบบ Plug and play รวมถึงค่ารหัสต่าง ๆ ของอุปกรณ์ที่มาต่อพ่วง สำหรับใน Windows XP จะไม่ปรากฏคีย์นี้
หมายเหตุ ต้องอ่านและศึกษาให้เข้าใจก่อนที่จะ ไป แก้ไข ใน registry
เพราะหาก เผลอไปลบ โปรแกรมสำคัญ ขึ้นมา ก็อาจทำให้เข้าวินโดว์ไม่ได้นะครับ
krootuuy2009
ร่วมแบ่งปันความรู้และความเห็นแล้ว 29 ครั้ง - ได้รับดาวแล้ว 58 ดวง - โหวตเพิ่มดาว
ความเห็นเพิ่มเติมที่ 2 6 ต.ค. 2551 (05:04)
คอมพิวเตอร์แฮงก์บ่อย ๆ โดยหาสาเหตุไม่ได้
- สาเหตุที่ 1 อาจเกิดจากไวรัสคอมพิวเตอร์
วิธีแก้ ลองใช้โปรแกรม Antivirus เวอร์ชั่นอัพเดทตรวจสอบฮาร์ดดิสก์ทั้งหมด
- สาเหตุที่ 2 คุณภาพเมนบอร์ดไม่ถึงมาตรฐาน
วิธีแก้ อาจเป็นเพราะคุณภาพของเมนบอร์ดไม่ถึงมาตรฐานของโรงงาน ซึ่งโดยมากมักเกิดกับเมนบอร์ดที่เพิ่งซื้อมาใหม่ ให้เอาไปเปลี่ยน
- สาเหตุที่ 3 ไฟล์ระบบปฏิบัติการชำรุด
วิธีแก้ ถ้ามั่นใจแล้วว่าไม่ได้เกิดจากไวรัสและสาเหตุอื่น ๆ ให้เรา Backup ข้อมูล ฟอร์แมต แล้วลงระบบปฏิบัติการและโปรแกรมใหม่ทั้งหมดครับ
krootuuy2009
ร่วมแบ่งปันความรู้และความเห็นแล้ว 29 ครั้ง - ได้รับดาวแล้ว 58 ดวง - โหวตเพิ่มดาว
ความเห็นเพิ่มเติมที่ 3 6 ต.ค. 2551 (05:10)
เปิดเครื่องแล้วมีเสียงร้องแต่ไม่ยอมทำงานใด ๆ
- สาเหตุที่ 1 อุปกรณ์บางตัวที่ต่อกับเมนบอร์ดหลวม
วิธีแก้ ถ้าอุปกรณ์บางตัวที่ต่อกับเมนบอร์ดหลวม จะทำให้กระบวนการเช็คค่าเริ่มต้น (POST) ของ BIOS ฟ้องค่าผิดพลาด ให้เราเปรียบเทียบค่าสัญญาณ Beep Code จากคู่มือเมนบอร์ด
- สาเหตุที่ 2 อุปกรณ์บางตัวที่อยู่บนเมนบอร์ดต่อไม่ถูกต้อง
วิธีแก้ ส่วนใหญ่มักเกิดกับ RAM ปกติเมื่อเราเปิดเครื่องแล้วมีปัญหาไม่สามารถแสดงภาพออกทางหน้าจอในตอนเริ่มต้นได้ Bios จะพยายามแจ้งอาการเสียผ่านทางเสียงร้องออกทางลำโพงที่อยูภายในเครื่องคอมพ์ ให้เราเปรียบเทียบค่าสัญญาณ Beep Code จากคู่มือเมนบอร์ด
- สาเหตุที่ 3 อุปกรณ์บางตัวที่ต่อกับเมนบอร์ดเสีย
วิธีแก้ ให้เราลองเปรียบเทียบค่าสัญญาณ Beep Code จากคู่มือเมนบอร์ดดู
- สาเหตุที่ 4 Chip บนเมนบอร์ดบางตัวเสีย
วิธีแก้ ให้ลองไปดูเครื่อง Beep Code และถ้าสาเหตุมาจาก Chip บนเมนบอร์ดให้ไปส่งร้านซ่อมเพื่อเปลี่ยน Chip หรือต้องซื้อเมนบอร์ดตัวใหม่ถ้าไม่มีอะไหล่
krootuuy2009
ร่วมแบ่งปันความรู้และความเห็นแล้ว 29 ครั้ง - ได้รับดาวแล้ว 58 ดวง - โหวตเพิ่มดาว
ความเห็นเพิ่มเติมที่ 4 22 ต.ค. 2551 (03:01)
อาการของเครื่องติดไวรัส
สามารถสังเกต การทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ถ้ามีอาการดังต่อไปนี้อาจเป็นไปได้ว่าได้มีไวรัสเข้าไปติดอยู่ในเครื่องแล้ว อาการที่ว่านั้นได้แก่
1.ใช้เวลานานผิดปกติในการเรียกโปรแกรมขึ้นมาทำงาน
2.ขนาดของโปรแกรมใหญ่ขึ้น
3.วันเวลาของโปรแกรมเปลี่ยนไป
4.ข้อความที่ปกติไม่ค่อยได้เห็นกลับถูกแสดงขึ้นมาบ่อ ย ๆ
5.เกิดอักษรหรือข้อความประหลาดบนหน้าจอ
6.เครื่องส่งเสียงออกทางลำโพงโดยไม่ได้เกิดจากโปรแกรมที่ใช้อยู่
7.แป้นพิมพ์ทำงานผิดปกติหรือไม่ทำงานเลย
8.ขนาดของหน่วยความจำที่เหลือลดน้อยกว่าปกติ โดยหาเหตุผลไม่ได้
9.ไฟล์แสดงสถานการณ์ทำงานของดิสก์ติดค้างนานกว่าที่เคยเป็น
10.ไฟล์ข้อมูลหรือโปรแกรมที่เคยใช้อยู่ ๆ ก็หายไป
11.เครื่องทำงานช้าลง
12.เครื่องบู๊ตตัวเองโดยไม่ได้สั่ง
13.ระบบหยุดทำงานโดยไม่ทราบสาเหตุ
14.มีการรายงานว่าจำนวนเซกเตอร์ที่เสียมีจำนวน เพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนโดยที่ ยังไม่ได้ใช้โปรแกรมใดเข้าไปตรวจหาเลย.....
krootuuy2009
ร่วมแบ่งปันความรู้และความเห็นแล้ว 29 ครั้ง - ได้รับดาวแล้ว 58 ดวง - โหวตเพิ่มดาว
ความเห็นเพิ่มเติมที่ 5 25 ต.ค. 2551 (05:00)
รวมวิธีแก้ต่างๆ ที่เป็นอาการหลังติดไวรัสครับ
วิธีดังต่อไปนี้จะใช้ไม่ได้ผล หากท่านยังไม่ได้หยุดหรือลบไวรัสนะครับ
แทบจะทุกวิธีนั้นต้องเข้า regedit ไปแก้ครับ โปรดแก้ด้วยความระวัดระวังครับ เพราะหากทำผิดท่านอาจจะเข้า windows ไม่ได้
วิธีเข้า regedit นั้น ให้คลิกตรงปุ่ม Start ตรงปุ่มล่างซ้าย แล้วเลื่อนขึ้นไปคลิกปุ่ม Run ในช่องข้อความพิมพ์ว่า regedit แล้ว Enter
วิธีแก้ต่างๆ
1.เข้า Run ไม่ได้
1.1เข้าไม่ได้เพราะไม่มีเมนู Run คือพูดง่ายๆ คลิก Start ตรงปุ่มล่างซ้ายแล้วไม่มีเมนู Run ให้คลิก
ให้เข้า regedit โดยการเข้าไปที่ C:WINDOWS แล้วดับเบิ้ลคลิกไฟล์ regedit.exe แล้วไปที่คีย์
HKEY_CURRENT_USERSoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciesExplorer
มองขวามือลบคีย์ NoRun
1.2 อาจจะโดนร้ายแรงกว่านั้น อาการคือ คลิก Start ตรงปุ่มล่างซ้ายแล้วไม่มีเมนูอะไรเลย หน้าจอก็ไม่มีไอคอนอะไร คลิกขวาก็ไม่ได้
แต่ยังกด Ctrl+Alt+Delete ได้ ให้กด Ctrl+Alt+Delete แล้วเลือกแถบ New task แล้ว browse ไปเลือกเปิดไฟล์ C:WINDOWS
egedit.exe
เมื่อเข้า regedit ได้แล้ว ให้เข้าไปที่คีย์
HKEY_CURRENT_USERSoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciesExplorer
มองขวามือ ลบคีย์ออกทุกคีย์ยกเว้น คีย์ชื่อNoDriveTypeAutoRun ไม่ต้องลบครับ แล้วรีตาร์ทเครื่องก็หายแล้วครับ
2. เข้า regedit ไม่ได้ เมื่อเข้าแล้วขึ้น ดังรูป Registry editing has been disabled by your administrator
ให้โหลดโปรแกรมมาแก้ครับ ชื่อ UnHookExec.inf โหลดมาแล้วคลิกขวาเลือกคำสั่ง install นะครับ
2.1เข้า regedit แล้วเงียบ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย เป็นไปได้ว่าไฟล์ regedit อาจจะโดนลบครับ ให้เข้าไปที่ My computer แล้วเข้าไปที่
C:WINDOWS หาเปิดไฟล์ regedit.exe ครับ หากเปิดแล้วเงียบอีก ก็ให้เปลี่ยนชื่อ ไฟล์ regedit.exe นั้นเป็นชื่ออื่นครับ เช่น regedit2.exe
แล้วลองเข้าใหม่ครับ เมื่อเข้าได้แล้วก็ เข้าไปที่คีย์
HKEY_LOCAL_MACHINESOFTWAREMicrosoftWindows NTCurrentVersionImage File Execution Options
ลบโฟลเดอร์ regedit.exe
HKEY_LOCAL_MACHINESOFTWAREMicrosoftWindows NTCurrentVersionImage File Execution Options
ลบโฟลเดอร์ regedt32.exe
3.คลิกขวาไม่ได้ ให้เรา เข้า regeditแล้วไปที่คีย์
HKEY_CURRENT_USERSoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciesExplorer
มองขวามือ หาบรรทัดที่เขียนว่า NoViewContextMenu เจอแล้วลบทิ้งเลยครับ แล้วเข้าไปที่
HKEY_LOCAL_MACHINESoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciesExplorer
มองขวามือ หาบรรทัดที่เขียนว่า NoViewContextMenu เจอแล้วลบทิ้งเช่นกันครับ
4.กด Ctrl+Alt+Delete แล้ว Task manager ไม่ขึ้นมาแต่ขึ้นว่า Task Manager has been disabled by your administrator
ให้เข้า regeditแล้วไปที่คีย์
HKEY_CURRENT_USERSoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciesSystem
มองขวามือลบบรรทัดที่เขียนว่า DisableTaskMgr แล้วเข้าไปที่คีย์
HKEY_LOCAL_MACHINESoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciesSystem
มองขวามือลบบรรทัดที่เขียนว่า DisableTaskMgr ออกเหมือนกันครับ
5.เข้า Run พิมพ์ cmd แล้วเอนเทอร์ เพื่อจะเข้า command prompt แล้วเครื่องก็รีสตาร์ท หรือเงียบ
ให้เข้า regeditแล้วไปที่คีย์
HKEY_CURRENT_USERSoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciesSystem
มองขวามือลบบรรทัดที่เขียนว่า DisableCMD แล้วเข้าไปที่คีย์
HKEY_LOCAL_MACHINESoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciesSystem
มองขวามือลบบรรทัดที่เขียนว่า DisableCMD เหมือนกันครับ
6.เมนู โฟลเดอร์ ออฟชั่นหาย ให้เข้า regeditแล้วไปที่คีย์
HKEY_CURRENT_USERSoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciesExplorer
มองขวามือลบบรรทัดที่เขียนว่า NoFolderOptions ออกครับ
7.เซตให้แสดงไฟล์ของระบบไม่ได้ เซตแล้วก็เด้งกลับมาซ่อนไว้เหมือนเดิมเหมือนเดิม
ให้เข้า regeditแล้วไปที่คีย์
HKEY_CURRENT_USERSoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionExplorerAdvanced
มองหาคีย์ชื่อ ShowSuperHidden ให้ดับเบิ้ลคลิก แล้วใส่ค่าเป็น 1 ครับ
8. ไม่สามารถเปลี่ยนหรือลบภาพพื้นหลังหน้าจอไม่ได้เพราะคลิกขวา properties ที่หน้าจอแล้วไม่มีเมนูที่จะเข้า ดังรูป
ให้เข้า regedit แล้วไปที่คีย์
HKEY_CURRENT_USERSoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciessystem
มองขวามือแล้วลบบรรทัดที่เขียนว่า NoDispBackgroundPage กับ NoDispScrSavPage ออกครับ
krootuuy2009
ร่วมแบ่งปันความรู้และความเห็นแล้ว 29 ครั้ง - ได้รับดาวแล้ว 58 ดวง - โหวตเพิ่มดาว
ความเห็นเพิ่มเติมที่ 6 26 ต.ค. 2551 (03:53)
การตรวจเช็คและวิธีแก้ปัญหาลง windows ไม่ได้ บู๊ตได้แต่ลงๆๆแล้วพอลงได้สักครึ่งขึ้น บูล สกรีน ตลอด
1. หัวอ่าน CD-ROM มีปัญหา วิธีแก้คือ ทำความสะอาดหัวอ่านหรือเปลี่ยนตัวใหม่มาลองดู
2. เปิดฟังก์ชั่นการตรวจสอบไวรัสไว้ใน BIOS วิธีแก้คือ ไปปิดฟังก์ชั่นนี้ซะก่อนที่ท่านจะลงวินโดว์
3. ฮาร์ดดิสก์มี Bad Sector วิธีแก้คือ ให้ท่านทำการ scandisk แล้ว fix Bad เจ้าปัญหานี้ซะ
4. อุปกรณ์เชื่อมต่อภายในสกปรกหรือหลวม เช่น สายแพฮาร์ดดิสก์ที่เสียบไม่แน่น หรือฝุ่นละอองที่จับตัวบริเวณแผงของเมนบอร์ด หรือเป็นสายเก่าขาดภายใน ลองเปลี่ยนสายใหม่ดูครับ
หรือเสียบอุปกรณ์ต่างๆลงใน slot ไม่แน่น วิธีแก้คือ ถอดอุปกรณ์ต่างๆ มาทำความสะอาด ใช้ยางลบทำความสะอาดบริเวณขาที่เสียบกับ slotแล้วใส่กลับเข้าไปอย่างเดิม เช็คดูว่าใส่แน่นดีทุกจุดหรือเปล่า
5. กรณีมีแรมหลายแผง
5.1.ถอดให้เหลือตัวเดียวแล้วลง ไม่ผ่าน แรมตัวเดิมสลับช่องสล๊อตไปเรื่อย ๆ จนครบทุกช่อง
5.2. ไม่ผ่าน เปลี่ยนแรมแผงใหม่ แล้วทำตาม 5.1
5.3. ไม่ผ่าน ถ้าใส่ การ์ดแลนด์ ให้ถอดออก แล้วลองตาม 5.1 – 5.2 ใหม่
5.4. ไม่ผ่าน
5.4.1 สล๊อตแรมเสีย
5.4.2 เรื่องใหญ่ เมนบอร์ด หมดอายุ บวม อืด
6. CPU ร้อนเกินไป
6.1 อาจจะเกิดจากซิลิโคนแห้ง ให้เราถอด CPU ออกมาขูดซิลิโคนเก่าออกแล้วป้ายซิลิโคนใหม่ลงไปแล้วประกอบกลับอย่างเดิม
6.2 พัดลม CPU หมุนช้าหรือหมุนผิดปกติ ให้ทำความสะอาดพัดลมดูครับอาจจะมีฝุ่นหรือเศษอะไรเข้าไปติดทำให้พัดลมหมุนได้ไม่เต็มที่
7. อุปกรณ์ข้างในเสีย เช่น CPU เสีย กรณีนี้แม้จะพบได้น้อยแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสที่จะพบ ทางแก้คือเปลี่ยน CPU ใหม่ไปเลยครับ,
การ์ดจอ, หรืออุปกรณ์จำพวก onboard เช่น Sound onboard ให้ทำการ disable ก่อนลงวินโดว์ ครับ ฯ
8. การแบ่งพิทิชั่น drive c ควรจะเป็น NTFS ครับ โดยเฉพาะแผ่นติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows XP SP3 นี้ส่วนมากแล้วมักจะรองรับแต่ NTFS ส่วน FAT32 นั้นลงไม่ได้เลยครับ
krootuuy2009
ร่วมแบ่งปันความรู้และความเห็นแล้ว 29 ครั้ง - ได้รับดาวแล้ว 58 ดวง - โหวตเพิ่มดาว
ความเห็นเพิ่มเติมที่ 7 21 ธ.ค. 2551 (07:23)
วิธีการ/ ลำดับขั้นตอนClear CMOS
1.หาคู่มือ mainboard ก่อนแต่ถ้าพอมีความรู้เรื่อง hardware ก็ไม่ต้องใช้ครับ เปิดคู่มือเมนบอร์ดดูครับ ว่าตำแหน่งที่ใช้ clear CMOS อยู่ตรงไหนโดยปกติมันก็จะอยู่ใกล้ตัว CMOS เลย ทีนี้มันจะมี jumper ซึงเป็นตัวเล็กๆ ไว้สำหรับเสียบลงในช่องขา (ปกติจะมี2-3 ขา)ที่ยื่นมาบนเมนบอร์ด ก็ให้ย้ายตำแหน่งมาที่ตำแหน่ง clear ทิ้งไว้สัก 15 วินาที แล้วย้ายกลับมาตำแหน่งเดิม ถ้าไม่ย้ายเครื่องก็จะไม่บู๊ต ให้ครับ
2.เปิด case ออกมา
3.ดูบน mainboard ของเรา เพื่อหา jumper clear Cmos ส่วนมากตำแหน่งไม่แน่นอน แต่ดูแถวๆ ถ่านกระดุมก่อน อ้อข้อสังเกตุครับ jamper clear Cmosจะมีรายละเอียดดังนี้
-ส่วนมากตัว jumper จะมีสีต่างจาก jumper ตัวอื่นๆ แต่จะสังเกตได้แต่ board รุ่นใหม่ๆ
-ส่วนที่คล้ายๆกันเกือบทุก board เลยคือเป็น j1 หรือ jumper No1 และส่วนมากจะมี screen เขียนว่า CLR_Cmos, CLR ฯลฯ โดย screen ที่มันบอกจะใช้เป็นตัวย่อมาจาก Clear Cmos นั่นเอง
-แต่บาง Mainboard จะไม่มี jumper แต่จะเป็นจุดให้เราช็อตขาเอาเองโดย screen จะใช้เหมือนที่กล่าวข้างบน
4.ปรับค่าไปทาง clear เลยครับหรือช็อตขา(สำหรับที่ไม่มี jumper)ก็เรียบร้อยแต่ถ้าคิดว่าที่พูดมายุ่งยาก(แต่ชัวร์ที่สุด)ก็มาขุ้นตอนนี้เลย
5.ถอดถ่านกระดุมออกแล้วเอาไขควงของเราจี้ที่ขั้วแท่านใส่ถ่านกระดุมให้เป็นวงจรสมบูรณ์ซะ(หมายถึงให้ขั้วมันประสานกันโดยมีไขควงเป็นตัวนำ) ซัก 30วินาทีและอย่าพึ่งใส่ถ่านกลับเขาไปนะทิ้งไว้อีกสัก 5 นาทีก่อนค่อยใส่กลับคืน
6. พอ clear เสร็จแล้วก็มี set bios ใหม่ ครับ
*********************
หน้าที่ 26 - RAM เสีย รู้ได้อย่างไร ?
RAM เสีย รู้ได้อย่างไร ?
หน่วยความจำเสียเกิดขึ้นได้ไม่บ่อยนัก แต่น้อยคนจะทราบว่ามันเสีย เพราะอุปกรณ์ตัวนี้ไม่ได้แสดงอาการที่หนักหนาอะไรเหมือนกับอุปกรณ์อื่นๆ เช่น ฮาร์ดิสก์หรือซีพียู ที่ทำให้พีซีไม่สามารถใช้งานได้เลย วันนี้เรามีสัญญาณบอกเหตุให้รู้ว่าหน่วยความจำเสียมาฝากครับ
ให้สังเกตุอาการต่างๆดังต่อไปนี้
- เกิดจอฟ้าขึ้นระหว่างใช้งาน พร้อมข้อความแจ้งเตือนต่างๆ ซึ่งผู้ใช้ต้องรีบูตเครื่องใหม่เท่านั้น
- เกิดจอฟ้าระหว่างการติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 2000 และ Windows XP
- เกิดอาการเครื่องแฮงค์ระหว่างการใช้งานโดยไม่ทราบสาเหตุ
- เกิดอาการจอฟ้าระหว่างเปิดโปรแกรมหรือเกม ที่ต้องใช้หน่วยความจำเป็นจำนวนมาก เช่น เกมสามมิติต่างๆ โปรแกรมกราฟฟิก รวมถึงโปรแกรมสำหรับทดสอบเครื่อง
- เกิดภาพที่แสดงออกมาผิดเพี้ยน ซึ่งสาเหตุอาจจะรวมไปถึงตัวการ์ดจอมีปัญหาได้
- ไม่สามารถบูตเครื่องได้ ซึ่งตัวเครื่องจะส่งสัญญาณออกมาให้ทราบว่าหน่วยความจำมีปัญหา หรือว่าจะแสดงให้เห็นบนจอภาพเช่น Memory test fail เป็นต้น
*****************************
หน้าที่ 27 - ซ่อมแซม Fileเมื่อถึงคราวที่วินโดว์ของคุณเกิดทำงานผิดพลาดบ่อยครั้ง
ซ่อมแซม File
เมื่อถึงคราวที่วินโดว์ของคุณเกิดทำงานผิดพลาดบ่อยครั้ง
อันเนื่องมาจากไฟล์ของระบบเสียหาย คุณสามารถติดตั้งเฉพาะตัวโปรแกรมวินโดว์ใหม่โดยไม่จำ เป็น
ต้องฟอร์แมตแล้วลงวินโดว์และติดตั้งโปรแกรมอื่นๆ เข้าไปใหม่ให้เสียเวลานอกจากนี้คุณยังไม่ต้อง มานั่งปรับตั้งค่าการทำงานต่างๆ ใหม่อีกครั้งแต่อย่างใดด้วย
1. เปิดเครื่องบู๊ตเข้าสู่วินโดว์ตามปกติ
2. นำแผ่น Setup CD ของวินโดว์ใส่ลงในไดร์ฟซีดีรอม
3. คลิกปุ่ม Start -> Run
4. พิมพ์คำสั่ง E:i386winnt32 /unattend แล้วคลิกปุ่ม OK
5. โปรแกรมติดตั้งจะเริ่มดำเนินการติดตั้งวินโดว์ให้คุณ ใหม่โดยยังคงรักษา
ค่าการทำงานต่างๆ เอาไว้เหมือนเดิม
****************************************
หน้าที่ 28 - คำสั่ง run ที่สามารถซ่อมคอมได้
คำสั่ง run ที่สามารถซ่อมคอมได้ แล้วสามารถทำให้คุณ hack ได้ เชื่อหรือไม่
ลองดู
ยกตัวอย่างนะครับ ถ้าผมจะดู mac address ในวง lan ของทุกเครื่องที่ต่ออยู่ ผมสามารถทำได้
จากคำสั่ง start>run>cmd>arp -a
หลังจากคุณได้ mac address มาแล้ว คุณสามารถทำอะไรได้มากมาย อย่างที่คุณต้องการเลยแหละ แต่ผมคงบอกหมดไม่ได้เพราะ ผมไม่สนับสนุนให้ทำผิดกฎหมาย
และมีอีกหลายคำสั่งนะครับ ลองไปศึกษาดู
เรียกโปรแกรม Accessibility Options : access.cpl
เรียกโปรแกรม Add Hardware : hdwwiz.cpl
เรียกโปรแกรม Add/Remove Programs : appwiz.cpl
เรียกโปรแกรม Administrative Tools control : admintools
ตั้งค่า Automatic Updates : wuaucpl.cpl
เรียกโปรแกรม Bluetooth Transfer Wizard : fsquirt
เรียกโปรแกรม เครื่องคิดเลข (Calculator) : calc
เรียกโปรแกรม Certificate Manager : certmgr.msc
เรียกโปรแกรม Character Map : charmap
เรียกโปรแกรม ตรวจสอบดิสก์ (Check Disk Utility) : chkdsk
เรียกดูคลิปบอร์ด (Clipboard Viewer) : clipbrd
เรียกหน้าต่างดอส (Command Prompt) : cmd
เรียกโปรแกรม Component Services : dcomcnfg
เรียกโปรแกรม Computer Management : compmgmt.msc
เรียกดู/ตั้ง เวลาและวันที่ : timedate.cpl
เรียกหน้าต่าง Device Manager : devmgmt.msc
เรียกดูข้อมูล Direct X (Direct X Troubleshooter) : dxdiag
เรียกโปรแกรม Disk Cleanup Utility : cleanmgr
เรียกโปรแกรม Disk Defragment : dfrg.msc
เรียกโปรแกรม Disk Management : diskmgmt.msc
เรียกโปรแกรม Disk Partition Manager : diskpart
เรียกหน้าต่าง Display Properties control desktop : desk.cpl
เรียกหน้าต่าง Display Properties เพื่อปรับสีวินโดวส์ : control color
เรียกดูโปรแกรมช่วยแก้ไขปัญหา (Dr. Watson) : drwtsn32
เรียกโปรแกรมตรวจสอบไดร์ฟเวอร์ (Driver Verifier Utility) : verifier
เรียกดูประวัติการทำงานของเครื่อง (Event Viewer) : eventvwr.msc
เรียกเครื่องมือตรวจสอบไฟล์ File Signature Verification Tool : sigverif
เรียกหน้าต่าง Folders Options control folders
เรียกโปรแกรมจัดการ Fonts control fonts
เปิดไปยังโฟลเดอร์ Fonts (Fonts Folder) : fonts
เรียกเกม Free Cell : freecell
เปิดหน้าต่าง Game Controllers : joy.cpl
เปิดโปรแกรมแก้ไข Group Policy (ใช้กับ XP Home ไม่ได้) : gpedit.msc
เรียกเกม Hearts : mshearts
เรียกโปรแกรมสร้างไฟล์ Setup (Iexpress Wizard) : iexpress
เรียกโปรแกรม Indexing Service : ciadv.msc
เรียกหน้าต่าง Internet Properties : inetcpl.cpl
เรียกหน้าต่าง Keyboard Properties control : keyboard
แก้ไขค่าความปลอดภัย (Local Security Settings) : secpol.msc
แก้ไขผู้ใช้ (Local Users and Groups) : lusrmgr.msc
คำสั่ง Log-off : logoff
เรียกเกม Minesweeper winmine
เรียกหน้าต่าง Mouse Properties control mouse : main.cpl
เรียกหน้าต่าง Network Connections control netconnections : ncpa.cpl
เรียกหน้าต่าง Network Setup Wizard : netsetup.cpl
เรียกโปรแกรม Notepad : notepad
เรียกโปรแกรม Object Packager : packager
เรียกคีย์บอร์ดบนหน้าจอ (On Screen Keyboard) : osk
เรียกหน้าต่าง Performance Monitor : perfmon.msc
เรียกหน้าต่าง Power Options Properties : powercfg.cpl
เรียกหน้าต่าง Printers and Faxes control : printers
เรียกหน้าต่าง Printers Folder : printers
เรียกโปรแกรม Private Character Editor : eudcedit
เรียกหน้าต่าง Regional Settings : intl.cpl
เรียกหน้าต่าง Registry Editor : regedit
เรียกโปรแกรม Remote Desktop : mstsc
เรียกหน้าต่าง Removable Storage : ntmsmgr.msc
เรียกหน้าต่าง Removable Storage Operator Requests : ntmsoprq.msc
เรียกดู Policy ที่ตั้งไว้ (ใช้กับ XP Home ไม่ได้) : rsop.msc
เรียกหน้าต่าง Scanners and Cameras : sticpl.cpl
เรียกโปรแกรม Scheduled Tasks control : schedtasks
เรียกหน้าต่าง Security Center : wscui.cpl
เรียกหน้าต่าง Services : services.msc
เรียกหน้าต่าง Shared Folders : fsmgmt.msc
คำสั่ง Shuts Down : shutdown
เรียกหน้าต่าง Sounds and Audio : mmsys.cpl
เรียกเกม Spider Solitare : spider
แก้ไขไฟล์ระบบ (System Configuration Editor) : sysedit
แก้ไขการตั้งค่าระบบ (System Configuration Utility) : msconfig
ตรวจสอบระบบด้วย System File Checker Utility (เริ่มทันที) : sfc /scannow
ตรวจสอบระบบด้วย System File Checker Utility (เริ่มเมื่อบู๊ต) : sfc /scanonce
เรียกหน้าต่าง System Properties : sysdm.cpl
เรียกหน้าต่าง Task Manager : taskmgr
เรียกหน้าต่าง User Account Management : nusrmgr.cpl
เรียกโปรแกรม Utility Manager : utilman
เรียกโปรแกรม Windows Firewall : firewall.cpl
เรียกโปรแกรม Windows Magnifier : magnify
เรียกหน้าต่าง Windows Management Infrastructure : wmimgmt.msc
เรียกหน้าต่าง Windows System Security : Tool syskey
เรียกตัวอัพเดตวินโดวส์ (Windows Update) : wupdmgr
เรียกหน้าต่าง Windows XP Tour Wizard : tourstart
เรียกโปรแกรม Wordpad : write
*****************************************************
http://www.vcharkarn.com/vblog/38796/6
ปัญหาส่วนใหญ่ เกิดจากอะไรบ้าง
ส่วนใหญ่ของปัญหาเครื่องคอมพิวเตอร์ค้างก็มีได้มากมาย แต่สาเหตุหลัก ๆ ก็ขอรวบรวมมาไว้ตรงนี้
1. การไม่เข้ากันของอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่นเมนบอร์ดกับการ์ดจอ หรือการ์ดเสียง
2. การต่อสายไฟ สายส่งข้อมูลต่าง ๆ หลวมหรือต่อไว้ไม่แน่นดีพอ
3. การเสียบแรม ขั้วต่อสาย หรือ การ์ด ต่าง ๆ หลวมหรือไม่แน่น
4. ความสกปรกของจุดสัมผัสของอุปกรณ์ เช่นขาของแรม ขั้วต่อของการ์ดต่าง ๆ ในเครื่อง
5. ฮาร์ดดิสก์ เริ่มมีปัญหา หรือใกล้จะเสีย
6. ระบบไฟ หรือระบบจ่ายไฟไม่ดีพอ เช่นไฟตกบ่อย ๆ หรือชุดจ่ายไฟไม่ดั
7. การลงโปรแกรมไม่สมบูรณ์ หรือมีปัญหากับซอฟต์แวร์บางตัว
8. ความร้อนของ ซีพียู พัดลมของ ซีพียู ตรวจสอบว่ายังทำงานได้ปกติหรือไม่
9. ก่อนที่จะเกิดปัญหา ได้มีการทำอะไรบ้าง เช่นลงโปรแกรมเพิ่ม หรือเพิ่มการ์ดในเครื่อง นั่นอาจจะเป็นสาเหตุหลักก็ได้
1. ซีพียู
เครื่องที่แฮงค์บ่อย เนื่องจาก ซีพียู นี้ เกิดจากการนำเอา ซีพียูรุ่นต่ำกว่ามาขายเป็นรุ่นสูงกว่า
เนื่องจากซีพียูแต่ละตัว จะถูกผลิตให้ทำงานเกินมาตรฐานประมาณ 20 % อยู่แล้ว ทำให้เกิดมีพ่อค้าหัวใส
เอาซีพียูรุ่นต่ำกว่ามาสกรีนข้อความบนตัวซีพียูใหม่ เป็นรุ่นสูงกว่า ขายได้ในราคาสูงกว่า วิธีการแบบนี้เรียกว่า การ remark บางครั้ง ผู้ขายเครื่อง (ประกอบเครื่องขายอีกที) ก็ไม่รู้ว่า ซีพียูนั้นถูก remark หรือไม่ เขาก็รับซีพียูมาเพื่อประกอบอีกทีหนึ่ง พวกนี้ เวลาเรานำเครื่องไปเคลม เขาเองก็หาสาเหตุไม่ได้เหมือนกัน ก็ต้องลองเปลี่ยนชิ้นส่วนไล่ไปทีละตัว จนกว่าเครื่องจะมีอาการดีขึ้น
2. พัดลมซีพียู
พัดลมก็สามารถเป็นสาเหตุให้เครื่องแฮงค์ได้เหมือนกัน ถ้าเป็นพัดลมคุณภาพต่ำ หรือเป็นพัดลมตัวเล็ก ไม่เพียงพอความต้องการของซีพียู ก็จะทำให้ซีพียูเกิดความร้อนสูงเกินไป จนทำให้เครื่องแฮงค์ได้ ถ้าแน่ใจว่าพัดลมตัวใหญ่พอ สาเหตุอาจเกิดจากพัดลมเสีย คือ หมุนบ้างไม่หมุนบ้าง หรือไม่หมุนเลย แบบนี้ ซื้อตัวใหม่เปลี่ยนได้เลย ถ้าซื้อใหม่ ควรซื้อพัดลมที่มีตัววัดรอบการหมุนของใบพัดด้วย เราจะได้ตรวจเช็คได้โดยทาง software หรือ ทาง bios โดยไม่ต้องเปิดฝาเครื่องดู
3. เพาเวอร์ซัพพลาย
หลายคนคงหาสาเหตุการแฮงค์ไม่เจอ เปลี่ยนชิ้นส่วนทุกชิ้นส่วนดูแล้ว ฟอร์แมต ลงโปรแกรมใหม่ก็แล้ว
เครื่องก็ยังแฮงอยู่เรื่อย ใครจะรู้ อีกสาเหตุหนึ่งมาจากตัวเพาเวอร์ซัพพลายนี่แหละครับ ถ้าเพาเวอร์ซัพพลายไม่ดี คือ จ่ายไฟไม่สม่ำเสมอ จ่ายไฟขาดบ้าง เกินบ้าง ไม่ใช้แค่เครื่องแฮงค์ครับ ชิ้นส่วนบางชิ้น หรือทุกชิ้น อาจพังได้ ต้องระวังให้ดี เราสามารถเช็คกระแสไฟได้จาก bios หรือจาก software เช่น Motherboard Monitor คอยหมั่นเช็คก็ดีครับ แต่ถ้าเจอแบบ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายหละก็ คงเช็คยาก ลงทุนเปลี่ยนตัวใหม่ก็ดีครับ ตัดปัญหา เพาเวอร์ตัวหนึ่ง ถ้าเป็น AT ไม่เกิน 500 บาทหรอกครับ ถ้าเป็น ATX ก็ไม่น่าเกิน 800 บาท (แบบมาตรฐาน)
4. ฮาร์ดดิสค์
อีกสาเหตุหนึ่งก็ตัว ฮาร์ดดิสค์ นี่แหละครับ คือ อาการ bad sector
ที่เกิดขึ้นแบบจานแม่เหล็กในฮาร์ดดิสค์ เราสามารถตรวจเช็คได้ง่าย โดยการใช้ scandisk ของตัว Windows
นี่แหละครับ เลือก option : Thorough ถ้าเจอ bad sector จริง ก็รีบ mark ตัว bad sector ไว้
เพื่อไม่ให้เครื่องเข้าถึงข้อมูลใน sector นั้นอีก ถ้าตัวฮาร์ดดิสค์ยังอยู่ในประกัน (3-5 ปี) เอาไปเคลมเลยครับ อย่ารอช้า ถ้าหมดประกันแล้ว ก็ต้องทนใช้ไปครับ ถ้า mark bad sector แล้ว ก็ใช้ได้ดีครับ แค่ทำให้พื้นที่เก็บข้อมูลลดลงไปเท่านั้น
5. หน่วยความจำ
หน่วยความจำ หรือ แรม นี้มีต่อมากกับการแฮงค์ของระบบ ถ้าเป็นแรมคุณภาพต่ำ รับรอง ใช้ไปแฮงค์ไป ถ้าพบว่า แรมเป็นสาเหตุ รีบนำไปเปลี่ยนกับร้านที่ซื้อมาครับ ก่อนจะหมดประกัน แล้วทุกอย่างจะลงเอยด้วยดี
บางครั้ง สาเหตุไม่ได้เกิดจากแรมไม่ดี แต่ว่าเป็นการติดตั้งครับ คือ ถ้าเราเสียบแรมไม่เข้าล็อคของมัน ก็เป็นสาเหตุให้เครื่องแฮงค์ได้ เราจะสังเกตุได้จาก บางครั้งเครื่องจะ detect แรมผิดพลาด บางทีเจอแค่แผงเดียว ถ้าเกิดมีแผงเดียวอยู่แล้ว ก็อาจทำให้เครื่อง detect แรมไม่เจอเลย แบบนี้ boot ไม่ขึ้นเลยครับ เวลาเสียบ ต้องเสียบให้เข้าล็อคครับ กดลงไปลึก ๆ จนขาทั้งสองข้างของตัวรับสามารถพับขึ้นมาล็อคตัวแรมได้ เวลาเสียบระวังหักนะครับ จับมั่นๆ เอาไว้
6. เมนบอร์ด
อีกสาเหตุหนึ่ง ก็คือตัวเมนบอร์ดเองครับ ถ้าเป็นเมนบอร์ดคุณภาพต่ำ ราคาถูก อาจเป็นสาเหตุได้ ปัญหานี้ตรวจเช็คได้ยากครับ คงต้องยกไปที่ร้าน ให้ลองเปลี่ยนชิ้นส่วนอื่น ๆ ดู ถึงจะพบปัญหานี้ได้ ถ้าสาเหตุเป็นที่เมนบอร์ดจริง ก็คงแย่หน่อย เพราะทางร้านจะส่งซ่อม แทนที่จะเคลมอันใหม่ให้ ต้องรอนานอย่างน้อยเป็นเดือนหรือมากกว่านั้นครับ ยกเว้น เพิ่งซื้อไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ อาจได้เปลี่ยนเป็นของใหม่ทันที ต้องแล้วแต่ร้านที่ซื้อมาแล้วครับ
7. ความเข้ากันได้ของอุปกรณ์ต่าง ๆ
อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมาก คือ ความเข้ากันได้ของอุปกรณ์แต่ละชิ้น ที่พบบ่อยๆ จะเป็นการเข้ากันไม่ได้ของ
เมนบอร์ดกับการ์ดแสดงผล เมนบอร์ดกับแรม จะมีบ้างคือเมนบอร์ดกับฮาร์ดดิสค์ อุปกรณ์แต่ละตัว
ไม่มีตัวไหนเสียหรือรวน ทุกตัวใช้การได้ดีหมด เพียงแต่อยู่ด้วยกันไม่ได้ ถ้าพบปัญหานี้ ลองค้นข้อมูลของอุปกรณ์แต่ละชิ้นในอินเตอร์เนท อาจจะมี patch ออกมาแก้ไขปัญหาได้ ถ้าไม่มีคงต้องปรึกษากับร้านที่คุณซื้ออุปกรณ์มา อธิบายปัญหาให้เขาฟังเพื่อจะขอเปลี่ยนชิ้นส่วนนั้น ๆ เป็นตัวอื่นที่ไม่มีปัญหา
8. ไวรัส
อาการแฮงค์จากไวรัสนี้ แม้จะสร้างปัญหามาก แต่สามารถตรวจพบ และ แก้ไข ปัญหาได้ง่าย
ขอเพียงหมั่นตรวจเช็คเจ้าวายร้าย ไวรัส ให้สม่ำเสมอ และ Update ตัวต้านไวรัสที่มีให้เป็นปัจจุบันทันต่อไวรัสปัญหานี้จะหมดไป
แต่ถ้าหากติดไวรัสเสียแล้ว ก็ควรศึกษาวิธีการปราบไวรัสและทำการปราบไวรัสให้สิ้นซากเสียก่อนที่ http://www.webphand.com/index.php
สาเหตุการแก้ไขที่ทำให้เครื่องของคุณแฮงค์
และวิธีสุดท้ายที่ได้ผลฉมังนักแล ก็ต้องลงระบบปฏิบัติการใหม่ ครับ
9. Driver
ถ้าคุณลง driver ไม่ตรงกับอุปกรณ์ที่มีอยู่ รับรองเกิดปัญหาแน่ ซึ่งอาจทำให้เครื่องแฮงค์ได้บ่อย ๆ เหมือนกัน ฉะนั้น เราจะต้องระวังปัญหานี้ไว้ด้วย สามารถตรวจเช็คว่าได้ลง driver ไว้ตรงตามรุ่นหรือไม่ โดยการ คลิกขวาที่ My Computer เลือก Property แล้วเลือก Device Manager อีกที ถ้าอุปกรณ์ใดที่มีเครื่องหมายตกใจ (!) ให้รีบแก้ไข driver ใหม่ให้ตรงตามรุ่นที่มีอยู่
10. ตัวเราเอง
ฟังดูแล้วบางคนอาจจะหัวเราะเยาะว่า ใครจะบ้าจะทำให้เครื่องตัวเองแฮงค์บ่อย สร้างปัญหาให้กับตัวเอง จริง ๆ แล้ว พวกเราอาจจะไม่ตั้งใจทำก็ได้ อาจเกิดจากความไม่รู้ ความสะเพร่า หรือความรีบร้อน เราอาจจะอยากกำจัด file ที่คิดว่าไม่สำคัญออกจากฮาร์ดดิสค์โดยการลบทิ้ง แต่แท้จริง file นั้นสำคัญมาก ถ้า file นั้นเสียหาย หรือ หายไป จะทำให้เกิดอาการผิดปกติของโปรแกรมได้ บางคนอาจจะรีบร้อนปิดเครื่องโดยที่ไม่สั่ง shutdown เสียก่อน file ต่างๆ ที่ load ไว้ยังไม่ถึงสั่งปิดอย่าถูกวิธี ทำให้ file นั้น ๆ เสียหายได้ และทำให้เครื่องแฮงได้ ฉะนั้น ทางแก้ไขคือ เราจะต้องศึกษาการใช้โปรแกรมนั้น ๆ เสียก่อน เพื่อจะได้ไม่ต้องใช้แบบผิด ๆ ถูก ๆ สร้างปัญหาให้ตัวเองอย่างไม่รู้ตัว
ข้อเสนอแนะ 2 วิธีการแก้ปัญหาครื่องแฮงค์
เครื่องแฮงค์เพราะไดรเวอร์
ไดรเวอร์คือ โปรแกรมที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการประสานงานระหว่างฮาร์ดแวร์และระบบปฏิบัติการหรืออธิบายง่ายๆ ก็คือคอยทำหน้าที่แนะนำให้ระบบปฏิบัติการรู้จักและทำงาน ร่วมกับฮาร์ดแวร์ได้นั่นเอง ดังนั้นหากอุปกรณ์ตัวไหนที่ไม่ได้ลงไดรเวอร์ ก็อาจทำให้ระบบปฏิบัติการไม่รู้จัก จึงไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ ดูแล้วไดรเวอร์ ไม่น่าจะเป็นตัวที่ทำให้เกิดปัญหาใช่มั๊ยครับ แต่เนื่องจากว่า บางครั้งไดรเวอร์ที่เป็นเวอร์ชั่นใหม่ไม่สามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์ตัวเก่าได้ มีผู้ใช้หลายคนยกเครื่องมาให้ ช่างคอมพิวเตอร์ตรวจเช็คเนื่องจากปัญหาเครื่องแฮงค์บ่อยพอสอบถามถึงปัญหาก็พบว่าผู้ใช้ได้เคยอัพเดท ไดรเวอร์รุ่นใหม่ที่ดาวน์โหลดมาจากเว็บไซต์บนอินเทอร์เน็ต ดังนั้นเมื่อตรวจเช็คแล้วก็พบว่าไดรเวอร์ที่ผู้ใช้ อัพเดทนั้นเป็นไดรเวอร์รุ่นทดสอบที่หลายเว็บไซต์มักชอบนำมาให้ดาวน์โหลดไปทด สอบกันดูก่อน เมื่อไดรเวอร์ยังไม่สมบูรณ์ จึงยังไม่สามารถทำงานเข้ากับฮาร์ดแวร์ บางตัวได้จึงทำให้เกิดปัญหาเครื่องแฮงค์ นั่นเอง ซึ่งปัญหานี้พบได้บ่อยมาก
สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาของช่างคอมพิวเตอร์ก็คือ ให้สอบถามพฤติกรรมการใช้งานของ ผู้ใช้ก่อน หากพบเครื่องที่มีอาการแฮงค์หลังจากที่ผู้ใช้อัพเดทไดรเวอร์ลงไปให้สันนิษฐา นไว้ก่อนเลยว่าเกิดจากสาเหตุนี้ วิธีแก้ปัญหาก็คือให้จัดการถอดไดรเวอร์ที่มีปัญหานั้นทิ้งไป แล้วลงไดรเวอร์ตัวเก่าที่เคยใช้งานได้ดีกลับไปเหมือนเดิม โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. ให้คลิกขวาที่ไอคอน My Computer > Properties
2. ที่หน้าต่าง System properties ให้คลิกแท็ป Device Driver
3. จากนั้นคลิกขวาที่ไดรเวอร์ของอุปกรณ์ที่มีปัญหา แล้วเลือกคำสั่ง Remove ไดรเวอร์นั้นออกไปแล้วลงไดรเวอร์ตัวเก่าที่เคยใช้งานได้ดีกลับไปเหมือนเดิม
แต่บางครั้งไดรเวอร์ที่มากับอุปกรณ์ตั้งแต่ตอนแรกที่ซื้อมา ก็อาจทำให้มีปัญหาได้เหมือนกัน โดยจะ พบบ่อยมากในไดรเวอร์ของการ์ดแสดงผล 3 มิติ และซาวด์การ์ดยี่ห้อโนเนมทางแก้ปัญหาคือ ต้องไปดาวน์โหลดไดรเวอร์เวอร์ชั่นใหม่จากเว็บไซต์ของผู้ผลิตอุปกรณ์ยี่ห้อที ่ใช้อยู่เท่านั้น ไม่ควรไปดาวน์โหลดจากเว็บไซต์อื่น เพราะจะทำให้เกิดปัญหาตามมาได้
เครื่องแฮงค์เพราะโปรแกรมแอพพลิเคชั่น
หลายครั้งที่อาการแฮงค์มักเกิดหลังจากโปรแกรมที่ติดตั้ง อยู่ในเครื่องเข้ากันไม่ได้ บางไฟล์ของโปรแกรมตัวหนึ่งอาจเข้าไปเปลี่ยนแปลงไฟล์บางตัวของระบบปฏิบัติการ จึงทำให้เกิดปัญหาขึ้นตามมาได้ ส่วนใหญ่มักเกิดจากไฟล์นามสกุล DLL ซึ่งเป็นไฟล์สาธารณะของระบบปฏิบัติการ ที่มักจะมีหลายโปรแกรมที่เราติดตั้ง เข้ามาขอใช้ไฟล์นามสกุล DLL ด้วย แต่บางโปรแกรมก็มีไฟล์ DLL เวอร์ชั่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าไฟล์ DLL ตัวเดิมของระบบปฏิบัติการ เมื่อเราติดตั้งโปรแกรมนี้ลงไปมันก็จะเขียนไฟล์ DLL ตัวใหม่ทับตัวเก่าทันที จึงทำให้เกิดปัญหาเครื่องแฮงค์ตามมา เพราะไฟล์ DLL เวอร์ชั่นใหม่ไม่สามารถทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติการได้
สำหรับแนวทางแก้ไขของช่างคอมพิวเตอร์ก็คือ ให้สอบถามพฤติกรรมของการใช้งานของผู้ใช้ก่อน เมื่อพบเครื่องที่มีลักษณะเครื่องแฮงค์หลังจากที่ผู้ใช้ลงโปรแกรมตัวใหม่ลงไป ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่าอาจ มาจากสาเหตุนี้ วิธีการแก้ไขก็คือ หากเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบนวินโดวส์ 98 / Me ให้บู๊ตเครื่องด้วยแผ่นบู๊ตแล้วพิมพ์คำสั่ง Scanreg / restore เพื่อเป็นการย้อนกลับไปใช้รีจีสทรีที่วินโดวส์ได้แบ็คอัพเก็บไว้ 5 วันหลังสุด ก็ให้เราเลือกวันที่คิดว่ายังไม่เกิดปัญหาเพียงเท่านี้ก็จะสามารถแก้ปัญหานี้ได้ครับ
สำหรับวินโดวส์ Me และวินโดวส์ XP ก็สามารถใช้โปรแกรม System Restore เพื่อย้อนกลับไปยังวันที่ไม่เกิดปัญหาได้ โดยสามารถเรียกใช้โปรแกรมได้ดังนี้
1. คลิกปุ่ม Start > Program > Accessories > System Tools > System Restore
2. เมื่อปรากฏโปรแกรม System Restore ขึ้นมาให้คลิกที่ช่อง Restore my computer to earlier time แล้วคลิกปุ่ม Next
3. เลือกวันที่และจุด Checkpoint ที่คิดว่ายังไม่เกิดปัญหา โดยวันที่ที่สามารถย้อนกลับไปได้จะเป็นช่องหนาๆ เมื่อเลือกเสร็จแล้วให้คลิกปุ่ม Next
4. จะมีหน้าต่างแสดงรายละเอียดของวันที่และจุด Checkpoint ที่ต้องการย้อนระบบกลับไป ให้เราคลิกปุ่ม Next แล้วโปรแกรมก็จะเริ่มทำการย้อนระบบกลับไปยังวันที่และจุด Checkpoint ที่เรากำหนด
ข้อเสนอแนะบ[Krootuuy2009]เกี่ยวกับโปรแกรมที่ใช้ซ่อมจุด ERROR ที่ฟ้องขึ้นปรากฏหน้าจอคอมพิวเตอร์รวมทั้งอาจซ่อมอาการแฮงค์ได้เป็นเบื้องต้นที่ผู้เขียนใช้อยู่ ณ ปัจจุบันนี้คือ
1. โปรแกรมทำความสะอาดจำพวกไฟล์ข้อมูลชั่วคราว : CCleaner
2. โปรแกรมซ่อมจุด ERROR : Error.Repair.Professional
3. โปรแกรมซ่อมแซม Registry : Registry.Repair 2.2
รู้จัก Registry ก่อนเข้าเจอะระบบ
Registry คือฐานข้อมูลส่วนกลางที่มีความสำคัญสำหรับ Windows เป็นอย่างยิ่งเพราะข้อมูลแทบทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลด้าน ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์การปรับแต่งค่าต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งรหัสผ่าน สิ่งเหล่านี้ล้วนถูกบรรจุอยู่ใน Registry ทั้งหมดRegistry จึงมีผลต่อเสถียรภาพของ Windows หากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นใน Registry เพียงแห่งเดียว ก็อาจส่งผลให้ Windows ทำงานผิดเพี้ยนหรือล่มไปทั้งระบบก็เป็นได้ ดังนั้นการที่เราจะสามารถควบคุม Windows ได้เหนือผู้ใช้งานทั่วไป การปรับแต่ง Registry จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้
หน้าที่ของ 6 คีย์หลักใน Registry
ภายใน Registry จะประกอบด้วยคีย์หลัก 6 คีย์ ด้วยกัน ซึ่งแต่ละคีย์ก็ล้วนเชื่อมต่อข้อมูลกับไฟล์ System.dat และ User.dat โดยแต่ละคีย์จะมีหน้าที่ดังนี้
HKEY_CLASSES_ROOT เป็นคีย์สำหรับจัดเก็บข้อมูลและคุณสมบัติต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์ทั้งหมดที่ติดตั้งภายในเครื่อง
HKEY_CURRENT_CONFIG เป็นคีย์สำหรับจัดเก็บข้อมูลที่เกี่ยวกับการกำหนดค่าต่างๆ ของฮาร์ดแวร์หรืออุปกรณ์ต่อพ่วงทั้งหมด
HKEY_LOCAL_MACHINE เป็นคีย์สำหรับจัดเก็บข้อมูลทางด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และการตั้งค่าอื่น ๆ ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ ข้อมูลภายในคีย์จะนำไปใช้กับผู้ใช้ทุกคนที่เข้ามาในวินโดวส์
HKEY_USERS เป็นคีย์สำหรับจัดเก็บข้อมูลเฉพาะที่เกี่ยวกับผู้ใช้ทั้งหมดเช่นรายชื่อของผู้ใช้ที่เข้ามาใช้งานหรือรายชื่อผู้ใช้งานเครือข่าย โดยจะมีความสัมพันธ์และเป็นข้อมูลชุดเดียวกับคีย์ HKEY_CURRENT_USER
HKEY_CURRENT_USER เป็นคีย์สำหรับจัดเก็บข้อมูลเฉพาะที่เกี่ยวกับผู้ใช้ปัจจุบันที่เข้ามาใช้งานเท่านั้น โดยจะมีความสัมพันธ์และเป็นข้อมูลชุดเดียวกับกับคีย์ HKEY_USERS
HKEY_DYN_DATA เป็นคีย์สำหรับจัดเก็บข้อมูลที่เกี่ยวกับการตั้งค่าในระบบ Plug and play รวมถึงค่ารหัสต่าง ๆ ของอุปกรณ์ที่มาต่อพ่วง สำหรับใน Windows XP จะไม่ปรากฏคีย์นี้
หมายเหตุ ต้องอ่านและศึกษาให้เข้าใจก่อนที่จะ ไป แก้ไข ใน registry
เพราะหาก เผลอไปลบ โปรแกรมสำคัญ ขึ้นมา ก็อาจทำให้เข้าวินโดว์ไม่ได้นะครับ
krootuuy2009
ร่วมแบ่งปันความรู้และความเห็นแล้ว 29 ครั้ง - ได้รับดาวแล้ว 58 ดวง - โหวตเพิ่มดาว
ความเห็นเพิ่มเติมที่ 2 6 ต.ค. 2551 (05:04)
คอมพิวเตอร์แฮงก์บ่อย ๆ โดยหาสาเหตุไม่ได้
- สาเหตุที่ 1 อาจเกิดจากไวรัสคอมพิวเตอร์
วิธีแก้ ลองใช้โปรแกรม Antivirus เวอร์ชั่นอัพเดทตรวจสอบฮาร์ดดิสก์ทั้งหมด
- สาเหตุที่ 2 คุณภาพเมนบอร์ดไม่ถึงมาตรฐาน
วิธีแก้ อาจเป็นเพราะคุณภาพของเมนบอร์ดไม่ถึงมาตรฐานของโรงงาน ซึ่งโดยมากมักเกิดกับเมนบอร์ดที่เพิ่งซื้อมาใหม่ ให้เอาไปเปลี่ยน
- สาเหตุที่ 3 ไฟล์ระบบปฏิบัติการชำรุด
วิธีแก้ ถ้ามั่นใจแล้วว่าไม่ได้เกิดจากไวรัสและสาเหตุอื่น ๆ ให้เรา Backup ข้อมูล ฟอร์แมต แล้วลงระบบปฏิบัติการและโปรแกรมใหม่ทั้งหมดครับ
krootuuy2009
ร่วมแบ่งปันความรู้และความเห็นแล้ว 29 ครั้ง - ได้รับดาวแล้ว 58 ดวง - โหวตเพิ่มดาว
ความเห็นเพิ่มเติมที่ 3 6 ต.ค. 2551 (05:10)
เปิดเครื่องแล้วมีเสียงร้องแต่ไม่ยอมทำงานใด ๆ
- สาเหตุที่ 1 อุปกรณ์บางตัวที่ต่อกับเมนบอร์ดหลวม
วิธีแก้ ถ้าอุปกรณ์บางตัวที่ต่อกับเมนบอร์ดหลวม จะทำให้กระบวนการเช็คค่าเริ่มต้น (POST) ของ BIOS ฟ้องค่าผิดพลาด ให้เราเปรียบเทียบค่าสัญญาณ Beep Code จากคู่มือเมนบอร์ด
- สาเหตุที่ 2 อุปกรณ์บางตัวที่อยู่บนเมนบอร์ดต่อไม่ถูกต้อง
วิธีแก้ ส่วนใหญ่มักเกิดกับ RAM ปกติเมื่อเราเปิดเครื่องแล้วมีปัญหาไม่สามารถแสดงภาพออกทางหน้าจอในตอนเริ่มต้นได้ Bios จะพยายามแจ้งอาการเสียผ่านทางเสียงร้องออกทางลำโพงที่อยูภายในเครื่องคอมพ์ ให้เราเปรียบเทียบค่าสัญญาณ Beep Code จากคู่มือเมนบอร์ด
- สาเหตุที่ 3 อุปกรณ์บางตัวที่ต่อกับเมนบอร์ดเสีย
วิธีแก้ ให้เราลองเปรียบเทียบค่าสัญญาณ Beep Code จากคู่มือเมนบอร์ดดู
- สาเหตุที่ 4 Chip บนเมนบอร์ดบางตัวเสีย
วิธีแก้ ให้ลองไปดูเครื่อง Beep Code และถ้าสาเหตุมาจาก Chip บนเมนบอร์ดให้ไปส่งร้านซ่อมเพื่อเปลี่ยน Chip หรือต้องซื้อเมนบอร์ดตัวใหม่ถ้าไม่มีอะไหล่
krootuuy2009
ร่วมแบ่งปันความรู้และความเห็นแล้ว 29 ครั้ง - ได้รับดาวแล้ว 58 ดวง - โหวตเพิ่มดาว
ความเห็นเพิ่มเติมที่ 4 22 ต.ค. 2551 (03:01)
อาการของเครื่องติดไวรัส
สามารถสังเกต การทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ถ้ามีอาการดังต่อไปนี้อาจเป็นไปได้ว่าได้มีไวรัสเข้าไปติดอยู่ในเครื่องแล้ว อาการที่ว่านั้นได้แก่
1.ใช้เวลานานผิดปกติในการเรียกโปรแกรมขึ้นมาทำงาน
2.ขนาดของโปรแกรมใหญ่ขึ้น
3.วันเวลาของโปรแกรมเปลี่ยนไป
4.ข้อความที่ปกติไม่ค่อยได้เห็นกลับถูกแสดงขึ้นมาบ่อ ย ๆ
5.เกิดอักษรหรือข้อความประหลาดบนหน้าจอ
6.เครื่องส่งเสียงออกทางลำโพงโดยไม่ได้เกิดจากโปรแกรมที่ใช้อยู่
7.แป้นพิมพ์ทำงานผิดปกติหรือไม่ทำงานเลย
8.ขนาดของหน่วยความจำที่เหลือลดน้อยกว่าปกติ โดยหาเหตุผลไม่ได้
9.ไฟล์แสดงสถานการณ์ทำงานของดิสก์ติดค้างนานกว่าที่เคยเป็น
10.ไฟล์ข้อมูลหรือโปรแกรมที่เคยใช้อยู่ ๆ ก็หายไป
11.เครื่องทำงานช้าลง
12.เครื่องบู๊ตตัวเองโดยไม่ได้สั่ง
13.ระบบหยุดทำงานโดยไม่ทราบสาเหตุ
14.มีการรายงานว่าจำนวนเซกเตอร์ที่เสียมีจำนวน เพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนโดยที่ ยังไม่ได้ใช้โปรแกรมใดเข้าไปตรวจหาเลย.....
krootuuy2009
ร่วมแบ่งปันความรู้และความเห็นแล้ว 29 ครั้ง - ได้รับดาวแล้ว 58 ดวง - โหวตเพิ่มดาว
ความเห็นเพิ่มเติมที่ 5 25 ต.ค. 2551 (05:00)
รวมวิธีแก้ต่างๆ ที่เป็นอาการหลังติดไวรัสครับ
วิธีดังต่อไปนี้จะใช้ไม่ได้ผล หากท่านยังไม่ได้หยุดหรือลบไวรัสนะครับ
แทบจะทุกวิธีนั้นต้องเข้า regedit ไปแก้ครับ โปรดแก้ด้วยความระวัดระวังครับ เพราะหากทำผิดท่านอาจจะเข้า windows ไม่ได้
วิธีเข้า regedit นั้น ให้คลิกตรงปุ่ม Start ตรงปุ่มล่างซ้าย แล้วเลื่อนขึ้นไปคลิกปุ่ม Run ในช่องข้อความพิมพ์ว่า regedit แล้ว Enter
วิธีแก้ต่างๆ
1.เข้า Run ไม่ได้
1.1เข้าไม่ได้เพราะไม่มีเมนู Run คือพูดง่ายๆ คลิก Start ตรงปุ่มล่างซ้ายแล้วไม่มีเมนู Run ให้คลิก
ให้เข้า regedit โดยการเข้าไปที่ C:WINDOWS แล้วดับเบิ้ลคลิกไฟล์ regedit.exe แล้วไปที่คีย์
HKEY_CURRENT_USERSoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciesExplorer
มองขวามือลบคีย์ NoRun
1.2 อาจจะโดนร้ายแรงกว่านั้น อาการคือ คลิก Start ตรงปุ่มล่างซ้ายแล้วไม่มีเมนูอะไรเลย หน้าจอก็ไม่มีไอคอนอะไร คลิกขวาก็ไม่ได้
แต่ยังกด Ctrl+Alt+Delete ได้ ให้กด Ctrl+Alt+Delete แล้วเลือกแถบ New task แล้ว browse ไปเลือกเปิดไฟล์ C:WINDOWS
egedit.exe
เมื่อเข้า regedit ได้แล้ว ให้เข้าไปที่คีย์
HKEY_CURRENT_USERSoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciesExplorer
มองขวามือ ลบคีย์ออกทุกคีย์ยกเว้น คีย์ชื่อNoDriveTypeAutoRun ไม่ต้องลบครับ แล้วรีตาร์ทเครื่องก็หายแล้วครับ
2. เข้า regedit ไม่ได้ เมื่อเข้าแล้วขึ้น ดังรูป Registry editing has been disabled by your administrator
ให้โหลดโปรแกรมมาแก้ครับ ชื่อ UnHookExec.inf โหลดมาแล้วคลิกขวาเลือกคำสั่ง install นะครับ
2.1เข้า regedit แล้วเงียบ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย เป็นไปได้ว่าไฟล์ regedit อาจจะโดนลบครับ ให้เข้าไปที่ My computer แล้วเข้าไปที่
C:WINDOWS หาเปิดไฟล์ regedit.exe ครับ หากเปิดแล้วเงียบอีก ก็ให้เปลี่ยนชื่อ ไฟล์ regedit.exe นั้นเป็นชื่ออื่นครับ เช่น regedit2.exe
แล้วลองเข้าใหม่ครับ เมื่อเข้าได้แล้วก็ เข้าไปที่คีย์
HKEY_LOCAL_MACHINESOFTWAREMicrosoftWindows NTCurrentVersionImage File Execution Options
ลบโฟลเดอร์ regedit.exe
HKEY_LOCAL_MACHINESOFTWAREMicrosoftWindows NTCurrentVersionImage File Execution Options
ลบโฟลเดอร์ regedt32.exe
3.คลิกขวาไม่ได้ ให้เรา เข้า regeditแล้วไปที่คีย์
HKEY_CURRENT_USERSoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciesExplorer
มองขวามือ หาบรรทัดที่เขียนว่า NoViewContextMenu เจอแล้วลบทิ้งเลยครับ แล้วเข้าไปที่
HKEY_LOCAL_MACHINESoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciesExplorer
มองขวามือ หาบรรทัดที่เขียนว่า NoViewContextMenu เจอแล้วลบทิ้งเช่นกันครับ
4.กด Ctrl+Alt+Delete แล้ว Task manager ไม่ขึ้นมาแต่ขึ้นว่า Task Manager has been disabled by your administrator
ให้เข้า regeditแล้วไปที่คีย์
HKEY_CURRENT_USERSoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciesSystem
มองขวามือลบบรรทัดที่เขียนว่า DisableTaskMgr แล้วเข้าไปที่คีย์
HKEY_LOCAL_MACHINESoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciesSystem
มองขวามือลบบรรทัดที่เขียนว่า DisableTaskMgr ออกเหมือนกันครับ
5.เข้า Run พิมพ์ cmd แล้วเอนเทอร์ เพื่อจะเข้า command prompt แล้วเครื่องก็รีสตาร์ท หรือเงียบ
ให้เข้า regeditแล้วไปที่คีย์
HKEY_CURRENT_USERSoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciesSystem
มองขวามือลบบรรทัดที่เขียนว่า DisableCMD แล้วเข้าไปที่คีย์
HKEY_LOCAL_MACHINESoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciesSystem
มองขวามือลบบรรทัดที่เขียนว่า DisableCMD เหมือนกันครับ
6.เมนู โฟลเดอร์ ออฟชั่นหาย ให้เข้า regeditแล้วไปที่คีย์
HKEY_CURRENT_USERSoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciesExplorer
มองขวามือลบบรรทัดที่เขียนว่า NoFolderOptions ออกครับ
7.เซตให้แสดงไฟล์ของระบบไม่ได้ เซตแล้วก็เด้งกลับมาซ่อนไว้เหมือนเดิมเหมือนเดิม
ให้เข้า regeditแล้วไปที่คีย์
HKEY_CURRENT_USERSoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionExplorerAdvanced
มองหาคีย์ชื่อ ShowSuperHidden ให้ดับเบิ้ลคลิก แล้วใส่ค่าเป็น 1 ครับ
8. ไม่สามารถเปลี่ยนหรือลบภาพพื้นหลังหน้าจอไม่ได้เพราะคลิกขวา properties ที่หน้าจอแล้วไม่มีเมนูที่จะเข้า ดังรูป
ให้เข้า regedit แล้วไปที่คีย์
HKEY_CURRENT_USERSoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciessystem
มองขวามือแล้วลบบรรทัดที่เขียนว่า NoDispBackgroundPage กับ NoDispScrSavPage ออกครับ
krootuuy2009
ร่วมแบ่งปันความรู้และความเห็นแล้ว 29 ครั้ง - ได้รับดาวแล้ว 58 ดวง - โหวตเพิ่มดาว
ความเห็นเพิ่มเติมที่ 6 26 ต.ค. 2551 (03:53)
การตรวจเช็คและวิธีแก้ปัญหาลง windows ไม่ได้ บู๊ตได้แต่ลงๆๆแล้วพอลงได้สักครึ่งขึ้น บูล สกรีน ตลอด
1. หัวอ่าน CD-ROM มีปัญหา วิธีแก้คือ ทำความสะอาดหัวอ่านหรือเปลี่ยนตัวใหม่มาลองดู
2. เปิดฟังก์ชั่นการตรวจสอบไวรัสไว้ใน BIOS วิธีแก้คือ ไปปิดฟังก์ชั่นนี้ซะก่อนที่ท่านจะลงวินโดว์
3. ฮาร์ดดิสก์มี Bad Sector วิธีแก้คือ ให้ท่านทำการ scandisk แล้ว fix Bad เจ้าปัญหานี้ซะ
4. อุปกรณ์เชื่อมต่อภายในสกปรกหรือหลวม เช่น สายแพฮาร์ดดิสก์ที่เสียบไม่แน่น หรือฝุ่นละอองที่จับตัวบริเวณแผงของเมนบอร์ด หรือเป็นสายเก่าขาดภายใน ลองเปลี่ยนสายใหม่ดูครับ
หรือเสียบอุปกรณ์ต่างๆลงใน slot ไม่แน่น วิธีแก้คือ ถอดอุปกรณ์ต่างๆ มาทำความสะอาด ใช้ยางลบทำความสะอาดบริเวณขาที่เสียบกับ slotแล้วใส่กลับเข้าไปอย่างเดิม เช็คดูว่าใส่แน่นดีทุกจุดหรือเปล่า
5. กรณีมีแรมหลายแผง
5.1.ถอดให้เหลือตัวเดียวแล้วลง ไม่ผ่าน แรมตัวเดิมสลับช่องสล๊อตไปเรื่อย ๆ จนครบทุกช่อง
5.2. ไม่ผ่าน เปลี่ยนแรมแผงใหม่ แล้วทำตาม 5.1
5.3. ไม่ผ่าน ถ้าใส่ การ์ดแลนด์ ให้ถอดออก แล้วลองตาม 5.1 – 5.2 ใหม่
5.4. ไม่ผ่าน
5.4.1 สล๊อตแรมเสีย
5.4.2 เรื่องใหญ่ เมนบอร์ด หมดอายุ บวม อืด
6. CPU ร้อนเกินไป
6.1 อาจจะเกิดจากซิลิโคนแห้ง ให้เราถอด CPU ออกมาขูดซิลิโคนเก่าออกแล้วป้ายซิลิโคนใหม่ลงไปแล้วประกอบกลับอย่างเดิม
6.2 พัดลม CPU หมุนช้าหรือหมุนผิดปกติ ให้ทำความสะอาดพัดลมดูครับอาจจะมีฝุ่นหรือเศษอะไรเข้าไปติดทำให้พัดลมหมุนได้ไม่เต็มที่
7. อุปกรณ์ข้างในเสีย เช่น CPU เสีย กรณีนี้แม้จะพบได้น้อยแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสที่จะพบ ทางแก้คือเปลี่ยน CPU ใหม่ไปเลยครับ,
การ์ดจอ, หรืออุปกรณ์จำพวก onboard เช่น Sound onboard ให้ทำการ disable ก่อนลงวินโดว์ ครับ ฯ
8. การแบ่งพิทิชั่น drive c ควรจะเป็น NTFS ครับ โดยเฉพาะแผ่นติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows XP SP3 นี้ส่วนมากแล้วมักจะรองรับแต่ NTFS ส่วน FAT32 นั้นลงไม่ได้เลยครับ
krootuuy2009
ร่วมแบ่งปันความรู้และความเห็นแล้ว 29 ครั้ง - ได้รับดาวแล้ว 58 ดวง - โหวตเพิ่มดาว
ความเห็นเพิ่มเติมที่ 7 21 ธ.ค. 2551 (07:23)
วิธีการ/ ลำดับขั้นตอนClear CMOS
1.หาคู่มือ mainboard ก่อนแต่ถ้าพอมีความรู้เรื่อง hardware ก็ไม่ต้องใช้ครับ เปิดคู่มือเมนบอร์ดดูครับ ว่าตำแหน่งที่ใช้ clear CMOS อยู่ตรงไหนโดยปกติมันก็จะอยู่ใกล้ตัว CMOS เลย ทีนี้มันจะมี jumper ซึงเป็นตัวเล็กๆ ไว้สำหรับเสียบลงในช่องขา (ปกติจะมี2-3 ขา)ที่ยื่นมาบนเมนบอร์ด ก็ให้ย้ายตำแหน่งมาที่ตำแหน่ง clear ทิ้งไว้สัก 15 วินาที แล้วย้ายกลับมาตำแหน่งเดิม ถ้าไม่ย้ายเครื่องก็จะไม่บู๊ต ให้ครับ
2.เปิด case ออกมา
3.ดูบน mainboard ของเรา เพื่อหา jumper clear Cmos ส่วนมากตำแหน่งไม่แน่นอน แต่ดูแถวๆ ถ่านกระดุมก่อน อ้อข้อสังเกตุครับ jamper clear Cmosจะมีรายละเอียดดังนี้
-ส่วนมากตัว jumper จะมีสีต่างจาก jumper ตัวอื่นๆ แต่จะสังเกตได้แต่ board รุ่นใหม่ๆ
-ส่วนที่คล้ายๆกันเกือบทุก board เลยคือเป็น j1 หรือ jumper No1 และส่วนมากจะมี screen เขียนว่า CLR_Cmos, CLR ฯลฯ โดย screen ที่มันบอกจะใช้เป็นตัวย่อมาจาก Clear Cmos นั่นเอง
-แต่บาง Mainboard จะไม่มี jumper แต่จะเป็นจุดให้เราช็อตขาเอาเองโดย screen จะใช้เหมือนที่กล่าวข้างบน
4.ปรับค่าไปทาง clear เลยครับหรือช็อตขา(สำหรับที่ไม่มี jumper)ก็เรียบร้อยแต่ถ้าคิดว่าที่พูดมายุ่งยาก(แต่ชัวร์ที่สุด)ก็มาขุ้นตอนนี้เลย
5.ถอดถ่านกระดุมออกแล้วเอาไขควงของเราจี้ที่ขั้วแท่านใส่ถ่านกระดุมให้เป็นวงจรสมบูรณ์ซะ(หมายถึงให้ขั้วมันประสานกันโดยมีไขควงเป็นตัวนำ) ซัก 30วินาทีและอย่าพึ่งใส่ถ่านกลับเขาไปนะทิ้งไว้อีกสัก 5 นาทีก่อนค่อยใส่กลับคืน
6. พอ clear เสร็จแล้วก็มี set bios ใหม่ ครับ
*********************
หน้าที่ 26 - RAM เสีย รู้ได้อย่างไร ?
RAM เสีย รู้ได้อย่างไร ?
หน่วยความจำเสียเกิดขึ้นได้ไม่บ่อยนัก แต่น้อยคนจะทราบว่ามันเสีย เพราะอุปกรณ์ตัวนี้ไม่ได้แสดงอาการที่หนักหนาอะไรเหมือนกับอุปกรณ์อื่นๆ เช่น ฮาร์ดิสก์หรือซีพียู ที่ทำให้พีซีไม่สามารถใช้งานได้เลย วันนี้เรามีสัญญาณบอกเหตุให้รู้ว่าหน่วยความจำเสียมาฝากครับ
ให้สังเกตุอาการต่างๆดังต่อไปนี้
- เกิดจอฟ้าขึ้นระหว่างใช้งาน พร้อมข้อความแจ้งเตือนต่างๆ ซึ่งผู้ใช้ต้องรีบูตเครื่องใหม่เท่านั้น
- เกิดจอฟ้าระหว่างการติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 2000 และ Windows XP
- เกิดอาการเครื่องแฮงค์ระหว่างการใช้งานโดยไม่ทราบสาเหตุ
- เกิดอาการจอฟ้าระหว่างเปิดโปรแกรมหรือเกม ที่ต้องใช้หน่วยความจำเป็นจำนวนมาก เช่น เกมสามมิติต่างๆ โปรแกรมกราฟฟิก รวมถึงโปรแกรมสำหรับทดสอบเครื่อง
- เกิดภาพที่แสดงออกมาผิดเพี้ยน ซึ่งสาเหตุอาจจะรวมไปถึงตัวการ์ดจอมีปัญหาได้
- ไม่สามารถบูตเครื่องได้ ซึ่งตัวเครื่องจะส่งสัญญาณออกมาให้ทราบว่าหน่วยความจำมีปัญหา หรือว่าจะแสดงให้เห็นบนจอภาพเช่น Memory test fail เป็นต้น
*****************************
หน้าที่ 27 - ซ่อมแซม Fileเมื่อถึงคราวที่วินโดว์ของคุณเกิดทำงานผิดพลาดบ่อยครั้ง
ซ่อมแซม File
เมื่อถึงคราวที่วินโดว์ของคุณเกิดทำงานผิดพลาดบ่อยครั้ง
อันเนื่องมาจากไฟล์ของระบบเสียหาย คุณสามารถติดตั้งเฉพาะตัวโปรแกรมวินโดว์ใหม่โดยไม่จำ เป็น
ต้องฟอร์แมตแล้วลงวินโดว์และติดตั้งโปรแกรมอื่นๆ เข้าไปใหม่ให้เสียเวลานอกจากนี้คุณยังไม่ต้อง มานั่งปรับตั้งค่าการทำงานต่างๆ ใหม่อีกครั้งแต่อย่างใดด้วย
1. เปิดเครื่องบู๊ตเข้าสู่วินโดว์ตามปกติ
2. นำแผ่น Setup CD ของวินโดว์ใส่ลงในไดร์ฟซีดีรอม
3. คลิกปุ่ม Start -> Run
4. พิมพ์คำสั่ง E:i386winnt32 /unattend แล้วคลิกปุ่ม OK
5. โปรแกรมติดตั้งจะเริ่มดำเนินการติดตั้งวินโดว์ให้คุณ ใหม่โดยยังคงรักษา
ค่าการทำงานต่างๆ เอาไว้เหมือนเดิม
****************************************
หน้าที่ 28 - คำสั่ง run ที่สามารถซ่อมคอมได้
คำสั่ง run ที่สามารถซ่อมคอมได้ แล้วสามารถทำให้คุณ hack ได้ เชื่อหรือไม่
ลองดู
ยกตัวอย่างนะครับ ถ้าผมจะดู mac address ในวง lan ของทุกเครื่องที่ต่ออยู่ ผมสามารถทำได้
จากคำสั่ง start>run>cmd>arp -a
หลังจากคุณได้ mac address มาแล้ว คุณสามารถทำอะไรได้มากมาย อย่างที่คุณต้องการเลยแหละ แต่ผมคงบอกหมดไม่ได้เพราะ ผมไม่สนับสนุนให้ทำผิดกฎหมาย
และมีอีกหลายคำสั่งนะครับ ลองไปศึกษาดู
เรียกโปรแกรม Accessibility Options : access.cpl
เรียกโปรแกรม Add Hardware : hdwwiz.cpl
เรียกโปรแกรม Add/Remove Programs : appwiz.cpl
เรียกโปรแกรม Administrative Tools control : admintools
ตั้งค่า Automatic Updates : wuaucpl.cpl
เรียกโปรแกรม Bluetooth Transfer Wizard : fsquirt
เรียกโปรแกรม เครื่องคิดเลข (Calculator) : calc
เรียกโปรแกรม Certificate Manager : certmgr.msc
เรียกโปรแกรม Character Map : charmap
เรียกโปรแกรม ตรวจสอบดิสก์ (Check Disk Utility) : chkdsk
เรียกดูคลิปบอร์ด (Clipboard Viewer) : clipbrd
เรียกหน้าต่างดอส (Command Prompt) : cmd
เรียกโปรแกรม Component Services : dcomcnfg
เรียกโปรแกรม Computer Management : compmgmt.msc
เรียกดู/ตั้ง เวลาและวันที่ : timedate.cpl
เรียกหน้าต่าง Device Manager : devmgmt.msc
เรียกดูข้อมูล Direct X (Direct X Troubleshooter) : dxdiag
เรียกโปรแกรม Disk Cleanup Utility : cleanmgr
เรียกโปรแกรม Disk Defragment : dfrg.msc
เรียกโปรแกรม Disk Management : diskmgmt.msc
เรียกโปรแกรม Disk Partition Manager : diskpart
เรียกหน้าต่าง Display Properties control desktop : desk.cpl
เรียกหน้าต่าง Display Properties เพื่อปรับสีวินโดวส์ : control color
เรียกดูโปรแกรมช่วยแก้ไขปัญหา (Dr. Watson) : drwtsn32
เรียกโปรแกรมตรวจสอบไดร์ฟเวอร์ (Driver Verifier Utility) : verifier
เรียกดูประวัติการทำงานของเครื่อง (Event Viewer) : eventvwr.msc
เรียกเครื่องมือตรวจสอบไฟล์ File Signature Verification Tool : sigverif
เรียกหน้าต่าง Folders Options control folders
เรียกโปรแกรมจัดการ Fonts control fonts
เปิดไปยังโฟลเดอร์ Fonts (Fonts Folder) : fonts
เรียกเกม Free Cell : freecell
เปิดหน้าต่าง Game Controllers : joy.cpl
เปิดโปรแกรมแก้ไข Group Policy (ใช้กับ XP Home ไม่ได้) : gpedit.msc
เรียกเกม Hearts : mshearts
เรียกโปรแกรมสร้างไฟล์ Setup (Iexpress Wizard) : iexpress
เรียกโปรแกรม Indexing Service : ciadv.msc
เรียกหน้าต่าง Internet Properties : inetcpl.cpl
เรียกหน้าต่าง Keyboard Properties control : keyboard
แก้ไขค่าความปลอดภัย (Local Security Settings) : secpol.msc
แก้ไขผู้ใช้ (Local Users and Groups) : lusrmgr.msc
คำสั่ง Log-off : logoff
เรียกเกม Minesweeper winmine
เรียกหน้าต่าง Mouse Properties control mouse : main.cpl
เรียกหน้าต่าง Network Connections control netconnections : ncpa.cpl
เรียกหน้าต่าง Network Setup Wizard : netsetup.cpl
เรียกโปรแกรม Notepad : notepad
เรียกโปรแกรม Object Packager : packager
เรียกคีย์บอร์ดบนหน้าจอ (On Screen Keyboard) : osk
เรียกหน้าต่าง Performance Monitor : perfmon.msc
เรียกหน้าต่าง Power Options Properties : powercfg.cpl
เรียกหน้าต่าง Printers and Faxes control : printers
เรียกหน้าต่าง Printers Folder : printers
เรียกโปรแกรม Private Character Editor : eudcedit
เรียกหน้าต่าง Regional Settings : intl.cpl
เรียกหน้าต่าง Registry Editor : regedit
เรียกโปรแกรม Remote Desktop : mstsc
เรียกหน้าต่าง Removable Storage : ntmsmgr.msc
เรียกหน้าต่าง Removable Storage Operator Requests : ntmsoprq.msc
เรียกดู Policy ที่ตั้งไว้ (ใช้กับ XP Home ไม่ได้) : rsop.msc
เรียกหน้าต่าง Scanners and Cameras : sticpl.cpl
เรียกโปรแกรม Scheduled Tasks control : schedtasks
เรียกหน้าต่าง Security Center : wscui.cpl
เรียกหน้าต่าง Services : services.msc
เรียกหน้าต่าง Shared Folders : fsmgmt.msc
คำสั่ง Shuts Down : shutdown
เรียกหน้าต่าง Sounds and Audio : mmsys.cpl
เรียกเกม Spider Solitare : spider
แก้ไขไฟล์ระบบ (System Configuration Editor) : sysedit
แก้ไขการตั้งค่าระบบ (System Configuration Utility) : msconfig
ตรวจสอบระบบด้วย System File Checker Utility (เริ่มทันที) : sfc /scannow
ตรวจสอบระบบด้วย System File Checker Utility (เริ่มเมื่อบู๊ต) : sfc /scanonce
เรียกหน้าต่าง System Properties : sysdm.cpl
เรียกหน้าต่าง Task Manager : taskmgr
เรียกหน้าต่าง User Account Management : nusrmgr.cpl
เรียกโปรแกรม Utility Manager : utilman
เรียกโปรแกรม Windows Firewall : firewall.cpl
เรียกโปรแกรม Windows Magnifier : magnify
เรียกหน้าต่าง Windows Management Infrastructure : wmimgmt.msc
เรียกหน้าต่าง Windows System Security : Tool syskey
เรียกตัวอัพเดตวินโดวส์ (Windows Update) : wupdmgr
เรียกหน้าต่าง Windows XP Tour Wizard : tourstart
เรียกโปรแกรม Wordpad : write
*****************************************************