ลองโหลดไปอ่านๆ ดูครับเผื่อช่วยได้
>>Download<<
Partition หาย พัง เจ๊งโบ้ง Partition Find and Mount,Testdisk ช่วยท่านได้ _ ShadowMan
Partition หาย พัง เจ๊งโบ้ง Partition Find and Mount,Testdisk ช่วยท่านได้ _ ShadowMan
เว็บที่แนะนำสามารถใช้ได้จริง >>Download<<
เว็บที่แนะนำสามารถใช้ได้จริง >>Download<<
Printer Epson C90 ขึ้น Popup โชว์สถานะการพิมพ์
Printer Epson C90
ขึ้น Popup โชว์ว่าหมึกหมดตลอดเวลา แต่เครื่องพิมพ์ปกติ
แก้ไขที่ Printer >> Properties >> ทดสอบเครื่องพิมพ์ >> Speed & Progress >> ติ๊กแสดงสถานะขณะพิมพ์ออก
ขึ้น Popup โชว์ว่าหมึกหมดตลอดเวลา แต่เครื่องพิมพ์ปกติ
แก้ไขที่ Printer >> Properties >> ทดสอบเครื่องพิมพ์ >> Speed & Progress >> ติ๊กแสดงสถานะขณะพิมพ์ออก
Print งานกระดาษ 15x11 ไม่เต็มหน้า
ให้เข้า Printer > Properties > Advanced > คลิก Enable advanced printer ออก
Hp Deskject 6000 ไฟกระพริบทุกสีจากซ้ายไปขวา
ถอดถาดตลับหมึกออกมาทำความสะอาดหรือขัดทองแดงแล้วเสียบกลับไปใหม่
เครื่อง Print HP Photo 4400 copy งานแล้วงานย่อ
เครื่อง Print HP Photo 4400 copy งานแล้วงานย่อ
ให้ปรับที่ manu เลือก resize borderless ไม่ให้มีสี
ให้ปรับที่ manu เลือก resize borderless ไม่ให้มีสี
Firewall ไม่ Start ปริ้นเตอร์แชร์มองไม่เห็น
Windown Firewall เข้าไม่ได้
เนื่องมาจาก Firewall ใน sevice ไม่ Start เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ปริ้นเตอร์ที่แชร์มองไม่เห็นกัน
วิธีแก้ ใช้ตัว recovery มา scan
เนื่องมาจาก Firewall ใน sevice ไม่ Start เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ปริ้นเตอร์ที่แชร์มองไม่เห็นกัน
วิธีแก้ ใช้ตัว recovery มา scan
spoolsv error
ฟ้องเวลาปริ้นงาน
ทำให้ปริ้นไม่ได้
แล้วเครื่องก็ค้าง
วิธีแก้ไข
-
เข้าที่ printer >
properties > tab Advanced > ติ๊กช่อง Enable Advanced
printing ออก
คลิกขวาส่ง mail ไม่ได้
ให้แก้ไขโดย คลิกขวา IE > Properties > program > เลือก E-mail ให้เป็น Outlook Express
ข้อความใน mail หายเป็นบางส่วน
เลือก Tool > Option > Send > เมนู Mail sendding format คลิก HTML Setting > เลือก Encode text using
ให้เป็น Base 64
ให้เป็น Base 64
Outlook อ่านภาษาไทยไม่ออก
วิธีกำหนดค่าให้ Outlook 2003 ใช้งานกับภาษาไทย
1. ต้องตรวจสอบและมั่นใจว่าระบบปฏิบัติการ Windows ที่ใช้อยู่ ได้มีการติดตั้งภาษาไทยอย่างสมบูรณ์ จะสามารถอ่านภาษาไทยได้ทุกโปรแกรม และ สามารถใช้ keyboard ภาษาไทยโดยไม่พบปัญหาใดๆ
2. เลือก menu "Tools -> Options --> Mail Format --> International Options" จากนั้นไม่เลือก 'Auto Select encoding for outgoing Messages' และเลือกรายการ 'Prefered encoding for outgoing messages' เป็น 'Thai (Windows)'
วิธีกำหนดค่าให้ Outlook Express ใช้งานกับภาษาไทย
1. จาก Menu "Tools -> Options --> Read --> Fonts" เลือกกำหนด "Font Settings" ให้เป็น Thai และเลือก Thai Font ของ Proportional Fonts and Fixed Font ในแบบที่ต้องการ จากนั้นกดปุ่ม "Set as Default" เพื่อให้ Thai เป็นแบบ Encoding ที่บังคับแต่ต้น
2. จาก Menu "Tools -> Options --> Read --> Internatinal Settings" เลือกให้เป็น "Use default encoding for all incoming messages" เพื่อใช้ Encoding นี้ทุก Email ที่เข้ามา แต่ถ้าไม่กำหนด Thai ให้เป็น Default Encoding จะต้องไม่กำหนดให้ทุก Email ใช้ Encoding นั้น เพื่อให้ Email สามารถเปลี่ยน Encoding เองได้ตามที่ส่งมา
3. จาก Menu "Tools -> Options --> Send --> Internatinal Settings" ให้กำหนด "Default Encoding" เป็น Thai และเข้าไปกำหนดใน "Mail Sending Format" ข้อ "HTML Settings" และข้อ "Plain Text Settings" ให้ Encoding Text โดย "None" และ สามารถใช้อักษร 8-bit ที่ headers
1. ต้องตรวจสอบและมั่นใจว่าระบบปฏิบัติการ Windows ที่ใช้อยู่ ได้มีการติดตั้งภาษาไทยอย่างสมบูรณ์ จะสามารถอ่านภาษาไทยได้ทุกโปรแกรม และ สามารถใช้ keyboard ภาษาไทยโดยไม่พบปัญหาใดๆ
2. เลือก menu "Tools -> Options --> Mail Format --> International Options" จากนั้นไม่เลือก 'Auto Select encoding for outgoing Messages' และเลือกรายการ 'Prefered encoding for outgoing messages' เป็น 'Thai (Windows)'
วิธีกำหนดค่าให้ Outlook Express ใช้งานกับภาษาไทย
1. จาก Menu "Tools -> Options --> Read --> Fonts" เลือกกำหนด "Font Settings" ให้เป็น Thai และเลือก Thai Font ของ Proportional Fonts and Fixed Font ในแบบที่ต้องการ จากนั้นกดปุ่ม "Set as Default" เพื่อให้ Thai เป็นแบบ Encoding ที่บังคับแต่ต้น
2. จาก Menu "Tools -> Options --> Read --> Internatinal Settings" เลือกให้เป็น "Use default encoding for all incoming messages" เพื่อใช้ Encoding นี้ทุก Email ที่เข้ามา แต่ถ้าไม่กำหนด Thai ให้เป็น Default Encoding จะต้องไม่กำหนดให้ทุก Email ใช้ Encoding นั้น เพื่อให้ Email สามารถเปลี่ยน Encoding เองได้ตามที่ส่งมา
3. จาก Menu "Tools -> Options --> Send --> Internatinal Settings" ให้กำหนด "Default Encoding" เป็น Thai และเข้าไปกำหนดใน "Mail Sending Format" ข้อ "HTML Settings" และข้อ "Plain Text Settings" ให้ Encoding Text โดย "None" และ สามารถใช้อักษร 8-bit ที่ headers
MSN Login เข้าไม่ได้
MSN Login เข้าไม่ได้ Error Code : 8000401a
วิธีแก้ไข : ไปที่ Start Run > regedit > ดับเบิ้ลคลิก HKEY_CLASSES_ROOT > AppID แล้วหา Folder 380689D0-AFAA-47E6-B80E-A33436FE314B
จากนั้นก็ลบมันทิ้งเลย ระบบจะปรับการตั้งค่าทำงานใหม่ จากนั้นคุณปิดหน้าต่างนี้ และเข้าสู่ระบบ MSN อีกครั้ง
วิธีแก้ไข : ไปที่ Start Run > regedit > ดับเบิ้ลคลิก HKEY_CLASSES_ROOT > AppID แล้วหา Folder 380689D0-AFAA-47E6-B80E-A33436FE314B
จากนั้นก็ลบมันทิ้งเลย ระบบจะปรับการตั้งค่าทำงานใหม่ จากนั้นคุณปิดหน้าต่างนี้ และเข้าสู่ระบบ MSN อีกครั้ง
รวม Error Code ที่น่ารู้
รวม Error Code ที่น่ารู้
# Error Code 0x0000000A
สำหรับรหัสความผิดพลาดตัวแรกนี้ โดยปกติแล้วจะเกิดจากไดรเวอร์บางตัวที่เข้าไปใช้ตำแหน่งแอดเดรสของหน่วยความ จำไม่ถูกต้อง รวมทั้งการไม่สนับสนุนกันระหว่างอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และตัวซอฟต์แวร์ไดรเวอร์ ด้วย หากความผิดพลาดนี้ถูกแจ้งขึ้นมาระหว่างการติดตั้งวินโดวส์นั้น ให้เข้าไปปิดฟีเจอร์ Plug & Play All Shadowing Bios virus protection และ All Caching ในไบออส ถ้าอุปกรณ์บางชิ้นของคุณเก่าเกินไป แนะนำให้เข้าไปที่เว็บ http://www.microsoft.com/hclเพื่อตรวจสอบรายชื่อของฮาร์ดแวร์ที่ผ่านการ รับรองจากไมโครซอฟท์ด้วย แต่ถ้าความผิดพลาดนี้เกิดขึ้นหลังจากใช้งานวินโดวส์ให้คุณปิดโปรแกรม Antivirus แล้วเลือกบูตด้วยแผ่นติดตั้งวินโดวส์ เพื่อซ่อมแซมไฟล์ด้วยตัวเลือก “R” และย่าลืมใช้ฟีเจอร์ Roll back driver ระหว่างขั้นตอนนี้ด้วย
# Error Code 0x000000EA
ความผิด พลาดนี้มักเกิดขึ้นตอนที่คุณเล่นเกมหรือ ใช้โปรแกรมดูหนังติดต่อกันเป็นเวลานานๆ โดยเฉพาะผู้ใช้การ์ดแสดงผลของ nVIDIA และติด ตั้งไดรเวอร์ Nv4.sys ลงไป จะเกิดปัญหานี้ขึ้น สิ่งที่คุณต้องทำก็คือ ไปที่ Device Manager และดูว่าภายใต้หัวข้อ Display adapters มีรายชื่ออุปกรณ์มากกว่าหนึ่งตัวหรือไม่ถ้ามีให้ลบตัวที่ไม่ได้ใช้ออกไป และให้เข้าไปดาวน์โหลดไดรเวอร์ของชิปดังกล่าวจากเว็บไซต์ nVidia มาติดตั้งใหม่อีกครั้ง
# Error Code 0x0000001E
รหัสความ ผิดพลาดนี้จะขึ้นมาระหว่างการติดตั้งวินโดวส์ หากคุณเผลอไปรีสตาร์ตเครื่องตอนที่โปรแกรมติดตั้งกำลังทำงานอยู่ละก็ อาจเกิดความผิดพลาดนี้ได้ ส่วนใหญ่จะมีปัญหากับเครื่องที่มีฮาร์ดดิสก์ไม่พอเพราะไม่สามารถเขียนไฟล์ แบ็กอัพหลังเกิดความผิดพลาดเกินไปได้ วิธีแก้ปัญหาให้ติดตั้งวินโดวส์ลงไปใหม่ในดิสก์ที่มีเนื้อหาที่ว่างพอ อัพเดตไบออสด้วยหากเมนบอร์ดของคุณใช้ไบออสที่มีเวอร์ชั่นเก่าเกินไป
# Error Code 0x000000ED
ปัญหา นี้เกิดขึ้นได้บ่อยกับ IDE ดิสก์ที่มีระบบไฟล์แบบ NTFS แล้วอนุญาตให้ทำดิสก์แคชบนฮาร์ดิสก์ได้ โดยรูทีนที่ใช้ทำ Caching บนดิสก์ เกิดความผิดพลาดในการเขียนข้อมูลที่นอกเหนือลงไปบนพื้นที่สงวนดังกล่าว การแก้ปัญหาเบื้องต้นอาจใช้คำสั่ง chkdsk /rจากหน้าต่าง Recovery console ( บูตจากซีดีแล้วเลือกคำสั่ง “R” เพื่อเปิดหน้าต่าง Recovery) และถ้าหากคุณใช้ Service Pack เวอร์ชันเก่า แนะนำให้อัพเดตเป็นตัวใหม่ทันที
# Error Code 0x000000D1
หาก คุณกำลังสั่งชัตดาวน์เครื่องขณะที่มีอุปกรณ์ USB เชื่อมต่อหรือกำลังทำงานอยู่ อาจเกิดข้อความแสดงความผิดพลาดแบบนี้ขึ้นมา เพราะ OHCI ( Open Host Control Interface) ที่ควบคุมการโอนถ่ายข้อมูลของอุปกรณ์ USB ทำงานผิดพลาด ซึ่งถ้าเครื่องของคุณติดตั้ง Service Pack 2 ของวินโดวส์ เอ็กซ์พี ให้ข้ามข้อนี้ไปได้เลยแต่สำหรับผู้ที่ยังใช้ Service Pack 1 และต้องการแก้ไขเฉพาะส่วนนี้เท่านั้น ให้ดาวน์โหลดไฟล์อัพเดตของ usbohci.sys ได้จากเว็บไซต์ http://support.microsoft.com/kb/322389/EN-US
# Error code 0xc000026C/ 0xc0000221
เมื่อ คุณรีสตาร์ตเครื่องใหม่ และพบข้อความ “ Unable to load device driver” พึงเข้าใจไว้เลยว่ามาจาก Error code ทั้งสองตัวนี้ สาเหตุนั้นมาจากไฟล์ device driver (.sys) ของอุปกรณ์ได้รับความเสียหายหรือไม่พบไฟล์เหล่านี้ วิธีแก้ไขให้บูตเครื่องจากแผ่นแล้วให้ซ่อมแซมไฟล์ (‘R’) พิมพ์ cd windowssystem32drivers ที่หน้าต่าง Recvery และให้แก้ไขชื่อไฟล์ไดรเวอร์ที่ได้รับความเสียหายโดยพิมพ์ ren drivername.sys drivername.bak (drivername คือชื่อไฟล์ไดรเวอร์ที่ได้รับความเสียหาย) จากนั้นก๊อบปี้ไฟล์ไดรเวอร์จากแผ่นซีดีติดตั้งตั้งลงไปโดยพิมพ์ copy cd-rom:i386 drivername (cd-rom: คือไดรเวอร์ที่ติดตั้งซีดีรอม)
# Error Code C00D1199
เป็น รายงานความผิดพลาดจากโปรแกรม Windows media player ซึ่งแสดงว่ามีปัญหาเกิดขึ้นกับไฟล์ออดิโอหรือไฟล์มีเดียโดยไฟล์มีเดียดัง กล่าวอาจไม่ได้รับการสนับสนุนจากโปรแกรมรวมทั้งตัว Codec ที่ใช้คลายสัญญาณบีบอัดของ Windows Media Player ก็อาจไม่รองรับกับอัลกอริทึมที่ใช้ในการบีบอัดไฟล์เหล่านั้นได้ ทางแก้ที่ง่ายทีสุดคือ ติดตั้ง plug in เพิ่มลงไป หรืออัพเกรดเป็นเวอร์ชันล่าสุดก็ได้เช่นกัน
# Error Code -182
รหัส ความผิดพลาด –182 (“timeout”) นี้จะเกิดขึ้นกับคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อเข้ากับระบบเครือข่าย ซึ่งไม่มีสัญญาณตอบรับหรือขาดการเชื่อมต่อไปเรียบร้อยแล้ว คุณจะพบรายงานความผิดพลาดนี้ได้จากการเข้าเว็บไซต์ที่ไม่สามารถเชื่อมต่อได้ ในเวลาที่ระบบกำหนดไว้ หรือโปรแกรมพวก ftp ที่คุณใช้โอนถ่ายข้อมูลก็เช่นเดียวกัน ปัญหานี้มาจากระบบเซิร์ฟเวอร์ที่ให้บริการมีการจราจรค่อนข้างหนาแน่น จนไม่สามารถตอบสนองได้ทันท่วงทีนั่นเอง
# Error Code 0x0000007B
ปัญหา นี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้าคุณไม่ย้ายฮาร์ดดิสก์ที่ติดตั้งวินโดวส์ไปใช้กับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ เพราะเมื่อเปิดเครื่องปุ๊บ สักพักก็จะปรากฏรหัสความผิดพลาดแบบนี้ขึ้นมา สาเหตุที่เราไม่สามารถถอดฮาร์ดดิสก์ที่ติดตั้งวินโดวส์จากเครื่องหนึ่ง ไปใช้กับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ได้ ก็เพราะเป็นข้อกำหนดของวินโดวส์ เอ็กซ์พี ที่จะไม่ตรวจสอบอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ใหม่ทั้งระบบ วินโดวส์ต้องการไดรเวอร์ของเมนบอร์ด ชิปเซต และข้อมูลโปรไฟล์สำคัญของอุปกรณ์ pug & play ที่แต่ละเครื่องจะแตกต่างกันไปตามผู้ผลิตอุปกรณ์เหล่านั้น ถ้าคุณต้องการใช้วินโดวส์จริงๆ ก็ควรเตรียมฮาร์ดแวร์ให้เหมือนของเดิมทุกประการ เท่านี้ก็ใช้ได้แล้วครับ
# Error Code 0x0000009F
ถ้า คุณพบรายงานแจ้งเกี่ยวกับ “ driver Power State Failure” นั่นก็หมายความว่า ส่วนจัดการเปลี่ยนโหมดการใช้พลังงานของพีซีและโน้ตบุ๊กได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะมักเกิดขึ้นกับไดรเวอร์ของอุปกรณ์ที่ไม่ผ่านการรับรองจากไมโครซอฟท์ วิธีตรวจสอบให้ใช้คำสั่ง sigverif จาก Start->Run เพื่อเปิดยูทิลิตี้ File Signature Verification ขึ้นมาตรวจสอบไดรเวอร์ของอุปกรณ์ หลังจากนั้นให้อัพเดตโปรแกรมตรวจจับไวรัสและสั่งสแกนเพื่อค้นหาไฟล์ไดรเวอร์ แปลกปลอมที่อาจถูกสร้างขึ้นมาจากไวรัสได้
# Error Code 0x00000050
ความ ผิดพลาดนี้เกิดขึ้นจากมีการอ้างตำแหน่งพื้นที่ของหน่วยความจำที่ผิด ซึ่งเกิดขึ้นจากอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ โดยพื้นที่ดังกล่าวเป็นส่วนที่นอกเหนือจากการใช้งานปกติ ทำให้ระบบแจ้งความผิดพลาดขึ้นมา วิธีแก้ไขที่ง่ายที่สุด ให้ถอดอุปกรณ์ล่าสุดที่คุณเพิ่งติดตั้งลงไปแล้วเกิดปัญหาขึ้นมา จากนั้นเสียบลงไปใหม่และลงไดรเวอร์แล้วสั่งรัน Diagnostic เพื่อตรวจสอบอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์อีกครั้ง หากในรายการอุปกรณ์จาก Device Manager ขึ้นสถานะ Disable แล้วละก็ ให้ติดต่อกับทางผู้ผลิต
# Error Code 0x000000A0
เมื่อ คุณสั่งวินโดวส์ เอ็กซ์พีเข้าสู่โหมดจำศีล (hibernate) เพื่อประหยัดพลังงาน แต่ปรากกว่ามีหน้าจอ บลูสกรีนแสดงขึ้นมาพร้อมรหัสแสดงความผิดพลาด นั่นก็หมายความว่า ไดรเวอร์ของ Atapi ไม่สามารถจัดการกับฮาร์ดดิสก์ที่อยู่ในสภาวะ time-out ได้ในระหว่างขั้นตอน hibernation ปัญหานี้ยังคงเกิดขึ้นกับเครื่องที่ติดตั้งวินโดวส์ เอ็กซ์พี SP1 แต่ถ้าคุณอัพเดตเป็น SP2 แล้วละก็ อาการที่ว่านี้จะได้รับการแก้ไขเรียบร้อย
# Error Code 0x8ddd0010
เป็น รหัสแสดงความผิดพลาดของ “windows update error” ในระหว่างที่คุณคลิ้กลิงก์ในเว็บไซต์เพื่อจะอัพเดตไฟล์ ปรากฏว่าวินโดวส์ เอ็กซ์พี ( SP2) แจ้งความผิดพลาดที่เกี่ยวกับ “http error 500” “Internal server error” และ error code ดังกล่าวขึ้นมา พร้อมทั้ง IE ขึ้นแถบสีเหลืองแสดงอาการบล็อก Pop-up วิธีแก้ไขคือ เปิด IE ขึ้นมา ไปที่เมนู Tools กดที่ตัว Pop-up Blocker และเลือกที่ Pop-up Settings จากนั้นพิมพ์ http://v5.windowsupdate.microsoft.com ลงไปในช่องอนุญาตเว็บไซต์ที่จะไม่ถูกบล็อก Pop-up คลิ้ก Add เพื่อเพิ่มรายการลงไป และกดปิดหน้าต่างก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
# Error Code 0x8ddd0018
ความ ผิดพลาดนี้อาจเกิดขึ้นเพราะ BITS ( Background Intelligent Transfer Service) ถูกยกเลิกการทำงาน ซึ่งจะแสดงขึ้นมาตอนที่โปรแกรมติดตั้ง XP SP2 กำลังรัน แต่ถูกยกเลิกกลางคันด้วย error code ที่ว่านี้ วิธีแก้ไขคือ ให้รัน services.msc หน้าต่าง Run คลิ้กขวาที่รายการ Automatic update แล้วเลือก Properties ที่ช่องของ Startup ให้เลือกเป็น Automatic และกด Apply สังเกตที่ช่อง Status หากเป็น Stopped ให้คลิ้กเลือกเป็น Start ได้จากเมนู Action และทำเช่นเดียวกันนี้กับรายการของ Background Intelligent Transfer Service เพียงแต่ที่ช่อง Startup ให้เลือกเป็น Manual แทน
# Error Code 0x800a0046
เป็นหนึ่งในความผิด พลาดที่เกิดขึ้นกับ “Windows update” ส่วนสาเหตุนั้นมีหลายอย่าง แต่ขอยกเรื่องของ ‘User Account’ มาเป็นตัวอย่าง หากยูสเซอร์ ล็อกออนเข้าระบบผ่าน Guest หรือผ่านแอ็กเคานต์ที่จำกัดผู้ใช้งานแล้วสั่งอัพเดตวินโดวส์ก็จะพบกับปัญหา ที่ว่านี้ วิธีแก้ control admintools ในหน้าต่าง Run เลือกที่รายการ Computer Management ขยายโฟลเดอร์
LocalUsers and Groups แล้วเลือกที่ Users จากนั้นเปิดแอ็กเคานต์ที่ใช้เข้าสู่ Windows update ที่แท็บ Member Of ให้ลบรายชื่อแอ็กเคานต์ที่ไม่ได้ใช้ออกไป
# Error Code 0x800a138f
สำหรับ รหัสความผิดพลาดนี้ มาจากการกระทำของไวรัสที่ชื่อ MSBLast ได้เข้าไปแก้ไขข้อมูลบางอย่างในเว็บไซต์อัพเดตหลัก ทำให้บราวเซอร์ IE ของเราใช้การดาวน์โหลดไฟล์ผ่าน SSL (HTTPS) แทนที่จะเป็น Active X จนเกิดความผิดพลาดขึ้นมา วิธีแก้ ให้ลบไฟล์ Temp ของอินเตอร์เน็ต และ Clear History จากหน้าต่าง Internet Options ของ IE
# Error Code 0x800b0004
รหัส ความผิดพลาดนี้เกิดขึ้นเมื่อการอัพเดตไฟล์วินโดวส์ไม่สำเร็จ คือมีการดาวน์โหลดมาแล้วแต่ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ การแก้ปัญหานั้น ให้เข้าไปที่เว็บไซต์อัพเดตของไมโครซอฟต์ แล้วกดยอมรับ Microsoft Trust Certificate ที่แสดงขึ้นมา ปรับค่า Internet Security ให้เป็น Medium จากหน้าต่าง Internet Option รวมทั้งลบไฟล์ Temp ของอินเตอร์เน็ตด้วย หากยังแก้ปัญหาไม่ได้ ให้ติดตั้งไฟล์รีจิสทรีที่เป็นของ Digital Signatures (.dll) ทับลงไปอีกครั้ง โดยเปิดหน้าต่าง Command จาก Run แล้วพิมพ์คำสั่งดังนี้
Net start cryptsvc (กด Enter)
Regsvr32 softpub.dll
regsvr32 wintrust.dll (กด Enter)
regsvr32 initpki.dll (กด Enter)
regsvr32 dssenh.dll (กด Enter)
regsvr32 rsaenh.dll (กด Enter)
regsvr32 gpkcsp.dll (กด Enter)
regsvr32 sccbase.dll (กด Enter)
regsvr32 slbcsp.dll (กด Enter)
regsvr32 cryptdlg.dll (กด Enter)
จากนั้นให้รีบูตเครื่องใหม่ แล้วลองเข้าเว็บอัพเดตวินโดวส์อีกครั้งโดยสั่งให้ระบบ Automatic Update ทำงาน
# Error Code 0x80072ee2
ปัญหา นี้เกิดจาก Host file ในเครื่องคุณไม่สามารถแม็ปเข้ากับ IP แอดเดรสของเว็บไซต์ได้ ซึ่งเป็นการทำงานของ DNS ที่ต้องใช้ Host file ดังกล่าว หาที่อยู่ของเว็บไซต์จริงๆ ให้กับเว็บบราวเซอร์ของคุณ ให้ใช้ Notepad เปิด Host file ขึ้นมา โดยไฟล์นี้อยู่ที่พาธ C:WindowsSystem32Driversetc เลือกเปิดแบบ All file จากนั้นให้ลบบรรทัดที่มีรายการเกี่ยวกับ Windows Update ปรากฏอยู่ เช่น http://v4.windowsupdate.microsoft.com ให้เซฟไฟล์ทับลงไป และรีบูตเครื่องใหม่
# Error Code 126
เป็นรหัสความผิด พลาดที่มาจาก “Cryptographic Service” ซึ่งเป็นหนึ่งในบริการบนวินโดวส์ เอ็กซ์พี ที่จะดูแลความถูกต้องของฐานข้อมูล ไฟล์ต่างๆ รวมทั้งโฟลเดอร์ทั้งหมดที่อยู่ใน C:WINDOWSsystem32CatRoot2 ออกให้หมด เปิดหน้าต่าง Command ขึ้นมา เพื่อใช้งานยูทิลิตี้ sfc /scannow เพื่อสแกนตรวจสอบไฟล์สำคัญอย่าง cryptui.dll และ certcli.dll หากมีความผิดพลาดโปรแกรมจะให้ใส่แผ่นเซตอัพวินโดวส์ เพื่อก๊อบปี้ไฟล์ทั้งสองลงใหม่
# Error Code 643
เป็น หนึ่งในความผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้ระหว่างการอัพเดตวินโดวส์ถ้าพบ Error 643 แสดงขึ้นมา ให้แก้ไขได้โดย เปิดหน้าต่าง Command และพิมพ์คำสั่งดังนี้
del/q “%SystemRoot%”System32Catroot2Edb.log
ซึ่ง เป็นการลบดาต้าเบสไฟล์ของตัวอัพเดตทิ้ง โดยวินโดวส์จะสร้างขึ้นมาใหม่อีกครั้งเมื่อมีการทำงานของ Automatic Update เชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์
# Error Code 0x80072f8f
เป็นความผิด พลาดที่เกิดขึ้นจากการตั้งค่าตัวเลือก Date/Time ของ SSl ( Secure Socket Layer) ซึ่งแอพพลิเคชันบางตัวอ้างอิงวันและเวลาจาก SSL ในการทำงาน การแก้ไขนั้นให้ดับเบิ้ลคลิกที่นาฬิกา เพื่อเปิดหน้าต่าง Properties ขึ้นมาที่แท็บ Time Zone ให้เลือกโซนของเวลาให้ถูกต้อง
# Error Code 0x8007007e
ปัญหา นี้มักเกี่ยวข้องกับบั๊กที่อยู่ใน Micrsoft Parser (MSXML) ซึ่งแอพพลิเคชั่นส่วนใหญ่ใช้บริการ MSXML ด้วยแต่อาจมีบางโปรแกรมที่ได้ถูกรีจีสอย่างถูกต้อง ทำให้เกิดปัญหาขึ้นมาเวลาอัพเดตไฟล์แต่ละครั้ง วิธีแก้นั้น ให้เปิดหน้าต่าง Command ขึ้นมาและพิมพ์คำสั่ง regsvr32 msxml3.dll
# Error Code 0x80090006
ถ้า error นี้เกิดขึ้นระหว่างที่มีการโคลนนิ่งบูตพาร์ทิชั่นจากฮาร์ดดิสก์ลูกหนึ่ง นั่นก็แสดงว่า วินโดวส์ เอ็กซ์พี ได้ตรวจพบฮาร์ดแวร์ของทั้งสองเครื่องไม่ตรงกัน ถึงแม้คุณจะมีอุปกรณ์ภายในยี่ห้อเดียวกันหมดก็ตาม แต่วินโดวส์จะกำหนด ID ให้กับฮาร์ดแวร์ในระบบทุกชิ้น ซึ่งก็อาจจะใช้ข้อมูล Serial number ของอุปกรณ์มาร่วมด้วย ทำให้การย้ายวินโดวส์ไปใช้เครื่องอื่นมีข้อผิดพลาดขึ้น สิ่งที่คุณต้องทำคือใช้ออปชัน Repair เข้ามาช่วยในการตรวจสอบอุปกรณ์และไดรเวอร์ใหม่อีกครั้งแต่ทางที่ดีควรลงใหม่ เลยดีกว่า
# Error Code 0x8024402c
มีการซ้อนทับค่าบางตัว ของ Proxy Setting ที่ใช้สำหรับตั้งค่าการทำงานให้กับการเชื่อมต่อเน็ตเวิร์ก ทำให้เกิดข้อผิดพลาดนี้ขึ้นระหว่างการอัพเดตไฟล์ สำหรับการแก้ไขนั้น ให้เข้าไปลบอักษรทั้งหมดที่ปารกฏอยู่ในช่อง Exceptions section โดยจากหน้าต่าง Internet Options ให้เลือกที่แท็บ Connections->Lan Setting->Advanced เพื่อเปิดหน้าต่าง Command ขึ้นมา และพิมพ์ proxycfg –d แล้วตามด้วย Enter พิมพ์คำสั่ง net wuauserv กด Enter อีกครั้ง และพิมพ์ net start wuauserv ตามด้วย Enter เป็นครั้งสุดท้าย
# Error Code 0x8024502d
สิ่ง ที่สร้างปัญหาในการอัพเดตวินโดวส์อย่างหนึ่งนั้น มาจากโปรแกรม Proxy และ Firewall ซึ่งหากคุณตั้งค่าการทำงานไม่รอบคอบละก็ คอมพิวเตอร์ของคุณอาจเข้าสู่บางเว็บไซต์ไม่ได้เลย รวมทั้งการอัพเดตไฟล์ของวินโดวส์เช่นกัน
# Error Code 0x80070002
เป็น ความผิดพลาดของข้อมูลที่อยู่ในโฟลเดอร์ DataStore ซึ่งไม่ตรงกับไฟล์อัพเดตที่ดาวน์โหลดมา วิธีแก้ไขให้รันโปรแกรม service.msc จากหน้าต่าง Run แล้วไปที่รายการ Automatic Updates service คลิ้กขวาแล้วเลือก Stop เพื่อหยุดการทำงานชั่วคราว จากนั้นให้พิมพ์ %windir%SoftwareDistribution ที่หน้าต่าง Run เพื่อเข้าถึงโฟลเดอร์ DataStore ที่เก็บอยู่ในนี้ ให้เปิดโฟลเดอร์ขึ้นมาและลบข้อมูลทั้งหมดทิ้ง และอย่าลืมกลับไปเปลี่ยนสถานะของ Automatic Update service ให้เป็น Start เหมือนเดิมด้วย
# Error Code 0x800A138F
หากหน้าจอแสดงความ ผิดพลาดด้วยรหัสแบบนี้ขึ้นมา เมื่อกำลังใช้งานโปรแกรม Netop อยู่นั้น ให้ลองเข้าไปเปิดไฟล์ Update.log ก็จะพบว่ารหัสที่แสดงขึ้นมาเป็น 00x80070057 แทน แต่อย่างไรก็ตาม มันคือความผิดพลาดอย่างเดียวกัน ส่วนวิธีแก้นั้นมีเพียงอย่างเดียวที่ทำได้คือ เข้าไปดาวน์โหลดไฟล์แก้ไขของโปรแกรม Netop ได้จากเว็บไซต์ http://www.netop.com/tech/download/fix/fixwinup.exe
# Error Code 0x80070422
วินโดวส์ ใช้บริการผ่าน Background Intelligent Transfer Service (BITS) ในการรับส่งข้อมูลผ่านแบนด์วิดธ์ของเน็ตเวิร์กที่ไม่ได้ใช้งาน ซึ่งรหัสความผิดพลาดนี้ก็มาจาก BITS ถูกยกเลิกการทำงานและเกิดขัดข้อง ให้เข้าไปเปลี่ยนค่า Start ของ BITS ที่อยู่ใน Properties ให้เป็น Manual แทนค่าเดิม แต่ก่อนหน้านั้นคุณต้องเปิดโปรแกรม services.msc จากหน้าต่าง Run เสียก่อน
# Error Code 0x80240030
เป็นข้อผิดพลาดที่ เกิดขึ้นเพราะความพยายามของคุณในการอัพเดตวินโดวส์ผ่าน VPN ซึ่งระบบ Automatic update ของวินโดวส์ รวมทั้งเว็บไซต์ที่ให้บริการไม่สนับสนุนฟังก์ชัน VPN นี้ ซึ่งทำงานของ Auto proxy เองไม่ได้จับเอาไฟล์ wpad.dat มาใช้กำหนด URL ที่เป็นเป้าหมายด้วยเช่นกัน ดังนั้น ไม่ต้องอัพเดตผ่าน Proxy และพยายาม เชื่อมต่อกับเว็บไซต์อัพเดตในขณะที่เครื่องไม่มีการทำงานผ่าน VPN
# Error Code 0x80248011
ปัญหา นี้มาจากอินเทอร์เน็ตแคชเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งอาจมีข้อมูลไม่สมบูรณ์ถูกฝังไว้และยังคงทำงานอยู่ รวมทั้งมีไวรัสต่างๆ ติดอยู่กับไฟล์แคชเหล่านี้ด้วย ให้คุณลบไฟล์ Temp Internet Cookies Clear History และรวมทั้งDelete all offline content ด้วยเพื่อลบสิ่งแปลกปลอมรวมทั้งข้อมูลที่ผิดพลาดออกไปให้หมด
# Error Code 800c0008
Windows media player มีปัญหาขัดข้อง ทำให้ไม่สามารถพรีวิวไฟล์ .wmv ผ่านHotmail ได้ จึงรายงานความผิดพลาดขึ้นมา แนะนำให้คุณใช้วิธีการ Save Target As ของไฟล์ .wmv เอาไว้ในฮาร์ดดิสก์ก่อน เพราะบางครั้งเซิร์ฟเวอร์ของ Hotmail อาจมีปัญหาจึงไม่สามารถพรีวิวไฟล์เหล่านี้ได้
# Error Code 80040154
หาก คุณกำลังเปิดไฟล์ AVI MPEG/MPG WMV และไฟล์เดียอื่นๆ แล้วปรากฏว่ามีรายงานความผิดพลาดแบบนี้ขึ้นมา นั่นก็หมายความว่า Codec (Coder/Decoder) ของโปรแกรมเล่นไฟล์มีเดียได้รับความเสียหาย โดยคุณสามารถดาวน์โหลดไฟล์ Codec ในฟอร์แมตต่างๆได้จากเว็บไซต์ของผู้พัฒนาโปรแกรมนั้นๆ มาติดตั้งลงไปใหม่ได้ซึ่งในระหว่างที่คุณกำลังสำเนาเพลงจากแผ่นซีดีมาเก็บ ไว้ในฮาร์ดดิสก์ด้วยโปรแกรม Windows Media Player นั้น ปรากฏว่ามีโค้ดความผิดพลาด “c00d11cd” แสดงขึ้นมา สาเหตุก็เพราะว่าโปรแกรม Windows Media Player ไม่สามารถเขียนข้อมูลที่มาจากแผ่นซีดีลงในฮาร์ดดิสก์ได้นั่นเอง โดยความผิดพลาดส่วนใหญ่จะมาจากไฟล์ encoding ที่ชื่อว่า “wmadmoe.dll” ซึ่งเป็นไฟล์ของวินโดวส์ไม่ตอบสนองการทำงานในระหว่างการสำเนาซีดี วิธีแก้ไขคือ ต้องติดตั้งไฟล์รีจิสทรีนี้ลงไปใหม่ เข้าไปที่เมนู Start -> Run พิมพ์ regsvr32 wmadmoe.dll แล้วกด Ok เพื่อรันคำสั่ง แต่ถ้าใช้วิธีนี้แล้วไฟล์ยังคง error เหมือนเดิม ให้เข้าไปที่เมนู Start -> Run พิมพ์ sfc/scannow เพื่อสแกนซ่อมแซมไฟล์ระบบที่เสียหายทุกๆ ไฟล์ หลังจากสแกนเสร็จแล้วให้ลองสำเนาซีดีอีกครั้ง
# Error Code 8004022f
รหัส ความผิดพลาดนี้มาพร้อมกับข้อความ “Invalid File Format” โดยโปรแกรม Windows media player เป็นผู้แจ้งขึ้นมา สาเหตุจากโปรแกรมไม่สนับสนุนไฟล์มีเดียดังกล่าว รวมทั้งตัว Codec ของโปรแกรมพยายามที่จะทำงานกับไฟล์เหล่านั้นด้วย วิธีแก้ปัญหา หากเป็นไฟล์มีเดียที่โปรแกรมไม่รู้จัก ให้ติดตั้ง Plug-jn หรือ Codec ลงไปคุณอาจต้องติดตั้ง DirectX และ Windows media player ลงไปใหม่อีกครั้ง เพื่อช่วยแก้ปัญหาไฟล์ระบบและโปรแกรมที่ได้รับความเสียหาย
# Error Code 0x00000024
ข้อ ผิดพลาดนี้เกิดขึ้นเพราะไฟล์ Ntfs.sys ได้รับความเสียหาย ทำให้ระบบอนุญาตให้ดิสก์ที่ฟอร์แมตด้วย FAT16 และ FAT32 สามารถอ่านและเขียนข้อมูลลงไปในดิสก์ที่ฟอร์แมตด้วย NTFS ได้ วิธีแก้ให้เปิดหน้าต่าง Command ขึ้นมาและพิมพ์ตำสั่ง chkdsk drive:/f แนะนำให้สแกนดิสก์โดยเลือก Scan for and attempt recovery of bad sector หลังจากที่ใช้คำสั่งนี้ด้วย
# Error Code 0x10ff0800
ระหว่าง ที่ใช้พรินเตอร์ สแกนเนอร์อยู่นั้น หากเกิดข้อผิดพลาดในการทางานกับพอร์ตขนานในโหมด ECP ซึ่งตอนนี้พรินเตอร์ สแกนเนอร์ ที่เชื่อมต่อกับพีซีผ่านพอร์ตขนานจะทำงานในโหมด EPP เท่านั้น ให้เข้าไปเลือกในไบออสตรง Parallel port setting จากโหมด ECP ไปเป็น EPP แนะนำถ้าพรินเตอร์มีพอร์ต USB ให้เชื่อมต่อกับพีซีผ่าน USB จะสะดวกที่สุด และไม่เกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นอีกด้วย
# Error Code 0x0000003F
ใน ระหว่างที่มีการจัดการกับไฟล์ขนาดใหญ่ แต่ระบบกลับพบว่ามีพื้นที่ไม่ต่อเนื่องจำนวนมากกระจัดกระจายอยู่บนดิสก์ ทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้นมา วิธีแก้ เปิดโปรแกรม regedit จากหน้าต่าง Run เข้าไปที่ HKEY_LOCAK_MACHINESYSTEMCurrentControlSetControlSession ManagerMemory Management ดับเบิลคลิ้กที่ PagePoolSize และใส่ค่าเป็น ‘0’ ดับเบิลคลิ้กที่ SystemPages ให้ใส่ค่า 40000 ลงไปสำหรับระบบที่มีแรม 128MB และค่า 110000สำหรับระบบที่มีแรมอยู่ระหว่าง 128-256MB
# Error Code 0x00000077
เป็น ความผิดพลาดที่ระบบไม่สามารถอ่านข้อมูลจาก Virtual memory มาไว้ที่หน่วยความจำหน่วยความจำหลักได้ ซึ่งอาจเกิดจากฮาร์ดดิสก์มี Bad sector หรือมีไวรัสฝังตัวอยู่ สำหรับวิธีแก้นั้น ให้รันโปรแกรมตรวจจับไวรัสที่ตำแหน่ง boot sector ด้วย และหากฮาร์ดดิสก์ของคุณฟอร์แมตด้วยระบบไฟล์แบบ NTFS ให้รัน chkdsk /r/k ที่ดอส Command เพื่อตรวจสอบความผิดพลาดด้วย
# Error Code 0x00000079
เมื่อ เฟิร์มแวร์ของACPI ถูกแก้ไขค่าภายใน ผลที่ตามมาคือรหัสความผิดพลาดที่แสดงอยู่นี้ และอีกสาเหตุหนึ่งก็คือ มีการก๊อบปี้ไฟล์ระบบผิดพลาดระหว่างขั้นตอนการ Repair วินโดวส์ด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นการสลับกันระหว่างไฟล์ Ntoskrnl.exe กับ Ntkrnlmp.exe โดยไฟล์อันแรกจะใช้ในระบบที่เป็นโพรเซสเซอร์เดี่ยว และไฟล์หลังใช้กับระบบที่เป็นมัลติโพรเซสเซอร์ วิธีแก้ไขอาจใช้การก๊อบปี้ไฟล์ที่ถูกต้องจากแผ่นซีดีติดตั้งวางลงไปใน โฟลเดอร์ของวินโดวส์ได้เช่นกัน
# Error Code 0x0000007A
บ่อย ครั้งที่ปัญหานี้มักเกิดขึ้นจากพารามิเตอร์ I/O Status code ซึ่งบ่งบอกถึงการทำงานร่วมกันระหว่างดิสก์และคอนโทรลเลอร์ไม่คอมแพตทิเบิล กัน รวมทั้งเฟิร์มแวร์ และไดรเวอร์ของอุปกรณ์ด้วย การแก้ปัญหานั้นคุณสามารถติดตั้งไดรเวอร์ คอนโทรลเลอร์ที่ไม่ใช่ของวินโดวส์ได้เช่นกัน ให้บูตด้วยแผ่นซีดีติดตั้ง เมื่อถึงหน้าจอพรอมพ์ ให้กดปุ่ม F6 เพื่อเป็นการเลือกไดรเวอร์ คอนโทรลเลอร์ของฮาร์ดดิสก์ ( ATA/SCSI) ที่ต้องการได้เอง
# Error Code 0x0000002E
สาเหตุ ของความผิดพลาดนี้มาจาก “Data bus error” นั่นเอง ซึ่งหน่วยความจำหลักไม่สามารถแมปแอดเดรสของ L2 แคช วิดีโอเมมโมรี รวมทั้งหน่วยความจำของบอร์ดเข้าด้วยกันได้ (ความผิดพลาดของหน่วยความจำ) ทำให้เมื่อมีอุปกรณ์ต้องการอ้างถึงแอดเดรสเหล่านี้จึงไม่สามารถทำได้ วิธีแก้ให้ใช้โปรแกรมประเภท Diagnostic ตรวจสอบหน่วยความจำ เมื่อพบตัวที่เสียให้เปลี่ยนออกไปและแทนที่ด้วยของใหม่
# Error Code 0x0000007F
รหัส ความผิดพลาดนี้เกิดขึ้นจากสาเหตุ 3อย่าง คือ ซอฟต์แวร์มีปัญหาฮาร์ดแวร์ไม่ตอบสนอง และเคอร์เนลโหมดทำงานผิดพลาด ถ้ามันเกิดขึ้นหลังจากการติดตั้งฮาร์ดแวร์ตัวใหม่ลงไป ให้คุณตรวจสอบดูไดรเวอร์ และรัน Diagnostic เพื่อตรวจสอบการทำงานของอุปกรณ์และหากมาจากการโอเวอร์คล็อกสัญญาณนาฬิกาของ ระบบ ก็ให้เซตค่ากลับมาเหมือนเดิม แล้วรัน Diagnostic อีกครั้ง
# Error Code 0x000000C2
หาก ความผิดพลาดนี้เกิดขึ้นระหว่างการอัพเดตวินโดวส์ สาเหตุอาจมาจากความไม่เข้ากันของไดรเวอร์อุปกรณ์บางตัว เซอร์วิสที่เปิดรันอยู่ขณะนั้น แอนตี้ไวรัส หรือยูทิลิตี้สำหรับแบ็กอัพข้อมูล สิ่งที่คุณต้องทำเพื่อหยุดปัญหาก็คือ Remove ซอฟต์แวร์ไดรเวอร์ที่เป็น Third-party ของอุปกรณ์ที่น่าจะสร้างปัญหาออกไปก่อนซึ่งอาจรวมทั้งการ Uninstall โปรแกรมแอนตี้ไวรัสด้วยเช่นกัน หลังจากนั้นจึงค่อยติดตั้งลงไปเหมือนเดิม
# Error Code 0X000000BE
สาเหตุ ความผิดพลาดนี้มาจากมีไดรเวอร์ของอุปกรณ์หรือซอฟต์แวร์บางตัวพยายาม เขียนข้อมูลลงไปยังพื้นที่หน่วยความจำที่ใช้อ่านได้เพียงอย่างเดียว การแก้ไขให้เข้าไปดูใน Device manager ว่ามีรายชื่อของอุปกรณ์ตัวใดมีสถานะเป็น Disable บ้างให้ Remove ออกและติดตั้งใหม่ให้ถูกต้อง เพราะอาจลงเวอร์ชันผิดได้เช่นกัน หากเป็นซอฟต์แวร์ที่มีผลต่อระบบอย่างมาก แนะนำให้แบ็กอัพข้อมูลของคุณไว้ด้วยทุกครั้ง
# Error Code 0x0000007B
เป็น ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นเมื่อวินโดวส์ไม่สามารถเข้าถึงพาร์ทิชันของระบบ ได้ในระหว่างการบูต สาเหตุก็มาจากคุณได้ติดตั้งฮาร์ดดิสก์ตัวใหม่ลงไป และบังเอิญไดรฟ์ที่บูตได้ก็ไม่ใช่ Primary partition อย่าง C: ทำให้ระบบจดจำฮาร์ดดิสก์ลูกใหม่ที่ติดตั้งลงไปแทน วิธีแก้ให้เปิดไฟล์ Boot.ini หรือไปที่ Boot Manager แล้วแก้ไขตำแหน่ง ไดรฟ์ที่ใช้บูตให้ถูกต้อง
# Error Code 0x0000009F
ถ้า รายงานความผิดพลาดนี้เกิดขึ้นระหว่างที่ชัตดาวน์ระบบ นั่นก็หมายความว่า ส่วนที่จัดการ “Power state” ไม่ตอบสนองต่อคำสั่งปัญหานี้มาจากทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ไดรเวอร์ และโปรแกรม ถ้ามันเกิดขึ้นหลังจากที่ติดตั้งโปรแกรม หรืออุปกรณ์ต่อพ่วงให้ Remove ออกแล้วรัน Diagnostic เพื่อตรวจสอบการทำงานของฮาร์ดแวร์ระบบ เมื่อเสร็จแล้วให้ลองติดตั้งลงไปใหม่ดูว่าเกิดปัญหาอีกหรือไม่
# Error Code 0x000000CE
การ์ด แสดงผลที่มีฟังก์ชันของ TV Tuner หรือ Video capture อยู่ด้วย อาจเกิดความผิดพลาดเช่นนี้ได้เมื่อกำลังเข้าสู่เดสก์ทอปของวินโดวส์ หากคุณใช้ไดรเวอร์แสดงผลที่เป็นของวินโดวส์ 2000 แทน XP แล้วละก็ โอกาสความผิดพลาดนี้ก็จะมีสูงขึ้น สิ่งที่คุณต้องทำเพื่อแก้ปัญหาคือ Remove ไดรเวอร์ตัวเก่าออก แล้วลงไดรเวอร์ที่ถูกต้อง ( XP) รวมทั้งให้ติดตั้ง DirectX ที่เป็นเวอร์ชันใช้งานบน XP ด้วย
# Error WMP.DLL
หาก พบความผิดพลาดนี้ก็แสดงว่าคุณไม่สามารถใช้ Windows media player เปิดไฟล์วิดีโอได้ ซึ่งสาเหตุอาจมาจากมีไฟล์ wmp.dll มากกว่าหนึ่งเวอร์ชันในโฟลเดอร์โปรแกรม ให้พิมพ์ C:windowsinfunregmp2.exe/UpdateWMP ที่หน้าต่าง Run เพื่อเคลียร์ไฟล์ .dll เวอร์ชันที่ถูกต้องให้กับโปรแกรมหากปัญหาหนักขึ้นถึงขั้นรีจิสทรีของไฟล์ .dll นี้เสียหาย ให้ติดตั้งรีจิสทรีลงไปใหม่อีกครั้งโดยใช้คำสั่ง regsvr32 wmp.dll
# Error WMPDXM.DLL
สาเหตุนั้นเกิดขึ้นในตอนที่ คุณติดตั้งโปรแกรม Windows Player9 หรือ 10 ลงไปในเครื่องที่มีโปรแกรมนี้ในเวอร์ชันก่อนอยู่แล้ว และข้อความ “Explorer has caused an error in WMPDXM.DLL” แสดงขึ้นมา นั้นก็หมายความว่า เกิดความผิดพลาดกับไฟล์ “WMPDXM.DLL” สิ่งที่เราต้องทำคือติดตั้งมันลงไปใหม่โดยพิมพ์ regsvr32 msdxm.ocx ที่หน้าต่าง Run กด Enter จากนั้นพิมพ์ regsvr32 dxmasf.dll ลงไปแล้วกด OK อีกครั้ง หากว่า IE ยังคงค้างอยู่หน้าจอเดิม ให้เปิดหน้าต่าง Run ขึ้นมาอีกครั้ง พิมพ์ regsvr32 wmp.dll ลงไปแล้วกด OK จากนั้นก็พิมพ์ regsvr32 wmpdxm.dll ลงไปแล้วทำซ้ำแบบเดิมอีกครั้ง
ขอบคุณ sb.in.th สำหรับข้อมูล EROR CODER
# Error Code 0x0000000A
สำหรับรหัสความผิดพลาดตัวแรกนี้ โดยปกติแล้วจะเกิดจากไดรเวอร์บางตัวที่เข้าไปใช้ตำแหน่งแอดเดรสของหน่วยความ จำไม่ถูกต้อง รวมทั้งการไม่สนับสนุนกันระหว่างอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และตัวซอฟต์แวร์ไดรเวอร์ ด้วย หากความผิดพลาดนี้ถูกแจ้งขึ้นมาระหว่างการติดตั้งวินโดวส์นั้น ให้เข้าไปปิดฟีเจอร์ Plug & Play All Shadowing Bios virus protection และ All Caching ในไบออส ถ้าอุปกรณ์บางชิ้นของคุณเก่าเกินไป แนะนำให้เข้าไปที่เว็บ http://www.microsoft.com/hclเพื่อตรวจสอบรายชื่อของฮาร์ดแวร์ที่ผ่านการ รับรองจากไมโครซอฟท์ด้วย แต่ถ้าความผิดพลาดนี้เกิดขึ้นหลังจากใช้งานวินโดวส์ให้คุณปิดโปรแกรม Antivirus แล้วเลือกบูตด้วยแผ่นติดตั้งวินโดวส์ เพื่อซ่อมแซมไฟล์ด้วยตัวเลือก “R” และย่าลืมใช้ฟีเจอร์ Roll back driver ระหว่างขั้นตอนนี้ด้วย
# Error Code 0x000000EA
ความผิด พลาดนี้มักเกิดขึ้นตอนที่คุณเล่นเกมหรือ ใช้โปรแกรมดูหนังติดต่อกันเป็นเวลานานๆ โดยเฉพาะผู้ใช้การ์ดแสดงผลของ nVIDIA และติด ตั้งไดรเวอร์ Nv4.sys ลงไป จะเกิดปัญหานี้ขึ้น สิ่งที่คุณต้องทำก็คือ ไปที่ Device Manager และดูว่าภายใต้หัวข้อ Display adapters มีรายชื่ออุปกรณ์มากกว่าหนึ่งตัวหรือไม่ถ้ามีให้ลบตัวที่ไม่ได้ใช้ออกไป และให้เข้าไปดาวน์โหลดไดรเวอร์ของชิปดังกล่าวจากเว็บไซต์ nVidia มาติดตั้งใหม่อีกครั้ง
# Error Code 0x0000001E
รหัสความ ผิดพลาดนี้จะขึ้นมาระหว่างการติดตั้งวินโดวส์ หากคุณเผลอไปรีสตาร์ตเครื่องตอนที่โปรแกรมติดตั้งกำลังทำงานอยู่ละก็ อาจเกิดความผิดพลาดนี้ได้ ส่วนใหญ่จะมีปัญหากับเครื่องที่มีฮาร์ดดิสก์ไม่พอเพราะไม่สามารถเขียนไฟล์ แบ็กอัพหลังเกิดความผิดพลาดเกินไปได้ วิธีแก้ปัญหาให้ติดตั้งวินโดวส์ลงไปใหม่ในดิสก์ที่มีเนื้อหาที่ว่างพอ อัพเดตไบออสด้วยหากเมนบอร์ดของคุณใช้ไบออสที่มีเวอร์ชั่นเก่าเกินไป
# Error Code 0x000000ED
ปัญหา นี้เกิดขึ้นได้บ่อยกับ IDE ดิสก์ที่มีระบบไฟล์แบบ NTFS แล้วอนุญาตให้ทำดิสก์แคชบนฮาร์ดิสก์ได้ โดยรูทีนที่ใช้ทำ Caching บนดิสก์ เกิดความผิดพลาดในการเขียนข้อมูลที่นอกเหนือลงไปบนพื้นที่สงวนดังกล่าว การแก้ปัญหาเบื้องต้นอาจใช้คำสั่ง chkdsk /rจากหน้าต่าง Recovery console ( บูตจากซีดีแล้วเลือกคำสั่ง “R” เพื่อเปิดหน้าต่าง Recovery) และถ้าหากคุณใช้ Service Pack เวอร์ชันเก่า แนะนำให้อัพเดตเป็นตัวใหม่ทันที
# Error Code 0x000000D1
หาก คุณกำลังสั่งชัตดาวน์เครื่องขณะที่มีอุปกรณ์ USB เชื่อมต่อหรือกำลังทำงานอยู่ อาจเกิดข้อความแสดงความผิดพลาดแบบนี้ขึ้นมา เพราะ OHCI ( Open Host Control Interface) ที่ควบคุมการโอนถ่ายข้อมูลของอุปกรณ์ USB ทำงานผิดพลาด ซึ่งถ้าเครื่องของคุณติดตั้ง Service Pack 2 ของวินโดวส์ เอ็กซ์พี ให้ข้ามข้อนี้ไปได้เลยแต่สำหรับผู้ที่ยังใช้ Service Pack 1 และต้องการแก้ไขเฉพาะส่วนนี้เท่านั้น ให้ดาวน์โหลดไฟล์อัพเดตของ usbohci.sys ได้จากเว็บไซต์ http://support.microsoft.com/kb/322389/EN-US
# Error code 0xc000026C/ 0xc0000221
เมื่อ คุณรีสตาร์ตเครื่องใหม่ และพบข้อความ “ Unable to load device driver” พึงเข้าใจไว้เลยว่ามาจาก Error code ทั้งสองตัวนี้ สาเหตุนั้นมาจากไฟล์ device driver (.sys) ของอุปกรณ์ได้รับความเสียหายหรือไม่พบไฟล์เหล่านี้ วิธีแก้ไขให้บูตเครื่องจากแผ่นแล้วให้ซ่อมแซมไฟล์ (‘R’) พิมพ์ cd windowssystem32drivers ที่หน้าต่าง Recvery และให้แก้ไขชื่อไฟล์ไดรเวอร์ที่ได้รับความเสียหายโดยพิมพ์ ren drivername.sys drivername.bak (drivername คือชื่อไฟล์ไดรเวอร์ที่ได้รับความเสียหาย) จากนั้นก๊อบปี้ไฟล์ไดรเวอร์จากแผ่นซีดีติดตั้งตั้งลงไปโดยพิมพ์ copy cd-rom:i386 drivername (cd-rom: คือไดรเวอร์ที่ติดตั้งซีดีรอม)
# Error Code C00D1199
เป็น รายงานความผิดพลาดจากโปรแกรม Windows media player ซึ่งแสดงว่ามีปัญหาเกิดขึ้นกับไฟล์ออดิโอหรือไฟล์มีเดียโดยไฟล์มีเดียดัง กล่าวอาจไม่ได้รับการสนับสนุนจากโปรแกรมรวมทั้งตัว Codec ที่ใช้คลายสัญญาณบีบอัดของ Windows Media Player ก็อาจไม่รองรับกับอัลกอริทึมที่ใช้ในการบีบอัดไฟล์เหล่านั้นได้ ทางแก้ที่ง่ายทีสุดคือ ติดตั้ง plug in เพิ่มลงไป หรืออัพเกรดเป็นเวอร์ชันล่าสุดก็ได้เช่นกัน
# Error Code -182
รหัส ความผิดพลาด –182 (“timeout”) นี้จะเกิดขึ้นกับคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อเข้ากับระบบเครือข่าย ซึ่งไม่มีสัญญาณตอบรับหรือขาดการเชื่อมต่อไปเรียบร้อยแล้ว คุณจะพบรายงานความผิดพลาดนี้ได้จากการเข้าเว็บไซต์ที่ไม่สามารถเชื่อมต่อได้ ในเวลาที่ระบบกำหนดไว้ หรือโปรแกรมพวก ftp ที่คุณใช้โอนถ่ายข้อมูลก็เช่นเดียวกัน ปัญหานี้มาจากระบบเซิร์ฟเวอร์ที่ให้บริการมีการจราจรค่อนข้างหนาแน่น จนไม่สามารถตอบสนองได้ทันท่วงทีนั่นเอง
# Error Code 0x0000007B
ปัญหา นี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้าคุณไม่ย้ายฮาร์ดดิสก์ที่ติดตั้งวินโดวส์ไปใช้กับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ เพราะเมื่อเปิดเครื่องปุ๊บ สักพักก็จะปรากฏรหัสความผิดพลาดแบบนี้ขึ้นมา สาเหตุที่เราไม่สามารถถอดฮาร์ดดิสก์ที่ติดตั้งวินโดวส์จากเครื่องหนึ่ง ไปใช้กับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ได้ ก็เพราะเป็นข้อกำหนดของวินโดวส์ เอ็กซ์พี ที่จะไม่ตรวจสอบอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ใหม่ทั้งระบบ วินโดวส์ต้องการไดรเวอร์ของเมนบอร์ด ชิปเซต และข้อมูลโปรไฟล์สำคัญของอุปกรณ์ pug & play ที่แต่ละเครื่องจะแตกต่างกันไปตามผู้ผลิตอุปกรณ์เหล่านั้น ถ้าคุณต้องการใช้วินโดวส์จริงๆ ก็ควรเตรียมฮาร์ดแวร์ให้เหมือนของเดิมทุกประการ เท่านี้ก็ใช้ได้แล้วครับ
# Error Code 0x0000009F
ถ้า คุณพบรายงานแจ้งเกี่ยวกับ “ driver Power State Failure” นั่นก็หมายความว่า ส่วนจัดการเปลี่ยนโหมดการใช้พลังงานของพีซีและโน้ตบุ๊กได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะมักเกิดขึ้นกับไดรเวอร์ของอุปกรณ์ที่ไม่ผ่านการรับรองจากไมโครซอฟท์ วิธีตรวจสอบให้ใช้คำสั่ง sigverif จาก Start->Run เพื่อเปิดยูทิลิตี้ File Signature Verification ขึ้นมาตรวจสอบไดรเวอร์ของอุปกรณ์ หลังจากนั้นให้อัพเดตโปรแกรมตรวจจับไวรัสและสั่งสแกนเพื่อค้นหาไฟล์ไดรเวอร์ แปลกปลอมที่อาจถูกสร้างขึ้นมาจากไวรัสได้
# Error Code 0x00000050
ความ ผิดพลาดนี้เกิดขึ้นจากมีการอ้างตำแหน่งพื้นที่ของหน่วยความจำที่ผิด ซึ่งเกิดขึ้นจากอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ โดยพื้นที่ดังกล่าวเป็นส่วนที่นอกเหนือจากการใช้งานปกติ ทำให้ระบบแจ้งความผิดพลาดขึ้นมา วิธีแก้ไขที่ง่ายที่สุด ให้ถอดอุปกรณ์ล่าสุดที่คุณเพิ่งติดตั้งลงไปแล้วเกิดปัญหาขึ้นมา จากนั้นเสียบลงไปใหม่และลงไดรเวอร์แล้วสั่งรัน Diagnostic เพื่อตรวจสอบอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์อีกครั้ง หากในรายการอุปกรณ์จาก Device Manager ขึ้นสถานะ Disable แล้วละก็ ให้ติดต่อกับทางผู้ผลิต
# Error Code 0x000000A0
เมื่อ คุณสั่งวินโดวส์ เอ็กซ์พีเข้าสู่โหมดจำศีล (hibernate) เพื่อประหยัดพลังงาน แต่ปรากกว่ามีหน้าจอ บลูสกรีนแสดงขึ้นมาพร้อมรหัสแสดงความผิดพลาด นั่นก็หมายความว่า ไดรเวอร์ของ Atapi ไม่สามารถจัดการกับฮาร์ดดิสก์ที่อยู่ในสภาวะ time-out ได้ในระหว่างขั้นตอน hibernation ปัญหานี้ยังคงเกิดขึ้นกับเครื่องที่ติดตั้งวินโดวส์ เอ็กซ์พี SP1 แต่ถ้าคุณอัพเดตเป็น SP2 แล้วละก็ อาการที่ว่านี้จะได้รับการแก้ไขเรียบร้อย
# Error Code 0x8ddd0010
เป็น รหัสแสดงความผิดพลาดของ “windows update error” ในระหว่างที่คุณคลิ้กลิงก์ในเว็บไซต์เพื่อจะอัพเดตไฟล์ ปรากฏว่าวินโดวส์ เอ็กซ์พี ( SP2) แจ้งความผิดพลาดที่เกี่ยวกับ “http error 500” “Internal server error” และ error code ดังกล่าวขึ้นมา พร้อมทั้ง IE ขึ้นแถบสีเหลืองแสดงอาการบล็อก Pop-up วิธีแก้ไขคือ เปิด IE ขึ้นมา ไปที่เมนู Tools กดที่ตัว Pop-up Blocker และเลือกที่ Pop-up Settings จากนั้นพิมพ์ http://v5.windowsupdate.microsoft.com ลงไปในช่องอนุญาตเว็บไซต์ที่จะไม่ถูกบล็อก Pop-up คลิ้ก Add เพื่อเพิ่มรายการลงไป และกดปิดหน้าต่างก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
# Error Code 0x8ddd0018
ความ ผิดพลาดนี้อาจเกิดขึ้นเพราะ BITS ( Background Intelligent Transfer Service) ถูกยกเลิกการทำงาน ซึ่งจะแสดงขึ้นมาตอนที่โปรแกรมติดตั้ง XP SP2 กำลังรัน แต่ถูกยกเลิกกลางคันด้วย error code ที่ว่านี้ วิธีแก้ไขคือ ให้รัน services.msc หน้าต่าง Run คลิ้กขวาที่รายการ Automatic update แล้วเลือก Properties ที่ช่องของ Startup ให้เลือกเป็น Automatic และกด Apply สังเกตที่ช่อง Status หากเป็น Stopped ให้คลิ้กเลือกเป็น Start ได้จากเมนู Action และทำเช่นเดียวกันนี้กับรายการของ Background Intelligent Transfer Service เพียงแต่ที่ช่อง Startup ให้เลือกเป็น Manual แทน
# Error Code 0x800a0046
เป็นหนึ่งในความผิด พลาดที่เกิดขึ้นกับ “Windows update” ส่วนสาเหตุนั้นมีหลายอย่าง แต่ขอยกเรื่องของ ‘User Account’ มาเป็นตัวอย่าง หากยูสเซอร์ ล็อกออนเข้าระบบผ่าน Guest หรือผ่านแอ็กเคานต์ที่จำกัดผู้ใช้งานแล้วสั่งอัพเดตวินโดวส์ก็จะพบกับปัญหา ที่ว่านี้ วิธีแก้ control admintools ในหน้าต่าง Run เลือกที่รายการ Computer Management ขยายโฟลเดอร์
LocalUsers and Groups แล้วเลือกที่ Users จากนั้นเปิดแอ็กเคานต์ที่ใช้เข้าสู่ Windows update ที่แท็บ Member Of ให้ลบรายชื่อแอ็กเคานต์ที่ไม่ได้ใช้ออกไป
# Error Code 0x800a138f
สำหรับ รหัสความผิดพลาดนี้ มาจากการกระทำของไวรัสที่ชื่อ MSBLast ได้เข้าไปแก้ไขข้อมูลบางอย่างในเว็บไซต์อัพเดตหลัก ทำให้บราวเซอร์ IE ของเราใช้การดาวน์โหลดไฟล์ผ่าน SSL (HTTPS) แทนที่จะเป็น Active X จนเกิดความผิดพลาดขึ้นมา วิธีแก้ ให้ลบไฟล์ Temp ของอินเตอร์เน็ต และ Clear History จากหน้าต่าง Internet Options ของ IE
# Error Code 0x800b0004
รหัส ความผิดพลาดนี้เกิดขึ้นเมื่อการอัพเดตไฟล์วินโดวส์ไม่สำเร็จ คือมีการดาวน์โหลดมาแล้วแต่ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ การแก้ปัญหานั้น ให้เข้าไปที่เว็บไซต์อัพเดตของไมโครซอฟต์ แล้วกดยอมรับ Microsoft Trust Certificate ที่แสดงขึ้นมา ปรับค่า Internet Security ให้เป็น Medium จากหน้าต่าง Internet Option รวมทั้งลบไฟล์ Temp ของอินเตอร์เน็ตด้วย หากยังแก้ปัญหาไม่ได้ ให้ติดตั้งไฟล์รีจิสทรีที่เป็นของ Digital Signatures (.dll) ทับลงไปอีกครั้ง โดยเปิดหน้าต่าง Command จาก Run แล้วพิมพ์คำสั่งดังนี้
Net start cryptsvc (กด Enter)
Regsvr32 softpub.dll
regsvr32 wintrust.dll (กด Enter)
regsvr32 initpki.dll (กด Enter)
regsvr32 dssenh.dll (กด Enter)
regsvr32 rsaenh.dll (กด Enter)
regsvr32 gpkcsp.dll (กด Enter)
regsvr32 sccbase.dll (กด Enter)
regsvr32 slbcsp.dll (กด Enter)
regsvr32 cryptdlg.dll (กด Enter)
จากนั้นให้รีบูตเครื่องใหม่ แล้วลองเข้าเว็บอัพเดตวินโดวส์อีกครั้งโดยสั่งให้ระบบ Automatic Update ทำงาน
# Error Code 0x80072ee2
ปัญหา นี้เกิดจาก Host file ในเครื่องคุณไม่สามารถแม็ปเข้ากับ IP แอดเดรสของเว็บไซต์ได้ ซึ่งเป็นการทำงานของ DNS ที่ต้องใช้ Host file ดังกล่าว หาที่อยู่ของเว็บไซต์จริงๆ ให้กับเว็บบราวเซอร์ของคุณ ให้ใช้ Notepad เปิด Host file ขึ้นมา โดยไฟล์นี้อยู่ที่พาธ C:WindowsSystem32Driversetc เลือกเปิดแบบ All file จากนั้นให้ลบบรรทัดที่มีรายการเกี่ยวกับ Windows Update ปรากฏอยู่ เช่น http://v4.windowsupdate.microsoft.com ให้เซฟไฟล์ทับลงไป และรีบูตเครื่องใหม่
# Error Code 126
เป็นรหัสความผิด พลาดที่มาจาก “Cryptographic Service” ซึ่งเป็นหนึ่งในบริการบนวินโดวส์ เอ็กซ์พี ที่จะดูแลความถูกต้องของฐานข้อมูล ไฟล์ต่างๆ รวมทั้งโฟลเดอร์ทั้งหมดที่อยู่ใน C:WINDOWSsystem32CatRoot2 ออกให้หมด เปิดหน้าต่าง Command ขึ้นมา เพื่อใช้งานยูทิลิตี้ sfc /scannow เพื่อสแกนตรวจสอบไฟล์สำคัญอย่าง cryptui.dll และ certcli.dll หากมีความผิดพลาดโปรแกรมจะให้ใส่แผ่นเซตอัพวินโดวส์ เพื่อก๊อบปี้ไฟล์ทั้งสองลงใหม่
# Error Code 643
เป็น หนึ่งในความผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้ระหว่างการอัพเดตวินโดวส์ถ้าพบ Error 643 แสดงขึ้นมา ให้แก้ไขได้โดย เปิดหน้าต่าง Command และพิมพ์คำสั่งดังนี้
del/q “%SystemRoot%”System32Catroot2Edb.log
ซึ่ง เป็นการลบดาต้าเบสไฟล์ของตัวอัพเดตทิ้ง โดยวินโดวส์จะสร้างขึ้นมาใหม่อีกครั้งเมื่อมีการทำงานของ Automatic Update เชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์
# Error Code 0x80072f8f
เป็นความผิด พลาดที่เกิดขึ้นจากการตั้งค่าตัวเลือก Date/Time ของ SSl ( Secure Socket Layer) ซึ่งแอพพลิเคชันบางตัวอ้างอิงวันและเวลาจาก SSL ในการทำงาน การแก้ไขนั้นให้ดับเบิ้ลคลิกที่นาฬิกา เพื่อเปิดหน้าต่าง Properties ขึ้นมาที่แท็บ Time Zone ให้เลือกโซนของเวลาให้ถูกต้อง
# Error Code 0x8007007e
ปัญหา นี้มักเกี่ยวข้องกับบั๊กที่อยู่ใน Micrsoft Parser (MSXML) ซึ่งแอพพลิเคชั่นส่วนใหญ่ใช้บริการ MSXML ด้วยแต่อาจมีบางโปรแกรมที่ได้ถูกรีจีสอย่างถูกต้อง ทำให้เกิดปัญหาขึ้นมาเวลาอัพเดตไฟล์แต่ละครั้ง วิธีแก้นั้น ให้เปิดหน้าต่าง Command ขึ้นมาและพิมพ์คำสั่ง regsvr32 msxml3.dll
# Error Code 0x80090006
ถ้า error นี้เกิดขึ้นระหว่างที่มีการโคลนนิ่งบูตพาร์ทิชั่นจากฮาร์ดดิสก์ลูกหนึ่ง นั่นก็แสดงว่า วินโดวส์ เอ็กซ์พี ได้ตรวจพบฮาร์ดแวร์ของทั้งสองเครื่องไม่ตรงกัน ถึงแม้คุณจะมีอุปกรณ์ภายในยี่ห้อเดียวกันหมดก็ตาม แต่วินโดวส์จะกำหนด ID ให้กับฮาร์ดแวร์ในระบบทุกชิ้น ซึ่งก็อาจจะใช้ข้อมูล Serial number ของอุปกรณ์มาร่วมด้วย ทำให้การย้ายวินโดวส์ไปใช้เครื่องอื่นมีข้อผิดพลาดขึ้น สิ่งที่คุณต้องทำคือใช้ออปชัน Repair เข้ามาช่วยในการตรวจสอบอุปกรณ์และไดรเวอร์ใหม่อีกครั้งแต่ทางที่ดีควรลงใหม่ เลยดีกว่า
# Error Code 0x8024402c
มีการซ้อนทับค่าบางตัว ของ Proxy Setting ที่ใช้สำหรับตั้งค่าการทำงานให้กับการเชื่อมต่อเน็ตเวิร์ก ทำให้เกิดข้อผิดพลาดนี้ขึ้นระหว่างการอัพเดตไฟล์ สำหรับการแก้ไขนั้น ให้เข้าไปลบอักษรทั้งหมดที่ปารกฏอยู่ในช่อง Exceptions section โดยจากหน้าต่าง Internet Options ให้เลือกที่แท็บ Connections->Lan Setting->Advanced เพื่อเปิดหน้าต่าง Command ขึ้นมา และพิมพ์ proxycfg –d แล้วตามด้วย Enter พิมพ์คำสั่ง net wuauserv กด Enter อีกครั้ง และพิมพ์ net start wuauserv ตามด้วย Enter เป็นครั้งสุดท้าย
# Error Code 0x8024502d
สิ่ง ที่สร้างปัญหาในการอัพเดตวินโดวส์อย่างหนึ่งนั้น มาจากโปรแกรม Proxy และ Firewall ซึ่งหากคุณตั้งค่าการทำงานไม่รอบคอบละก็ คอมพิวเตอร์ของคุณอาจเข้าสู่บางเว็บไซต์ไม่ได้เลย รวมทั้งการอัพเดตไฟล์ของวินโดวส์เช่นกัน
# Error Code 0x80070002
เป็น ความผิดพลาดของข้อมูลที่อยู่ในโฟลเดอร์ DataStore ซึ่งไม่ตรงกับไฟล์อัพเดตที่ดาวน์โหลดมา วิธีแก้ไขให้รันโปรแกรม service.msc จากหน้าต่าง Run แล้วไปที่รายการ Automatic Updates service คลิ้กขวาแล้วเลือก Stop เพื่อหยุดการทำงานชั่วคราว จากนั้นให้พิมพ์ %windir%SoftwareDistribution ที่หน้าต่าง Run เพื่อเข้าถึงโฟลเดอร์ DataStore ที่เก็บอยู่ในนี้ ให้เปิดโฟลเดอร์ขึ้นมาและลบข้อมูลทั้งหมดทิ้ง และอย่าลืมกลับไปเปลี่ยนสถานะของ Automatic Update service ให้เป็น Start เหมือนเดิมด้วย
# Error Code 0x800A138F
หากหน้าจอแสดงความ ผิดพลาดด้วยรหัสแบบนี้ขึ้นมา เมื่อกำลังใช้งานโปรแกรม Netop อยู่นั้น ให้ลองเข้าไปเปิดไฟล์ Update.log ก็จะพบว่ารหัสที่แสดงขึ้นมาเป็น 00x80070057 แทน แต่อย่างไรก็ตาม มันคือความผิดพลาดอย่างเดียวกัน ส่วนวิธีแก้นั้นมีเพียงอย่างเดียวที่ทำได้คือ เข้าไปดาวน์โหลดไฟล์แก้ไขของโปรแกรม Netop ได้จากเว็บไซต์ http://www.netop.com/tech/download/fix/fixwinup.exe
# Error Code 0x80070422
วินโดวส์ ใช้บริการผ่าน Background Intelligent Transfer Service (BITS) ในการรับส่งข้อมูลผ่านแบนด์วิดธ์ของเน็ตเวิร์กที่ไม่ได้ใช้งาน ซึ่งรหัสความผิดพลาดนี้ก็มาจาก BITS ถูกยกเลิกการทำงานและเกิดขัดข้อง ให้เข้าไปเปลี่ยนค่า Start ของ BITS ที่อยู่ใน Properties ให้เป็น Manual แทนค่าเดิม แต่ก่อนหน้านั้นคุณต้องเปิดโปรแกรม services.msc จากหน้าต่าง Run เสียก่อน
# Error Code 0x80240030
เป็นข้อผิดพลาดที่ เกิดขึ้นเพราะความพยายามของคุณในการอัพเดตวินโดวส์ผ่าน VPN ซึ่งระบบ Automatic update ของวินโดวส์ รวมทั้งเว็บไซต์ที่ให้บริการไม่สนับสนุนฟังก์ชัน VPN นี้ ซึ่งทำงานของ Auto proxy เองไม่ได้จับเอาไฟล์ wpad.dat มาใช้กำหนด URL ที่เป็นเป้าหมายด้วยเช่นกัน ดังนั้น ไม่ต้องอัพเดตผ่าน Proxy และพยายาม เชื่อมต่อกับเว็บไซต์อัพเดตในขณะที่เครื่องไม่มีการทำงานผ่าน VPN
# Error Code 0x80248011
ปัญหา นี้มาจากอินเทอร์เน็ตแคชเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งอาจมีข้อมูลไม่สมบูรณ์ถูกฝังไว้และยังคงทำงานอยู่ รวมทั้งมีไวรัสต่างๆ ติดอยู่กับไฟล์แคชเหล่านี้ด้วย ให้คุณลบไฟล์ Temp Internet Cookies Clear History และรวมทั้งDelete all offline content ด้วยเพื่อลบสิ่งแปลกปลอมรวมทั้งข้อมูลที่ผิดพลาดออกไปให้หมด
# Error Code 800c0008
Windows media player มีปัญหาขัดข้อง ทำให้ไม่สามารถพรีวิวไฟล์ .wmv ผ่านHotmail ได้ จึงรายงานความผิดพลาดขึ้นมา แนะนำให้คุณใช้วิธีการ Save Target As ของไฟล์ .wmv เอาไว้ในฮาร์ดดิสก์ก่อน เพราะบางครั้งเซิร์ฟเวอร์ของ Hotmail อาจมีปัญหาจึงไม่สามารถพรีวิวไฟล์เหล่านี้ได้
# Error Code 80040154
หาก คุณกำลังเปิดไฟล์ AVI MPEG/MPG WMV และไฟล์เดียอื่นๆ แล้วปรากฏว่ามีรายงานความผิดพลาดแบบนี้ขึ้นมา นั่นก็หมายความว่า Codec (Coder/Decoder) ของโปรแกรมเล่นไฟล์มีเดียได้รับความเสียหาย โดยคุณสามารถดาวน์โหลดไฟล์ Codec ในฟอร์แมตต่างๆได้จากเว็บไซต์ของผู้พัฒนาโปรแกรมนั้นๆ มาติดตั้งลงไปใหม่ได้ซึ่งในระหว่างที่คุณกำลังสำเนาเพลงจากแผ่นซีดีมาเก็บ ไว้ในฮาร์ดดิสก์ด้วยโปรแกรม Windows Media Player นั้น ปรากฏว่ามีโค้ดความผิดพลาด “c00d11cd” แสดงขึ้นมา สาเหตุก็เพราะว่าโปรแกรม Windows Media Player ไม่สามารถเขียนข้อมูลที่มาจากแผ่นซีดีลงในฮาร์ดดิสก์ได้นั่นเอง โดยความผิดพลาดส่วนใหญ่จะมาจากไฟล์ encoding ที่ชื่อว่า “wmadmoe.dll” ซึ่งเป็นไฟล์ของวินโดวส์ไม่ตอบสนองการทำงานในระหว่างการสำเนาซีดี วิธีแก้ไขคือ ต้องติดตั้งไฟล์รีจิสทรีนี้ลงไปใหม่ เข้าไปที่เมนู Start -> Run พิมพ์ regsvr32 wmadmoe.dll แล้วกด Ok เพื่อรันคำสั่ง แต่ถ้าใช้วิธีนี้แล้วไฟล์ยังคง error เหมือนเดิม ให้เข้าไปที่เมนู Start -> Run พิมพ์ sfc/scannow เพื่อสแกนซ่อมแซมไฟล์ระบบที่เสียหายทุกๆ ไฟล์ หลังจากสแกนเสร็จแล้วให้ลองสำเนาซีดีอีกครั้ง
# Error Code 8004022f
รหัส ความผิดพลาดนี้มาพร้อมกับข้อความ “Invalid File Format” โดยโปรแกรม Windows media player เป็นผู้แจ้งขึ้นมา สาเหตุจากโปรแกรมไม่สนับสนุนไฟล์มีเดียดังกล่าว รวมทั้งตัว Codec ของโปรแกรมพยายามที่จะทำงานกับไฟล์เหล่านั้นด้วย วิธีแก้ปัญหา หากเป็นไฟล์มีเดียที่โปรแกรมไม่รู้จัก ให้ติดตั้ง Plug-jn หรือ Codec ลงไปคุณอาจต้องติดตั้ง DirectX และ Windows media player ลงไปใหม่อีกครั้ง เพื่อช่วยแก้ปัญหาไฟล์ระบบและโปรแกรมที่ได้รับความเสียหาย
# Error Code 0x00000024
ข้อ ผิดพลาดนี้เกิดขึ้นเพราะไฟล์ Ntfs.sys ได้รับความเสียหาย ทำให้ระบบอนุญาตให้ดิสก์ที่ฟอร์แมตด้วย FAT16 และ FAT32 สามารถอ่านและเขียนข้อมูลลงไปในดิสก์ที่ฟอร์แมตด้วย NTFS ได้ วิธีแก้ให้เปิดหน้าต่าง Command ขึ้นมาและพิมพ์ตำสั่ง chkdsk drive:/f แนะนำให้สแกนดิสก์โดยเลือก Scan for and attempt recovery of bad sector หลังจากที่ใช้คำสั่งนี้ด้วย
# Error Code 0x10ff0800
ระหว่าง ที่ใช้พรินเตอร์ สแกนเนอร์อยู่นั้น หากเกิดข้อผิดพลาดในการทางานกับพอร์ตขนานในโหมด ECP ซึ่งตอนนี้พรินเตอร์ สแกนเนอร์ ที่เชื่อมต่อกับพีซีผ่านพอร์ตขนานจะทำงานในโหมด EPP เท่านั้น ให้เข้าไปเลือกในไบออสตรง Parallel port setting จากโหมด ECP ไปเป็น EPP แนะนำถ้าพรินเตอร์มีพอร์ต USB ให้เชื่อมต่อกับพีซีผ่าน USB จะสะดวกที่สุด และไม่เกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นอีกด้วย
# Error Code 0x0000003F
ใน ระหว่างที่มีการจัดการกับไฟล์ขนาดใหญ่ แต่ระบบกลับพบว่ามีพื้นที่ไม่ต่อเนื่องจำนวนมากกระจัดกระจายอยู่บนดิสก์ ทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้นมา วิธีแก้ เปิดโปรแกรม regedit จากหน้าต่าง Run เข้าไปที่ HKEY_LOCAK_MACHINESYSTEMCurrentControlSetControlSession ManagerMemory Management ดับเบิลคลิ้กที่ PagePoolSize และใส่ค่าเป็น ‘0’ ดับเบิลคลิ้กที่ SystemPages ให้ใส่ค่า 40000 ลงไปสำหรับระบบที่มีแรม 128MB และค่า 110000สำหรับระบบที่มีแรมอยู่ระหว่าง 128-256MB
# Error Code 0x00000077
เป็น ความผิดพลาดที่ระบบไม่สามารถอ่านข้อมูลจาก Virtual memory มาไว้ที่หน่วยความจำหน่วยความจำหลักได้ ซึ่งอาจเกิดจากฮาร์ดดิสก์มี Bad sector หรือมีไวรัสฝังตัวอยู่ สำหรับวิธีแก้นั้น ให้รันโปรแกรมตรวจจับไวรัสที่ตำแหน่ง boot sector ด้วย และหากฮาร์ดดิสก์ของคุณฟอร์แมตด้วยระบบไฟล์แบบ NTFS ให้รัน chkdsk /r/k ที่ดอส Command เพื่อตรวจสอบความผิดพลาดด้วย
# Error Code 0x00000079
เมื่อ เฟิร์มแวร์ของACPI ถูกแก้ไขค่าภายใน ผลที่ตามมาคือรหัสความผิดพลาดที่แสดงอยู่นี้ และอีกสาเหตุหนึ่งก็คือ มีการก๊อบปี้ไฟล์ระบบผิดพลาดระหว่างขั้นตอนการ Repair วินโดวส์ด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นการสลับกันระหว่างไฟล์ Ntoskrnl.exe กับ Ntkrnlmp.exe โดยไฟล์อันแรกจะใช้ในระบบที่เป็นโพรเซสเซอร์เดี่ยว และไฟล์หลังใช้กับระบบที่เป็นมัลติโพรเซสเซอร์ วิธีแก้ไขอาจใช้การก๊อบปี้ไฟล์ที่ถูกต้องจากแผ่นซีดีติดตั้งวางลงไปใน โฟลเดอร์ของวินโดวส์ได้เช่นกัน
# Error Code 0x0000007A
บ่อย ครั้งที่ปัญหานี้มักเกิดขึ้นจากพารามิเตอร์ I/O Status code ซึ่งบ่งบอกถึงการทำงานร่วมกันระหว่างดิสก์และคอนโทรลเลอร์ไม่คอมแพตทิเบิล กัน รวมทั้งเฟิร์มแวร์ และไดรเวอร์ของอุปกรณ์ด้วย การแก้ปัญหานั้นคุณสามารถติดตั้งไดรเวอร์ คอนโทรลเลอร์ที่ไม่ใช่ของวินโดวส์ได้เช่นกัน ให้บูตด้วยแผ่นซีดีติดตั้ง เมื่อถึงหน้าจอพรอมพ์ ให้กดปุ่ม F6 เพื่อเป็นการเลือกไดรเวอร์ คอนโทรลเลอร์ของฮาร์ดดิสก์ ( ATA/SCSI) ที่ต้องการได้เอง
# Error Code 0x0000002E
สาเหตุ ของความผิดพลาดนี้มาจาก “Data bus error” นั่นเอง ซึ่งหน่วยความจำหลักไม่สามารถแมปแอดเดรสของ L2 แคช วิดีโอเมมโมรี รวมทั้งหน่วยความจำของบอร์ดเข้าด้วยกันได้ (ความผิดพลาดของหน่วยความจำ) ทำให้เมื่อมีอุปกรณ์ต้องการอ้างถึงแอดเดรสเหล่านี้จึงไม่สามารถทำได้ วิธีแก้ให้ใช้โปรแกรมประเภท Diagnostic ตรวจสอบหน่วยความจำ เมื่อพบตัวที่เสียให้เปลี่ยนออกไปและแทนที่ด้วยของใหม่
# Error Code 0x0000007F
รหัส ความผิดพลาดนี้เกิดขึ้นจากสาเหตุ 3อย่าง คือ ซอฟต์แวร์มีปัญหาฮาร์ดแวร์ไม่ตอบสนอง และเคอร์เนลโหมดทำงานผิดพลาด ถ้ามันเกิดขึ้นหลังจากการติดตั้งฮาร์ดแวร์ตัวใหม่ลงไป ให้คุณตรวจสอบดูไดรเวอร์ และรัน Diagnostic เพื่อตรวจสอบการทำงานของอุปกรณ์และหากมาจากการโอเวอร์คล็อกสัญญาณนาฬิกาของ ระบบ ก็ให้เซตค่ากลับมาเหมือนเดิม แล้วรัน Diagnostic อีกครั้ง
# Error Code 0x000000C2
หาก ความผิดพลาดนี้เกิดขึ้นระหว่างการอัพเดตวินโดวส์ สาเหตุอาจมาจากความไม่เข้ากันของไดรเวอร์อุปกรณ์บางตัว เซอร์วิสที่เปิดรันอยู่ขณะนั้น แอนตี้ไวรัส หรือยูทิลิตี้สำหรับแบ็กอัพข้อมูล สิ่งที่คุณต้องทำเพื่อหยุดปัญหาก็คือ Remove ซอฟต์แวร์ไดรเวอร์ที่เป็น Third-party ของอุปกรณ์ที่น่าจะสร้างปัญหาออกไปก่อนซึ่งอาจรวมทั้งการ Uninstall โปรแกรมแอนตี้ไวรัสด้วยเช่นกัน หลังจากนั้นจึงค่อยติดตั้งลงไปเหมือนเดิม
# Error Code 0X000000BE
สาเหตุ ความผิดพลาดนี้มาจากมีไดรเวอร์ของอุปกรณ์หรือซอฟต์แวร์บางตัวพยายาม เขียนข้อมูลลงไปยังพื้นที่หน่วยความจำที่ใช้อ่านได้เพียงอย่างเดียว การแก้ไขให้เข้าไปดูใน Device manager ว่ามีรายชื่อของอุปกรณ์ตัวใดมีสถานะเป็น Disable บ้างให้ Remove ออกและติดตั้งใหม่ให้ถูกต้อง เพราะอาจลงเวอร์ชันผิดได้เช่นกัน หากเป็นซอฟต์แวร์ที่มีผลต่อระบบอย่างมาก แนะนำให้แบ็กอัพข้อมูลของคุณไว้ด้วยทุกครั้ง
# Error Code 0x0000007B
เป็น ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นเมื่อวินโดวส์ไม่สามารถเข้าถึงพาร์ทิชันของระบบ ได้ในระหว่างการบูต สาเหตุก็มาจากคุณได้ติดตั้งฮาร์ดดิสก์ตัวใหม่ลงไป และบังเอิญไดรฟ์ที่บูตได้ก็ไม่ใช่ Primary partition อย่าง C: ทำให้ระบบจดจำฮาร์ดดิสก์ลูกใหม่ที่ติดตั้งลงไปแทน วิธีแก้ให้เปิดไฟล์ Boot.ini หรือไปที่ Boot Manager แล้วแก้ไขตำแหน่ง ไดรฟ์ที่ใช้บูตให้ถูกต้อง
# Error Code 0x0000009F
ถ้า รายงานความผิดพลาดนี้เกิดขึ้นระหว่างที่ชัตดาวน์ระบบ นั่นก็หมายความว่า ส่วนที่จัดการ “Power state” ไม่ตอบสนองต่อคำสั่งปัญหานี้มาจากทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ไดรเวอร์ และโปรแกรม ถ้ามันเกิดขึ้นหลังจากที่ติดตั้งโปรแกรม หรืออุปกรณ์ต่อพ่วงให้ Remove ออกแล้วรัน Diagnostic เพื่อตรวจสอบการทำงานของฮาร์ดแวร์ระบบ เมื่อเสร็จแล้วให้ลองติดตั้งลงไปใหม่ดูว่าเกิดปัญหาอีกหรือไม่
# Error Code 0x000000CE
การ์ด แสดงผลที่มีฟังก์ชันของ TV Tuner หรือ Video capture อยู่ด้วย อาจเกิดความผิดพลาดเช่นนี้ได้เมื่อกำลังเข้าสู่เดสก์ทอปของวินโดวส์ หากคุณใช้ไดรเวอร์แสดงผลที่เป็นของวินโดวส์ 2000 แทน XP แล้วละก็ โอกาสความผิดพลาดนี้ก็จะมีสูงขึ้น สิ่งที่คุณต้องทำเพื่อแก้ปัญหาคือ Remove ไดรเวอร์ตัวเก่าออก แล้วลงไดรเวอร์ที่ถูกต้อง ( XP) รวมทั้งให้ติดตั้ง DirectX ที่เป็นเวอร์ชันใช้งานบน XP ด้วย
# Error WMP.DLL
หาก พบความผิดพลาดนี้ก็แสดงว่าคุณไม่สามารถใช้ Windows media player เปิดไฟล์วิดีโอได้ ซึ่งสาเหตุอาจมาจากมีไฟล์ wmp.dll มากกว่าหนึ่งเวอร์ชันในโฟลเดอร์โปรแกรม ให้พิมพ์ C:windowsinfunregmp2.exe/UpdateWMP ที่หน้าต่าง Run เพื่อเคลียร์ไฟล์ .dll เวอร์ชันที่ถูกต้องให้กับโปรแกรมหากปัญหาหนักขึ้นถึงขั้นรีจิสทรีของไฟล์ .dll นี้เสียหาย ให้ติดตั้งรีจิสทรีลงไปใหม่อีกครั้งโดยใช้คำสั่ง regsvr32 wmp.dll
# Error WMPDXM.DLL
สาเหตุนั้นเกิดขึ้นในตอนที่ คุณติดตั้งโปรแกรม Windows Player9 หรือ 10 ลงไปในเครื่องที่มีโปรแกรมนี้ในเวอร์ชันก่อนอยู่แล้ว และข้อความ “Explorer has caused an error in WMPDXM.DLL” แสดงขึ้นมา นั้นก็หมายความว่า เกิดความผิดพลาดกับไฟล์ “WMPDXM.DLL” สิ่งที่เราต้องทำคือติดตั้งมันลงไปใหม่โดยพิมพ์ regsvr32 msdxm.ocx ที่หน้าต่าง Run กด Enter จากนั้นพิมพ์ regsvr32 dxmasf.dll ลงไปแล้วกด OK อีกครั้ง หากว่า IE ยังคงค้างอยู่หน้าจอเดิม ให้เปิดหน้าต่าง Run ขึ้นมาอีกครั้ง พิมพ์ regsvr32 wmp.dll ลงไปแล้วกด OK จากนั้นก็พิมพ์ regsvr32 wmpdxm.dll ลงไปแล้วทำซ้ำแบบเดิมอีกครั้ง
ขอบคุณ sb.in.th สำหรับข้อมูล EROR CODER
ลง windows ไม่ได้
ลง windows ไม่ได้
เปลี่ยนฮาร์ดดิสก์ แล้วก็ไม่ได้ เปลี่ยนแรมก็ไม่ได้ ลองเช็คดูที่บอร์ดว่าปกติหรือเปล่า มีอุปกรณ์เสียหายหรือเปล่า
เช่น ซี บวมหรือเปล่า อาจจะเป็นที่บอร์ดแล้ว
เปลี่ยนฮาร์ดดิสก์ แล้วก็ไม่ได้ เปลี่ยนแรมก็ไม่ได้ ลองเช็คดูที่บอร์ดว่าปกติหรือเปล่า มีอุปกรณ์เสียหายหรือเปล่า
เช่น ซี บวมหรือเปล่า อาจจะเป็นที่บอร์ดแล้ว
Messages Mail ซ้อนกัน
Messages Mail ซ้อนกัน
วิธีแก้ไข ให้เข้าที่ View >> Current View >> ให้เอาเครื่องหมายถูกออกในหัวข้อ Group Messages By Conversation
วิธีแก้ไข ให้เข้าที่ View >> Current View >> ให้เอาเครื่องหมายถูกออกในหัวข้อ Group Messages By Conversation
Mail อ่านแล้วซ่อนหรือหายอัตโนมัติ
เข้าที่ View > Current View > ต้องเลือกอยู่ที่ Show all Message
* ถ้าเลือกอยู่ที่ Hide read or ingnored Message ถ้าเราอ่านแล้วมันจะซ่อนให้อัตโนมัติ
* ถ้าเลือกอยู่ที่ Hide read or ingnored Message ถ้าเราอ่านแล้วมันจะซ่อนให้อัตโนมัติ
mail font เพี้ยนทั้ง Folder
mail font เพี้ยนทั้ง Folder
ให้เข้าไปเช็คที่ Regional and Language ใน Control Panel
ว่าโดนเปลี่ยนภาษาหรือไม่
ให้เข้าไปเช็คที่ Regional and Language ใน Control Panel
ว่าโดนเปลี่ยนภาษาหรือไม่
code error msn
ErrorCode : 80072efd
สาเหตุ: ปัญหานี้เกิดจาก ในส่วนของ windows update
วิธีแก้:
- ตรวจเช็ค Internet ว่า Connect อยู่หรือป่าว...
- ปิด Firewall ทั้งของ Windows , Router และโปรแกรม Antivirus ต่างๆ
- Register DLL files และตั้งวันที่ใหม่ โดยใช้ไฟล์นี้คับ http://www.thaimess.com/downloads/msnallreg.bat
- Internet Explorer ต้องสนับสนุน การเข้ารหัสแบบ 128 bit ให้ตรวจสอบ โดยดูได้ด้วยการคลิกเมนู Help > About ใน IE (ถ้าไม่ใช่แนะนำให้ลง IE6 ใหม่อีกรอบคับ)
ลองดูนะคะ
-----------------------------------------------------------------------------------------
ลอง Connect MSN ดูก่อน 1 ครั้ง แล้วดูเลข ErrorCode จากตัวอย่างเป็นเลข 80048820
- เทียบ ErrorCode ว่าตรงกับอันไหนแล้วดูวิธีแก้ด้านล่างกระทู้คับ
*************************************************************
สาเหตุที่เกิด โดยดูจาก Errorcode
ErrorCode : 800b001
- สาเหตุ: เกิดจาก MSN หาไฟล์พวก .dll บางตัวไม่เจอ ทำให้ไม่สามารถ sign in ได้
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 3 คับ
ErrorCode : 80048820
- สาเหตุ: เกิดจากวันที่ของเครื่องไม่ถูกต้อง
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 3 คับ หรือตั้งวันที่ใหม่ครับ
ErrorCode : 80072ee7
- สาเหตุ: เกิดจากปัญหาของ Firewall หรือการติดต่อออกอินเตอร์เน็ต มีปัญหา
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 1 และ 2 คับ
ErrorCode : 80072eff , 80070193 , 800701f7
- สาเหตุ: เป็นปัญหาจาก .NET Messenger Service มีปัญหา ซึ่งอาจจะเกิดจากตัว .Net server
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 1 , 2 และ 4 คับ
ErrorCode : 80072efd
- สาเหตุ: ปัญหานี้เกิดจาก ในส่วนของ windows update
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 1 , 2 , 3 และ 5 คับ
ErrorCode : 80072f0d
- สาเหตุ: เกิดจากที่ส่วนที่เกี่ยวข้องกับ security ของ MSN ไม่ทำงาน
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 1 , 2 , 3 และ 6 คับ ถ้ายังไม่หายให้เพิ่มข้อ 10 ด้วยคับ
ErrorCode : 80070190
- สาเหตุ: เกิดจากปัญหาการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 1 , 2 , 4 และ 3 คับ
ErrorCode : 80070301
- สาเหตุ: เกิดจากปัญหา ของ .NET Messenger Service
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 1 , 2 , 4 , 7 และ 8 คับ
ErrorCode : 81000303 หรือ " Microsoft .NET Passport has made your account temporarily unavailable to help prevent other users from guessing or obtaining your password."
- สาเหตุ: เกิดจากปัญหา ของ .NET Messenger Service หรือ รหัสผ่านผิด
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 1 , 2 , 3 ,4 และ 7 คับ
ErrorCode : 81000306
- สาเหตุ: เกิดจากปัญหา ของ .NET Messenger Service หรือ การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 1 , 2 , 4 และ 8 คับ
***************************************************************
วิธีแก้
1. ตรวจเช็ค Internet ว่า Connect อยู่หรือป่าว...
2. ปิด Firewall ทั้งของ Windows , Router และโปรแกรม Antivirus ต่างๆ
3. Register DLL files และตั้งวันที่ใหม่ โดยใช้ไฟล์นี้คับ http://rcweb.net/forums/attachment.p...1&d=1131572132
4. เช็ค .Net Messenger Service server อาจมีปัญหา ลองคลิ๊กที่นี่เพื่อตรวจสอบ http://messenger.msn.com/Status.aspx
ว่า Server รันอยู่หรือป่าว
5. Internet Explorer ต้องสนับสนุน การเข้ารหัสแบบ 128 bit ให้ตรวจสอบ โดยดูได้ด้วยการคลิกเมนู Help->About ใน IE
ถ้าไม่ใช่แนะนำให้ลง IE6 ใหม่อีกรอบคับ
6. เปิด Internet Explorer ไปที่เมนู Options -> Internet Options.. -> Advancd แล้วดูที่หัวข้อ use SSL 2.0 และ use SSL 3.0 ให้ติ๊กถูกทั้ง 2 อัน
7. ให้ตรวจสอบ user name และ password ให้แน่ใจด้วยการกรอกใหม่อีกครั้งระวังตัวพิมพ์เล็กและใหญ่ด้วยนะคับ
8. ไปที่ Start -> Run พิมพ์ %appdata%\microsoft กด Enter และลบโฟล์เดอร์ชื่อ MSN Messenger (Emo และ DP ที่เพิ่มเข้าไปจะหายไปหมด)
9. อาจถูกบล็อคการใช้งานจากผู้ดูแลระบบ ลองติดต่อ admin คับ
10. ไปที่ Start -> Run พิมพ์ regsvr32 initpki.dll กด Enter แล้วรอครับอาจจะนานหน่อยเป็น 10 นาที
-----------------------------------------------------------------------------------------
A newer version is available.You must install the never version in order to continue.would you like to do this now?
เราก้อเป็น มานบังคับให้เราโหลดเวอชั่นใหม่ แต่พอเราโหลดมานกลับเล่นไม่ได้ เลยลบที่โหลดทิ้ง
พอมาโหลดเวอชั่นเก่า มานก้อเล่นไม่ได้อยู่ดี มานจะบังคับให้เราอัพเอ็มเวอชั่นใหม่
วิธีแก้
( มีคนบอกเรามา )
คลิก My Computer >> :\C >> Program flies >> เลือก/คลิก Messenger >> คลิกขวาที่ msmsgs (มีอันเดียวที่เป็นโลโก้ msn) >> เลือก Properties >> เลือกที่บาร์ Compatibility >> ติ๊กถูกที่ Run this program in compatibility mode for >> เลือก Windows 2000 >>OK ปิดหน้าต่าง
ลองเข้าอีกทีว่า log in ได้ไหม ถ้าไม่ได้ ลอง Restart เครื่องแล้วเข้าอีกที
เราทำแล้วหายเล่น ...
สาเหตุ: ปัญหานี้เกิดจาก ในส่วนของ windows update
วิธีแก้:
- ตรวจเช็ค Internet ว่า Connect อยู่หรือป่าว...
- ปิด Firewall ทั้งของ Windows , Router และโปรแกรม Antivirus ต่างๆ
- Register DLL files และตั้งวันที่ใหม่ โดยใช้ไฟล์นี้คับ http://www.thaimess.com/downloads/msnallreg.bat
- Internet Explorer ต้องสนับสนุน การเข้ารหัสแบบ 128 bit ให้ตรวจสอบ โดยดูได้ด้วยการคลิกเมนู Help > About ใน IE (ถ้าไม่ใช่แนะนำให้ลง IE6 ใหม่อีกรอบคับ)
ลองดูนะคะ
-----------------------------------------------------------------------------------------
ลอง Connect MSN ดูก่อน 1 ครั้ง แล้วดูเลข ErrorCode จากตัวอย่างเป็นเลข 80048820
- เทียบ ErrorCode ว่าตรงกับอันไหนแล้วดูวิธีแก้ด้านล่างกระทู้คับ
*************************************************************
สาเหตุที่เกิด โดยดูจาก Errorcode
ErrorCode : 800b001
- สาเหตุ: เกิดจาก MSN หาไฟล์พวก .dll บางตัวไม่เจอ ทำให้ไม่สามารถ sign in ได้
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 3 คับ
ErrorCode : 80048820
- สาเหตุ: เกิดจากวันที่ของเครื่องไม่ถูกต้อง
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 3 คับ หรือตั้งวันที่ใหม่ครับ
ErrorCode : 80072ee7
- สาเหตุ: เกิดจากปัญหาของ Firewall หรือการติดต่อออกอินเตอร์เน็ต มีปัญหา
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 1 และ 2 คับ
ErrorCode : 80072eff , 80070193 , 800701f7
- สาเหตุ: เป็นปัญหาจาก .NET Messenger Service มีปัญหา ซึ่งอาจจะเกิดจากตัว .Net server
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 1 , 2 และ 4 คับ
ErrorCode : 80072efd
- สาเหตุ: ปัญหานี้เกิดจาก ในส่วนของ windows update
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 1 , 2 , 3 และ 5 คับ
ErrorCode : 80072f0d
- สาเหตุ: เกิดจากที่ส่วนที่เกี่ยวข้องกับ security ของ MSN ไม่ทำงาน
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 1 , 2 , 3 และ 6 คับ ถ้ายังไม่หายให้เพิ่มข้อ 10 ด้วยคับ
ErrorCode : 80070190
- สาเหตุ: เกิดจากปัญหาการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 1 , 2 , 4 และ 3 คับ
ErrorCode : 80070301
- สาเหตุ: เกิดจากปัญหา ของ .NET Messenger Service
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 1 , 2 , 4 , 7 และ 8 คับ
ErrorCode : 81000303 หรือ " Microsoft .NET Passport has made your account temporarily unavailable to help prevent other users from guessing or obtaining your password."
- สาเหตุ: เกิดจากปัญหา ของ .NET Messenger Service หรือ รหัสผ่านผิด
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 1 , 2 , 3 ,4 และ 7 คับ
ErrorCode : 81000306
- สาเหตุ: เกิดจากปัญหา ของ .NET Messenger Service หรือ การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 1 , 2 , 4 และ 8 คับ
***************************************************************
วิธีแก้
1. ตรวจเช็ค Internet ว่า Connect อยู่หรือป่าว...
2. ปิด Firewall ทั้งของ Windows , Router และโปรแกรม Antivirus ต่างๆ
3. Register DLL files และตั้งวันที่ใหม่ โดยใช้ไฟล์นี้คับ http://rcweb.net/forums/attachment.p...1&d=1131572132
4. เช็ค .Net Messenger Service server อาจมีปัญหา ลองคลิ๊กที่นี่เพื่อตรวจสอบ http://messenger.msn.com/Status.aspx
ว่า Server รันอยู่หรือป่าว
5. Internet Explorer ต้องสนับสนุน การเข้ารหัสแบบ 128 bit ให้ตรวจสอบ โดยดูได้ด้วยการคลิกเมนู Help->About ใน IE
ถ้าไม่ใช่แนะนำให้ลง IE6 ใหม่อีกรอบคับ
6. เปิด Internet Explorer ไปที่เมนู Options -> Internet Options.. -> Advancd แล้วดูที่หัวข้อ use SSL 2.0 และ use SSL 3.0 ให้ติ๊กถูกทั้ง 2 อัน
7. ให้ตรวจสอบ user name และ password ให้แน่ใจด้วยการกรอกใหม่อีกครั้งระวังตัวพิมพ์เล็กและใหญ่ด้วยนะคับ
8. ไปที่ Start -> Run พิมพ์ %appdata%\microsoft กด Enter และลบโฟล์เดอร์ชื่อ MSN Messenger (Emo และ DP ที่เพิ่มเข้าไปจะหายไปหมด)
9. อาจถูกบล็อคการใช้งานจากผู้ดูแลระบบ ลองติดต่อ admin คับ
10. ไปที่ Start -> Run พิมพ์ regsvr32 initpki.dll กด Enter แล้วรอครับอาจจะนานหน่อยเป็น 10 นาที
-----------------------------------------------------------------------------------------
A newer version is available.You must install the never version in order to continue.would you like to do this now?
เราก้อเป็น มานบังคับให้เราโหลดเวอชั่นใหม่ แต่พอเราโหลดมานกลับเล่นไม่ได้ เลยลบที่โหลดทิ้ง
พอมาโหลดเวอชั่นเก่า มานก้อเล่นไม่ได้อยู่ดี มานจะบังคับให้เราอัพเอ็มเวอชั่นใหม่
วิธีแก้
( มีคนบอกเรามา )
คลิก My Computer >> :\C >> Program flies >> เลือก/คลิก Messenger >> คลิกขวาที่ msmsgs (มีอันเดียวที่เป็นโลโก้ msn) >> เลือก Properties >> เลือกที่บาร์ Compatibility >> ติ๊กถูกที่ Run this program in compatibility mode for >> เลือก Windows 2000 >>OK ปิดหน้าต่าง
ลองเข้าอีกทีว่า log in ได้ไหม ถ้าไม่ได้ ลอง Restart เครื่องแล้วเข้าอีกที
เราทำแล้วหายเล่น ...
ขึ้น Blue Screen Stop c000021a ควรทำอย่างไร
ขึ้น Blue Screen Stop c000021a
{Fatal system error the windows subsystem system process terminated unexpectedly with a status of oxc0000005 (0x7c9106c3 0x006ccd04)
the system has been shutdown
ใช้ Program WindowsXP-KB943232-x86-ENU Run ได้เลย (คลิกโหลดที่ Link ด่านล่าง)
วิธีสลับในกรณีมี 2 windows ในเครื่องเดียว
My com > Properties > Advanced > Setting (startup and Recovery) > เปลี่ยนช่อง Default operating system
>> ข้อแม้ ต้องมีการลง windows 2ตัวใน HDD <<
>> ข้อแม้ ต้องมีการลง windows 2ตัวใน HDD <<
วิธีลบ virus ms removal tool
โปรแกรมนี้มันแสบมาก มันจะทำให้โปรแกรมอื่นๆทำงานไม่ได้เลยครับ
วิธีการแก้นะครับ
ไปหาโหลด ไฟล์ตัวนี้เลยครับ https://docs.google.com/uc?id=0B7pJ7yI2AU6jMWZmNTAyNGEtZjc4YS00ZGY2LWFlZWMtYzI5ZTEzMGIwOTk0&export=download&hl=en2
โหลดเสร็จแล้วให้รันมันเลยครับ
ให้เลือกอันบนนะครับ เซฟล็อกไฟล์ไว้
ต่อมานะครับ ให้มาดูผลจากล็อกไฟล์ นะครับ ตรง O4 - HKCU\..\RunOnce: [ชี่อKeyมันจะใช้ชื่อแบบสุ่มครับ] C:\ProgramData\(ชี่อFolderมันจะใช้ชื่อแบบสุ่มครับ)\(ชี่อFileมันจะใช้ชื่อแบบสุ่มครับ.exe)
ให้สังเกตว่า ชื่อKey ชื่อ Folder และชื่อFile มันจะใช้ชื่อแบบสุ่มครับ แต่เหมือนกันหมดครับ ตรงนี้แหละที่เราต้องฟิกทิ้ง แต่อาจจะต้องเข้าไปทำในเซฟโหมดครับ
และด้องตามไปลบไฟล์มันทิ้งด้วยครับ
มันจะอยู่ที่นี่ครับ C:\ProgramData\(ชี่อFolderมันจะใช้ชื่อแบบสุ่มครับ)\(ชี่อFileมันจะใช้ชื่อแบบสุ่มครับ.exe)
C:\Documents and Settings\All Users\Application Data\(ชี่อFileมันจะใช้ชื่อแบบสุ่มครับ.exe)
C:\Documents and Settings\(USERที่ใช้งานอยู่)\Local Settings\Application Data\(ชี่อFileมันจะใช้ชื่อแบบสุ่มครับ.exe)
ต้องตามไปลบทิ้งให้หมดครับ ควรทำในเซฟโหมดครับ
ถ้าทำทุกขั้นตอนแล้ว Restart อีกทีก็จะกลับมาปรกดิแล้วครับ
ให้รีบไปหาตัวป้องกันประเภท Anti Spyware มาลง แล้ว scan อีกทีนะครับ
(หรือใช้ Mbma - setup scan ได้เลยครับ)
วิธีการแก้นะครับ
ไปหาโหลด ไฟล์ตัวนี้เลยครับ https://docs.google.com/uc?id=0B7pJ7yI2AU6jMWZmNTAyNGEtZjc4YS00ZGY2LWFlZWMtYzI5ZTEzMGIwOTk0&export=download&hl=en2
โหลดเสร็จแล้วให้รันมันเลยครับ
ให้เลือกอันบนนะครับ เซฟล็อกไฟล์ไว้
ต่อมานะครับ ให้มาดูผลจากล็อกไฟล์ นะครับ ตรง O4 - HKCU\..\RunOnce: [ชี่อKeyมันจะใช้ชื่อแบบสุ่มครับ] C:\ProgramData\(ชี่อFolderมันจะใช้ชื่อแบบสุ่มครับ)\(ชี่อFileมันจะใช้ชื่อแบบสุ่มครับ.exe)
ให้สังเกตว่า ชื่อKey ชื่อ Folder และชื่อFile มันจะใช้ชื่อแบบสุ่มครับ แต่เหมือนกันหมดครับ ตรงนี้แหละที่เราต้องฟิกทิ้ง แต่อาจจะต้องเข้าไปทำในเซฟโหมดครับ
และด้องตามไปลบไฟล์มันทิ้งด้วยครับ
มันจะอยู่ที่นี่ครับ C:\ProgramData\(ชี่อFolderมันจะใช้ชื่อแบบสุ่มครับ)\(ชี่อFileมันจะใช้ชื่อแบบสุ่มครับ.exe)
C:\Documents and Settings\All Users\Application Data\(ชี่อFileมันจะใช้ชื่อแบบสุ่มครับ.exe)
C:\Documents and Settings\(USERที่ใช้งานอยู่)\Local Settings\Application Data\(ชี่อFileมันจะใช้ชื่อแบบสุ่มครับ.exe)
ต้องตามไปลบทิ้งให้หมดครับ ควรทำในเซฟโหมดครับ
ถ้าทำทุกขั้นตอนแล้ว Restart อีกทีก็จะกลับมาปรกดิแล้วครับ
ให้รีบไปหาตัวป้องกันประเภท Anti Spyware มาลง แล้ว scan อีกทีนะครับ
(หรือใช้ Mbma - setup scan ได้เลยครับ)
วิธีแปลียนรหัส wirless
คลิกขวา my network place > คลิกขวาที่ wirless > status > wireless properties > security > เปลี่ยนที่ network security
วิธีเปิด file .pages ครับ
file .pages เปิดไม่ได้
ต้องแปล file ให้เป็น zip หรือ rar ก่อน เช่น xxx.pages >> xxx.pages.zip แค่นี้เราก็แตก file zip ออกมา ก็จะได้ไฟล์เป็น Pdf
ต้องแปล file ให้เป็น zip หรือ rar ก่อน เช่น xxx.pages >> xxx.pages.zip แค่นี้เราก็แตก file zip ออกมา ก็จะได้ไฟล์เป็น Pdf
วิธีแก้ Windows Genuine Advantage Notification
1. My com > C: > Windows > System32 หาไฟล์ "wgatray.exe" แล้วก็ลบเลยครับ
2. Start > run > พิมพ์ regedit > Machine > Softwaer > Microsoft > Windows NT > Current version > Winlogon > ลบ Notify ครับ
2. Start > run > พิมพ์ regedit > Machine > Softwaer > Microsoft > Windows NT > Current version > Winlogon > ลบ Notify ครับ
วิธีแก้ NTLDR Missing
<< การแก้ไขกรณีเครื่อง XP เกิดปัญหา NTLDR Missing >>
เนื่องจากทางไมโครซอฟต์ได้ผลิตระบบปฎิบัติการมาหลายๆรุ่น แต่ละรุ่นแม้จะใช้นักวิจัยและโปรแกรมเมอร์มากมายและเก่งกาจเพียงใด ระบบปฏิบัตการ (Operation System) นั้นๆก็ยังมีช่องว่าง (Bugs) ให้แฮกเกอร์ค้นหาได้เสมอ เข้าทำนองความผิดของผู้อื่นเท่าภูเขา ความผิดของเราเท่าเส้นผม หรือจะเป็นเพราะทางไมโครซอฟต์รีบร้อนในการผลิตเพื่อป้อนสู่ตลาด จนทำให้เกิดความผิดพลาดในโปรแกรม เมื่อผู้ใช้ใช้ไปซักพัก จึงจะเกิดปัญหาเหล่านี้ เข้าทำนองช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวปิด ปิดยังไงก็ยังมีกลิ่นเหม็น
หนึ่งในระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ๆที่ออกมาใช้ คือ Windows XP Professional ก็มีรายงานว่าเมื่อนำไปใช้ร่วมกับโปรแกรมอื่นๆ ก็เกิดความผิดพลาดเกิดขึ้นในหลายๆด้านได้เช่นกัน ซึ่งปัญหาที่หลายๆคนประสบอยู่ในขณะนี้คือปัญหา "NTLDR Missing" และเครื่องขอร้องให้ผู้ใช้กดปุ่มรีสตาร์ทเครื่องใหม่ (Please Press Ctrl+Alt+Del To Restart)
ปัญหานี้เท่าที่ค้นหาจากกระทู้ทาง Internet ทราบว่าเป็นกันทั่วโลก ไม่ได้เป็นเพราะที่กฤษฎีการใช้ระบบ KSDK Office อย่างเดียว ซึ่งเกิดจากการชนกันของไฟล์ที่ใช้ในการทำงานร่วมกันของโปรแกรม ตลอดจนการแทนที่ของไฟล์เหล่านั้น ทำให้ไฟล์ที่ชื่อ "NTLDR" ที่เป็นไฟล์ที่ใช้ในการริเริ่มระบบปฏิบัติการของ Windows XP หายไป จนไม่สามารถเริ่ม (Boot) ระบบปฏิบัติการ XP ได้
ซึ่งหากได้ศึกษาวิธีการแก้ไขที่ถูกต้องแล้ว จะทำให้สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ด้วยตัวของท่านเอง ก็จะทำให้เกิดความสะดวกในการทำงานมากยิ่งขึ้น และจะก่อให้เกิดความมั่นใจในการแก้ปัญหาอื่นๆ เมื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณเสียหายเล็กๆน้อยๆได้
และต่อไปจะกล่าวถึงวิธีการสร้างแผ่น Boot และการซ่อมแซมไฟล์ที่หายไป เพื่อท่านผู้อ่านจะได้นำไปแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้
การเตรียมแผ่นบู๊ตสำหรับ Window XP
(How To Create a Set of Emergency Floppies)
1. ก่อนอื่นให้ไปดาวน์โหลดไฟล์ที่ใช้ทำแผ่นบู๊ต 6 แผ่น จาก Link ข้างล่างนี่ก่อน
http://www.microsoft.com/downloads/details.aspx?displaylang=en&FamilyID=55820EDB-5039-4955-BCB7-4FED408EA73F
รายละเอียดของไฟล์มีดังนี้
File Name: WinXP_EN_PRO_BF.EXE
Download Size: 4287 KB
Date Published: 10/24/2001
Version: 310994
2. ในหน้านี้ทางขวาของหน้าจอ เราจะพบคำว่า Windows XP Professional Utility: Setup Disks for Floppy Boot Install English ให้กดที่ Download
3. ดาวน์โหลดมาแล้วจัดการคลายลงแผ่น Disk ทั้ง 6 แผ่น และให้ทำเครื่องหมายว่าเป็นแผ่นที่เท่าใดไว้ด้วย
4. ให้หาไฟล์ที่ชื่อ boot.ini , ntldr และ ntdetect.com มา Copy ใส่ไว้ใน Disk โดยหาได้จาก Drive C: หรือใน C:\WINDOWS ของ Window XP ทุกเครื่อง หรือถ้าไม่มีให้มาขอ Copy ได้จากเจ้าหน้าที่ศูนย์สารสนเทศได้ทุกท่าน
5. มีข้อสังเกตสำหรับเครื่องที่มีการแบ่ง Partition ตั้งแต่สองส่วนขึ้นไป คือต้องเปลี่ยนหมายเลข (1) ที่อยู่หน้าคำว่า Partition ทั้งสองบรรทัดใน boot.ini ให้เป็นไปตามจำนวน Partitions ของเครื่องนั้นๆ เช่นถ้าเป็นเครื่อง XP ยี่ห้อจะเป็น (2) partition แต่ถ้าเป็นเครื่อง IBM สีดำจะมี Partition เดียว (ใช้ (1) Partition)
การซ่อมแซมไฟล์บู๊ตที่หายไป
(How to Repair the Boot Sector)
1. เมื่อเครื่องมีปัญหา ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ขึ้นคำว่า "NTLDR Missing, Please press ctrl+alt+del to restart computer" ให้ใส่ Disk แผ่นที่ 1 พร้อมกดปุ่ม ctrl+alt+del หลังจากนั้นเครื่องจะให้ใส่แผ่นที่เหลือจนครบทั้ง 6 แผ่น และให้ใส่แผ่นที่ 6 ค้างไว้ก่อน
2. เมื่อหน้าจอขึ้นคำว่า "Windows XP Professional Setup" ให้หาคำว่า To repair a Windows XP installation using Recovery Console, press R. ก็ให้กดที่ตัวอักษร R
3. เมื่อหน้าจอขึ้นคำว่า Microsoft Windows XP (TM) Recovery Console..........Which windows installation would you like log on to ให้กดที่ Num Lock จนติดไฟ แล้วกดหมายเลข 1 แล้วกด Enter
4. ถ้าเครื่องให้ Type the Administrater password: ให้กด Enter
5. ที่ c:\windows> ให้พิมพ์คำว่า cd เว้นวรรคหนึ่งตัวอักษร แล้วพิมพ์จุดสองจุด จากนั้นให้กด Enter
6. นำแผ่นบู๊ตแผ่นที่ 6 ออก แล้วให้ใส่แผ่นdiskอีกแผ่นที่มีไฟล์ boot.ini , ntldr และ ntdetec.com ตามที่เคยกล่าวไว้แล้วในข้อ 4 ของขั้นตอนการเตรียมแผ่นบู๊ต
7. ที่ c:\> ให้พิมพ์คำว่า copy a:boot.ini แล้วกด Enter
8. หลังจากที่ไฟล์ boot.ini ได้บันทึกลงที่ไดรฟ์ C: ของเครื่องแล้ว ที่ c:\> ให้พิมพ์คำว่า copy a:ntldri แล้วกด Enter
9. หลังจากที่ไฟล์ ntldr ได้บันทึกลงที่ไดรฟ์ C: ของเครื่องแล้ว ที่ c:\> ให้พิมพ์คำว่า copy a:ntdetect.com แล้วกด Enter
10. หลังจากที่ไฟล์ ntdetect.com ได้บันทึกลงที่ไดรฟ์ C: ของเครื่องแล้ว ที่ c:\> ให้พิมพ์คำว่า exit จากนั้นให้นำแผ่น Disk ออกจากเครื่อง แล้วกด Enter
11. หากท่านได้ทำตามคำแนะนำตั้งแต่ต้นจนจบ เครื่อง XP จะบู๊ตได้ตามปกติ
เนื่องจากทางไมโครซอฟต์ได้ผลิตระบบปฎิบัติการมาหลายๆรุ่น แต่ละรุ่นแม้จะใช้นักวิจัยและโปรแกรมเมอร์มากมายและเก่งกาจเพียงใด ระบบปฏิบัตการ (Operation System) นั้นๆก็ยังมีช่องว่าง (Bugs) ให้แฮกเกอร์ค้นหาได้เสมอ เข้าทำนองความผิดของผู้อื่นเท่าภูเขา ความผิดของเราเท่าเส้นผม หรือจะเป็นเพราะทางไมโครซอฟต์รีบร้อนในการผลิตเพื่อป้อนสู่ตลาด จนทำให้เกิดความผิดพลาดในโปรแกรม เมื่อผู้ใช้ใช้ไปซักพัก จึงจะเกิดปัญหาเหล่านี้ เข้าทำนองช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวปิด ปิดยังไงก็ยังมีกลิ่นเหม็น
หนึ่งในระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ๆที่ออกมาใช้ คือ Windows XP Professional ก็มีรายงานว่าเมื่อนำไปใช้ร่วมกับโปรแกรมอื่นๆ ก็เกิดความผิดพลาดเกิดขึ้นในหลายๆด้านได้เช่นกัน ซึ่งปัญหาที่หลายๆคนประสบอยู่ในขณะนี้คือปัญหา "NTLDR Missing" และเครื่องขอร้องให้ผู้ใช้กดปุ่มรีสตาร์ทเครื่องใหม่ (Please Press Ctrl+Alt+Del To Restart)
ปัญหานี้เท่าที่ค้นหาจากกระทู้ทาง Internet ทราบว่าเป็นกันทั่วโลก ไม่ได้เป็นเพราะที่กฤษฎีการใช้ระบบ KSDK Office อย่างเดียว ซึ่งเกิดจากการชนกันของไฟล์ที่ใช้ในการทำงานร่วมกันของโปรแกรม ตลอดจนการแทนที่ของไฟล์เหล่านั้น ทำให้ไฟล์ที่ชื่อ "NTLDR" ที่เป็นไฟล์ที่ใช้ในการริเริ่มระบบปฏิบัติการของ Windows XP หายไป จนไม่สามารถเริ่ม (Boot) ระบบปฏิบัติการ XP ได้
ซึ่งหากได้ศึกษาวิธีการแก้ไขที่ถูกต้องแล้ว จะทำให้สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ด้วยตัวของท่านเอง ก็จะทำให้เกิดความสะดวกในการทำงานมากยิ่งขึ้น และจะก่อให้เกิดความมั่นใจในการแก้ปัญหาอื่นๆ เมื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณเสียหายเล็กๆน้อยๆได้
และต่อไปจะกล่าวถึงวิธีการสร้างแผ่น Boot และการซ่อมแซมไฟล์ที่หายไป เพื่อท่านผู้อ่านจะได้นำไปแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้
การเตรียมแผ่นบู๊ตสำหรับ Window XP
(How To Create a Set of Emergency Floppies)
1. ก่อนอื่นให้ไปดาวน์โหลดไฟล์ที่ใช้ทำแผ่นบู๊ต 6 แผ่น จาก Link ข้างล่างนี่ก่อน
http://www.microsoft.com/downloads/details.aspx?displaylang=en&FamilyID=55820EDB-5039-4955-BCB7-4FED408EA73F
รายละเอียดของไฟล์มีดังนี้
File Name: WinXP_EN_PRO_BF.EXE
Download Size: 4287 KB
Date Published: 10/24/2001
Version: 310994
2. ในหน้านี้ทางขวาของหน้าจอ เราจะพบคำว่า Windows XP Professional Utility: Setup Disks for Floppy Boot Install English ให้กดที่ Download
3. ดาวน์โหลดมาแล้วจัดการคลายลงแผ่น Disk ทั้ง 6 แผ่น และให้ทำเครื่องหมายว่าเป็นแผ่นที่เท่าใดไว้ด้วย
4. ให้หาไฟล์ที่ชื่อ boot.ini , ntldr และ ntdetect.com มา Copy ใส่ไว้ใน Disk โดยหาได้จาก Drive C: หรือใน C:\WINDOWS ของ Window XP ทุกเครื่อง หรือถ้าไม่มีให้มาขอ Copy ได้จากเจ้าหน้าที่ศูนย์สารสนเทศได้ทุกท่าน
5. มีข้อสังเกตสำหรับเครื่องที่มีการแบ่ง Partition ตั้งแต่สองส่วนขึ้นไป คือต้องเปลี่ยนหมายเลข (1) ที่อยู่หน้าคำว่า Partition ทั้งสองบรรทัดใน boot.ini ให้เป็นไปตามจำนวน Partitions ของเครื่องนั้นๆ เช่นถ้าเป็นเครื่อง XP ยี่ห้อจะเป็น (2) partition แต่ถ้าเป็นเครื่อง IBM สีดำจะมี Partition เดียว (ใช้ (1) Partition)
การซ่อมแซมไฟล์บู๊ตที่หายไป
(How to Repair the Boot Sector)
1. เมื่อเครื่องมีปัญหา ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ขึ้นคำว่า "NTLDR Missing, Please press ctrl+alt+del to restart computer" ให้ใส่ Disk แผ่นที่ 1 พร้อมกดปุ่ม ctrl+alt+del หลังจากนั้นเครื่องจะให้ใส่แผ่นที่เหลือจนครบทั้ง 6 แผ่น และให้ใส่แผ่นที่ 6 ค้างไว้ก่อน
2. เมื่อหน้าจอขึ้นคำว่า "Windows XP Professional Setup" ให้หาคำว่า To repair a Windows XP installation using Recovery Console, press R. ก็ให้กดที่ตัวอักษร R
3. เมื่อหน้าจอขึ้นคำว่า Microsoft Windows XP (TM) Recovery Console..........Which windows installation would you like log on to ให้กดที่ Num Lock จนติดไฟ แล้วกดหมายเลข 1 แล้วกด Enter
4. ถ้าเครื่องให้ Type the Administrater password: ให้กด Enter
5. ที่ c:\windows> ให้พิมพ์คำว่า cd เว้นวรรคหนึ่งตัวอักษร แล้วพิมพ์จุดสองจุด จากนั้นให้กด Enter
6. นำแผ่นบู๊ตแผ่นที่ 6 ออก แล้วให้ใส่แผ่นdiskอีกแผ่นที่มีไฟล์ boot.ini , ntldr และ ntdetec.com ตามที่เคยกล่าวไว้แล้วในข้อ 4 ของขั้นตอนการเตรียมแผ่นบู๊ต
7. ที่ c:\> ให้พิมพ์คำว่า copy a:boot.ini แล้วกด Enter
8. หลังจากที่ไฟล์ boot.ini ได้บันทึกลงที่ไดรฟ์ C: ของเครื่องแล้ว ที่ c:\> ให้พิมพ์คำว่า copy a:ntldri แล้วกด Enter
9. หลังจากที่ไฟล์ ntldr ได้บันทึกลงที่ไดรฟ์ C: ของเครื่องแล้ว ที่ c:\> ให้พิมพ์คำว่า copy a:ntdetect.com แล้วกด Enter
10. หลังจากที่ไฟล์ ntdetect.com ได้บันทึกลงที่ไดรฟ์ C: ของเครื่องแล้ว ที่ c:\> ให้พิมพ์คำว่า exit จากนั้นให้นำแผ่น Disk ออกจากเครื่อง แล้วกด Enter
11. หากท่านได้ทำตามคำแนะนำตั้งแต่ต้นจนจบ เครื่อง XP จะบู๊ตได้ตามปกติ
เปิด service ของ Windows Fiewall ไม่ได้
เปิด service ของ Windows Fiewall ไม่ได้
ซึ่งอาจจะมีผลทำให้เรา ping หาเครื่อง ๆ นั้นไม่เจอ
วิธีแก้ไข ให้ทำการ Rebuilding the WMI Repository มีดังนี้
========================================
สำหรับ Windows XP Service Pack 2
คลิ๊ก Start, Run แล้วพิมพ์คำสั่ง
• rundll32 wbemupgd, UpgradeRepository
------------------------
สำหรับ Windows Server 2003
คลิ๊ก Start, Run แล้วพิมพ์คำสั่ง
• rundll32 wbemupgd, RepairWMISetup
------------------------
สำหรับ Windows versions อื่น ๆ
คลิ๊ก Start, Run แล้วพิมพ์คำสั่ง CMD.EXE กด Enter เข้า command prompt
พิมพ์คำสั่ง
• net stop winmgmt
เปิด Windows Explorer, เพื่อเปลี่ยนโฟลเดอร์ %windir%\System32\Wbem\Repository. (ยกตัวอย่างเช่น, %windir%\System32\Wbem\Repository_bad.). %windir% ใช้แทน path ไปยังไดเร็คทอรี่ของ Windows , ซึ่งมักจะเป็น C:\Windows.
กลับไปที่หน้าต่าง Command Prompt , แล้วพิมพ์คำสั่งด้านล่างแล้วกด Enter ทีละคำสั่ง
• net start winmgmt
• EXIT
ทีนี้กลับไปที่ Control Panel ท่านก็จะสามารถเปิด service ของ Windows Firewall ได้แล้วครับ
*******************************************************
วิธีที่ 2
ขั้นตอน
1. คลิ๊ก Start
2. เลือก Run
3. พิมพ์ cmd กด OK
4. ที่ command prompt ที่จะขึ้นมา
5. พิมพ์ netsh winsock reset
6. กด Enter รอจนโปรแกรมดำเนินการเสร็จ จะได้รับรายงานว่า
"Successfully reset the Winsock Catalog. You must restart the machine in order to complete the reset."
7. restart Computer 1 ครั้งครับ
ซึ่งอาจจะมีผลทำให้เรา ping หาเครื่อง ๆ นั้นไม่เจอ
วิธีแก้ไข ให้ทำการ Rebuilding the WMI Repository มีดังนี้
========================================
สำหรับ Windows XP Service Pack 2
คลิ๊ก Start, Run แล้วพิมพ์คำสั่ง
• rundll32 wbemupgd, UpgradeRepository
------------------------
สำหรับ Windows Server 2003
คลิ๊ก Start, Run แล้วพิมพ์คำสั่ง
• rundll32 wbemupgd, RepairWMISetup
------------------------
สำหรับ Windows versions อื่น ๆ
คลิ๊ก Start, Run แล้วพิมพ์คำสั่ง CMD.EXE กด Enter เข้า command prompt
พิมพ์คำสั่ง
• net stop winmgmt
เปิด Windows Explorer, เพื่อเปลี่ยนโฟลเดอร์ %windir%\System32\Wbem\Repository. (ยกตัวอย่างเช่น, %windir%\System32\Wbem\Repository_bad.). %windir% ใช้แทน path ไปยังไดเร็คทอรี่ของ Windows , ซึ่งมักจะเป็น C:\Windows.
กลับไปที่หน้าต่าง Command Prompt , แล้วพิมพ์คำสั่งด้านล่างแล้วกด Enter ทีละคำสั่ง
• net start winmgmt
• EXIT
ทีนี้กลับไปที่ Control Panel ท่านก็จะสามารถเปิด service ของ Windows Firewall ได้แล้วครับ
*******************************************************
วิธีที่ 2
ขั้นตอน
1. คลิ๊ก Start
2. เลือก Run
3. พิมพ์ cmd กด OK
4. ที่ command prompt ที่จะขึ้นมา
5. พิมพ์ netsh winsock reset
6. กด Enter รอจนโปรแกรมดำเนินการเสร็จ จะได้รับรายงานว่า
"Successfully reset the Winsock Catalog. You must restart the machine in order to complete the reset."
7. restart Computer 1 ครั้งครับ
ปิด Screen Server win 7
ไปที่ control Panel >> Power Options > choose when to turn off the display > never
ปัญหาคอมเปิดไม่ติด
กลุ่มอาการเสียของคอมพิวเตอร์
ลักษณะอาการเสียของเครื่องคอมพิวเตอร์ เราสามารถแบ่งได้เป็น 5 กลุ่มอาการ ดังนั้นในการตรวจหาสาเหตุของอาการเสีย ก็ให้ดูว่าเป็นอาการเสียที่อยู่ในกลุ่มใดดังนี้
1. ตรวจสอบอาการเสียของเครื่องจากเสียง Beep Code
ทุก ๆ ครั้งที่คุณเปิดใช้งานเครื่องครั้งแรก ก็จะได้ยินเสียง ปี๊ป ดังสั้น ๆ 1 ครั้ง แล้วเครื่องก็จะทำงานต่อตามปกติ แต่ถ้าเมื่อไรที่คุณได้ยินสียงมากกว่า 1 ครั้ง หรือมีเสียงดังยาว ๆ จากนั้นเครื่องก็หยุดนิ่ง ก็ทำใจไว้ได้เลยว่าเครื่องของคุณมีปัญหาแล้ว เมื่อคุณเจออาการแบบนี้ให้รีบปิดเครื่องทันที เพราะตราบใดที่เครื่องยังไม่ได้รับการแก้ไข ก็จะไม่สามารถใช้งานเครื่องได้จนกว่าจะแก้ปัญหาเสียก่อน เสียงปี๊ปที่เราได้ยินนี้จะถูกเรียกว่า Beep Code ซึ่งจะมีจำนวนครั้งไม่เท่ากัน และมีเสียงดังสั้นบ้างยาวบ้าง ลักษณะของเสียงที่แตกต่างกันนี้เองที่บอกเราว่า อุปกรณ์ชิ้นไหนมีปัญหา ดังนั้นถ้าเจอปัญหาลักษณะนี้ก็ต้องลองฟังให้ดีว่า ดังกี่ครั้ง สั้นยาวแบบไหน แล้วนำไปเทียบดูในตารางไบอสตามยี่ห้อของไบออส เพื่อจะรุ้ว่าอะไรคือต้นเหตุ แล้วจะได้หาทงแก้ไขต่อไป
2. ตรวจสอบอาการเสียของเครื่องโดยดูจากข้อความที่แจ้งบนหน้าจอ
การแจ้งปัญหาหรือความผิดปกติที่เครื่องตรวจพบด้วยข้อความบนหน้าจอ ซึ่งเราเรียกว่า Message Error นับป็นการแจ้งปัญหาอีกแบบหนึ่งที่มีประโยชน์ เพราะเราสามรถรู้ปัญหาได้ทันทีว่าอปกรณ์ตัวไหนทำงานผิดปกติ หรือไม่ก็รู้ว่าการทำงานส่วนใดมีปัญหา ซึ่งจะนำไปสู่แนวทางในการแก้ปัญหาที่ง่ายขึ่น ตัวอย่างของข้อความที่ปรากฎให้เห็นบนหน้าจอบ่อย ๆ อย่างเช่น
CMOS checksum Error
CMOS BATTERY State Low
HDD Controller Failure
Diskplay switch not proper
ดังนั้นถ้าคุณพบว่าเครื่องได้แจ้งปัญหาให้ทราบก็ให้รับหาทางแก้ไขโดยด่วน แต่ถ้าไม่สามารถแก้ไขได้ก็ให้จดข้อความบนหน้าจอไว้ เพื่อเอาไว้สอบถามผู้ที่สามารถให้คำแนะนำได้หรือเอาไวให้ช่างที่ร้านซ่อมดูก็ได้ เพื่อให้การตรวจซ่อมทำได้เร็วขึ้น
3. ตรวจสอบอาการเสียโดยดูจากความผิดปกติของเครื่องที่สามารถสังเกตุ
วิธีนี้คงต้องใช้ทักษะ ความรู้ และความชำนาญมากกว่า 2 แบบแรก เพราะจะเป็นอาการที่เครื่องไม่ได้มีอะไรแจ้งให้เราทราบเลยว่าอุปกรณ์ชิ้นไหนมีปัญหาหรือเสียหาย มีแต่ความผิดปกติที่เราสามารถสังเกตุได้ทางกายภาพ อย่างเช่น เปิดสวิตซ์แล้วไฟไม่ติด , เสียบปลั๊กแล้วเครื่องก็เปิดทันที , เปิดใช้เครื่องได้ไม่ถึง 5 นาที ระบบก็ล่ม เป็นต้น จะเห็นว่าอาการดังกล่าวนี้เครื่องไม่ได้แจ้งอะไรให้เราทราบเลยนอกจากอาการผิดปกติที่เรารับรู้ได้ ดังนั้นในการแก้ปัญหาในลักษณะนี้จึงจะต้องอาศัยผู้ที่มีประสบการณ์หรือช่างผู้ชำนาญ จึงจะสามารถวิเคราะห์ตรวบสอบ และทำการซ่อมแซมแก้ปัญหาได้
4. ตรวจสอบอาการเสียที่เราสามารถระบุอุปกรณ์ได้เลย
ปัญหาแบบนี้จะเป็นกับอุปกรณ์ที่เราใช้อยุ่เป็นประจำแต่ถ้าอยุ่ ๆ ไม่สามารถทำงาน หรือทำงานได้ไม่ดี เราก็รู้ได้ทันทีว่าอะไรเสีย อย่างเช่น ไดรว์ซีดีรอมไม่ทำงาน ภาพบนจอสั่นหรือกระพริบ ไดรว์ A ไม่ยอมอ่านแผ่น เป็นต้น จะเห็นว่าเป็นปัญหาที่เกิดจากความผิดปกติของอุปกรณ์ชิ้นนั้น ๆ โดยตรง การตรวจสอบหรือตรวจเช็คจึงทำได้ง่าย ไม่ยุ่งยากเหมือน 3 แบบที่ผ่านมา
5. ตรวจสอบอาการเสียที่เกิดจากการอัพเกรดอุปกรณ์ ไปจนถึงการปรับแต่งเครื่อง
สิ่งที่ทำให้เครื่องเกิดปัญหาอีกอย่างก็คือ การเพิ่มเติม ปรับเปลี่ยนหรือปรับแต่งอุปกรณ์บางตัวก็ทำไห้เกิดปัญหาได้อีกเหมือนกัน เช่น อัพเกรดแรมแล้วเครื่องแฮงค์ Overclock ซีพียูจนไหม้ , ปรับ BOIS แล้วเครื่องรวน เป็นต้น จะเห็นว่าในสภาพเครื่องก่อนกระทำใด ๆ ยังทำงานได้ปกติอยุ่ แต่หลังจากที่มีการอัพเกรดหรือปรับแต่งเครื่องแล้วก็มีปัญหาตามมาทันที แล้วคุณจะทำอย่างไร ????? บีคอมมีคำตอบให้คุณ
ฮาร์ดดิสก์บูตไม่ขึ้น
จริงแล้วสาเหตุที่ฮาร์ดดิสก์บูตไม่ขึ้นนั้นหลายครั้งมักเกิดจากความผิดพลาดทางด้านซอฟต์แวร์ ส่วนสาเหตุทางด้านฮาร์ดแวร์นั้นส่วนใหญ่มักเกิดจากฮาร์ดดิสก์มีแบดเซ็กเตอร์เป็นจำนวนมาก หรือเกิด แบดเซ็กเตอร์บริเวณพื้นที่ที่เก็บข้อมูลสำคัญของฮาร์ดดิสก์จึงทำให้ฮาร์ดดิสก์ไม่สามารถบูตขึ้นมาได้ โดยจะแสดงอาการเงียบไปเฉยๆ หลังจากที่บูตเครื่องขึ้นมาแล้ว หรืออาจฟ้องขึ้นมาว่า No Boot Device หรือ Disk Boot failure Please insert system disk and please anykey to continue
สำหรับวิธีแก้ไขนั้น ให้เราทำการตรวจสอบแบดเซ็กเตอร์โดยอาจบูตเครื่องขึ้นมาด้วยแผ่นบูตแล้วใช้ คำสั่ง Scandisk หรือโปรแกรม Norton Disk Doctor เวอร์ชั่นดอสตรวจสอบแบ็ดเซ็กเตอร์และซ่อมแซมดูก่อน หากมีแบดเซ็กเตอร์มากก็อาจไม่หาย หนทางสุดท้ายคือทำ Fdisk แบ่งพาร์ทิชั่นใหม่แล้วพยายามกันส่วนที่เป็นแบดเซ็กเตอร์ออกไป
บางครั้งสาเหตุที่ฮาร์ดดิสก์บูตไม่ขึ้น นิ่งเงียบไปเฉยๆ อาจเกิดจากแผ่น PCB ( แผ่นวงจรด้านล่างของฮาร์ดดิสก์ ) เกิดการช็อต วิธีแก้ไขคือให้นำฮาร์ดดิสก์รุ่นเดียวกัน สเป็คเหมือนกันมาถอดเปลี่ยนแผ่น PCB ก็จะทำให้ฮาร์ดดิสก์ตัวที่ช็อตกลับมาทำงานได้เหมือนเดิม
หากต้องการกู้ข้อมูลที่สำคัญกลับมาไม่ควรใช้คำสั่ง Fdisk เด็ดขาดเพราะจะทำให้ข้อมูลที่อยู่ภายในฮาร์ดดิสก์ให้เกลี้ยงไปหมด ในที่นี้แนะนำให้ใช้โปรแกรม Spinrite ในการกู้ข้อมูลสำคัญๆ ซึ่งโปรแกรมนี้เป็นโปรแกรมที่ถูกสร้างมาเพื่อกู้ข้อมูลภายในฮาร์ดดิสก์โดยเฉพาะ
--------------------------------------------------------------------------------
ปัญหาที่เกิดจากซีพียู ซีพียูเป็นอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีในการผลิตค่อนข้างสูงภายในมีรายละเอียดซับซ้อนโดยจะมีทรานซิสเตอร์ตัวเล็กๆ อยู่รวมกันนับล้านๆ ตัวทำให้หากมีปัญหาที่เกิดจากซีพียูแล้วโอกาสที่จะซ่อมแซมกลับคืนให้เป็นเหมือนเดิมนั้นเป็นไปไม่ได้เลย ช่างคอมพิวเตอร์เมื่อพบสาเหตุอาการเสียที่เกิดจากซีพียูแล้วก็ต้องเปลี่ยนตัวใหม่สถานเดียว
ปัญหาที่เกิดขึ้นกับซีพียูส่วนใหญ่แล้วจะมีเพียง 2 อาการที่ช่างคอมพิวเตอร์พบได้บ่อยๆ อาการแรกคือ ทำให้เครื่องแฮงค์เป็นประจำ และอาการที่สองคือวูบหายไปเฉยๆ โดยที่ทุกอย่างปกติ เช่นมีไฟเข้า พัดลมหมุน แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นบนหน้าจอ สาเหตุส่วนใหญ่มักจะเกิดจากซีพียูมีความร้อนมากเกินไปจนเมื่อถึงจุดๆ หนึ่งก็เดี้ยงไปแบบไม่บอกไม่กล่าว เลย สำหรับวิธีแก้ปัญหาก็คือต้องส่งเคลมสถานเดียว
--------------------------------------------------------------------------------
RAM หายไปไหน Spec 128 MB. ทำไม Windows บอกว่ามีแรมแค่ 96MB. เอง
อาการของ RAM หายไปดื้อ ๆ จะเกิดกับการใช้เมนบอร์ดรุ่นที่มี VGA on board นะครับ ที่จริงก็ไม่ได้หายไปไหนหรอก เพียงแต่ส่วนหนึ่งของ RAM จะถูกนำไปใช้กับ VGA ครับและขนาดที่จะ โดนนำไปใช้ก็อาจจะเป็น 2M, 4M, 8M ไปจนถึง 128M. ก็ได้ขึ้นอยู่กับการตั้งใน BIOS ครับ
--------------------------------------------------------------------------------
"Insert System Disk and Press Enter"
อยู่ ๆ ผมไม่สามารถบูตเข้าสู่วินโดวส์ได้ ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น โดยจะขึ้นข้อความว่า "Insert System Disk and Press Enter" ทั้ง ๆ ที่ผมไม่ได้ทำการปรับแต่งวินโดวส์ เลย
ปัญหานี้เกิดจากบู๊ตเครื่องโดยมีแผ่นดิสก์ที่ไม่มี OS หรือระบบปฎิบัติการอยู่ในไดรว์ A ซึ่งขั้นตอนแก้ปัญหาก็ให้เอา แผ่นไดรว์ A ออกจากนั้นก็กดปุ่ม Enter เพียงเท่านี้ก็สามารถเข้าวินโดวส์ได้แล้ว
--------------------------------------------------------------------------------
ไดรว์ซีดีรอม อ่านแผ่นได้บ้างไม่ได้บ้าง หาแผ่นไม่เจอ แก้ปัญหาอย่างไร
ปัญหานี้มักจะไม่เกิดกับไดรว์ซีดีรอมตัวใหม่ ๆ ครับ แต่ส่วนใหญ่จะเกิดกับไดรว์ซีดีรอมที่มีการใช้งาน มานานแล้ว หรือประมาณ 1 ปีขึ้นไป และสาเหตุที่เห็นกันบ่อยก็คือหัวอ่านสกปรก ส่วนใหญ่จะเป็นพวกฝุ่น เข้าไปกับแผ่นซีดี แล้วเราก็นำมันเข้าไปอ่านในไดรว์ ฝุ่นก็เลยเข้าไปติดที่หัวอ่าน พอสะสมมาก ๆ เข้าก็เลย ทำให้เกิด อาการดังกล่าว อ่านแผ่นไม่ได้บ้างละ หาแผ่นไม่เจอบ้างละ วิธีการแก้ไขก็คือทำความสะอาดหัวอ่าน โดยใช้แผ่นซีดีที่ไว้สำหรับทำความสะอาดหัวอ่าน ที่มีขายอยู่ตามร้านคอมพิวเตอร์ทั่วไปมาใช้ รับรองอาการดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน
--------------------------------------------------------------------------------
ปัญหาของซีดีออดิโอ
ถ้าคุณเล่นซีดีออดิโอใน CD Writer แล้ว Windows Media หรือ CD Playar แสดงข้อความ "Please insert an audio compact disk" หรือ Data or no disk loaded อาจมีสาเหตุมาจากไดรเวอร์ วิธีแก้คือ ให้เปิด Control Panel เลือก Sound &Multimedia คลิก Devices ดับเบิลคลิก ที่ Media Control Devices และ CD Audio Devices (Media Control) คลิก Remove และ Yes คลิก OK เพื่อปิด หน้าต่างทั้งหมดและบูตเครื่องใหม่
--------------------------------------------------------------------------------
อะไรคือสาเหตุ ที่ทำให้แผ่น CD-ROM เล่นเพลงจนแผ่นแตก
กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปแล้วครับ เรื่องไดรว์ CD-ROM ทำแผ่นแตก ซึ่งสาเหตุก็เป็นเพราะไดรว์ ที่ผลิตในปัจจุบันมีความเร็วสูง ทำให้เมื่ออ่านแผ่นที่มีคุณภาพต่ำหรือแผ่นที่มีรอยขีดข่วนลึก ๆ ก็ทำให้เกิดสะดุดเป็นผล ทำให้แผ่นแตก ซึ่งปัญหานี้เราจะไม่พบในไดรว์รุ่นเก่า ๆ เลย ทางแก้ก็คือหลีกเลี่ยงการใช้แผ่นที่มีคุณภาพต่ำ หรือแผ่นที่เป็นรอยมาก ๆ
--------------------------------------------------------------------------------
แบตเตอรี่เสื่อมทำอะไรกับเครื่องคุณได้บ้าง
บางครั้งเมื่อเราเปิดเครื่องคอมฯ ขึ้นมาปรากฎว่าเจอกับข้อความ "CMOS CHECKSUM ERROR" หรือไม่เมื่อเราใช้เครื่องคอมฯ ไปเรื่อย ๆ จะสังเกตุเห็นว่านาฬิกาของเครื่องดูเหมือนจะเดินช้าลงนั่น แสดงให้เห็นว่าแบตเตอรี่ที่อยู่ในเมนบอร์ดของเรากำลังจะหมด และถ้ายังคงใช้งานต่อไปโดยไม่หา แบตเตอรี่มาเปลี่ยนก็จะทำให้ค่าต่าง ๆ ที่ตั้งไว้ใน BIOS SETUP หายไปได้ อย่างเช่นค่าของ ฮาร์ดดิสก์ว่า เป็นชนิดอะไร ทำให้เมื่อเปิดเครื่องขึ้นมาใหม่ เราจะต้องตั้งค่าเหล่านี้ใหม่ทุกครั้ง
--------------------------------------------------------------------------------
"Bad or Missing Interpreter" มันคืออะไร
ปัญหาลักษณะนี้จะเกิดจากไฟล์ Command.com นั้นเกิดความเสียหาย หรือถูกลบทิ้งไป ซึ่งทางแก้ไขก็คือให้คุณทำการ ก๊อปปี้ไฟล์ Command.com จากเครื่องอื่น ซึ่งต้องเป็นวินโดวส์รุ่นเดียวกัน หรือจากแผ่น Start Up ดิสก์ที่สร้างจากเครื่อง คุณก็ได้ โดยเมื่อก๊อปปี้ไฟล์ได้แล้วก็ให้ใส่แผ่นในไดรว์ A แล้วเข้าไปที่ A : Promt จากนั้นก็พิมพ์คำสั่ง copy a:\command.com c: เพียงเท่านี้ก็สามารถใช้งานคอมได้เป็นปกติ
--------------------------------------------------------------------------------
"8042 GATE-A20 Error" มันคืออะไร
หากว่าพบข้อความ 8042 GATE-A20 Error ปรากฎขึ้นมา นั่นแสดงว่าชิปที่ควบคุมการทำงานของแป้นพิมพ์บนเมนบอร์ด มีปัญหาหรืออาจเกิดจากปลั๊กเสียบไม่แน่น ให้คุณทำการปิดเครื่องแล้วลองขยับปลั๊กให้แน่นขึ้นดู หากยังไม่หายนั้นแสดง ว่าเมนบอร์ดของคุณมีปัญหาแล้ว ควรที่จะยกไปให้ซ่อมหรือไปเปลี่ยนกับทางร้านที่คุณซื้อมา (ถ้ายังมีประกัน)
--------------------------------------------------------------------------------
ทำไมเสียงไม่สามารถแสดงออกมาพร้อมกัน 2 เสียงได้
โดยทั่วไปแล้วการ์ดเสียงส่วนใหญ่จะสามารถทำได้อยู่ ปัญหาน่าจะเกิดมาจากการ์ดเสียงหรือว่าโปรแกรม DirectX ซึ่งการแก้ไขก็ให้คุณลองนำการ์ด เสียงตัวที่คุณใช้แล้วมีปัญหา ไปลองกับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ ดู หรือลองอัพเดต โปรแกรม DirectX ให้สูงกว่าเวอร์ชั่น 6 ถ้าหากไม่หายแสดงว่าการ์ดเสียงของคุณมีปัญหา แล้วละครั
Disk Boot Failure
สาเหตุอาจเกิดจาก
เกิดจากคุณอาจลืมแผ่นดิสที่บูทไม่ได้ไว้ในไดร์ฟ A: หรือ แผ่น CD ไว้ในไดร์ฟ CD (กรณีตั้งซีมอสให้บูทที่ซีดีได้) หรือเกิดจากฮาร์ดดิสที่เป็นตัวบูท C: ไม่สามารถใช้งาน ได้หรือมีการเปลี่ยนแปลงค่าในซีมอสทำให้ไม่ตรงรุ่นของฮาร์ดิส
การแก้ปัญหา
1. ตัว Harddisk มีจานแม่เหล็กที่มีผิวเสียหายมากไม่สามรถใช้งานได้อีกต่อไป
2. ขณะที่ทำการ Scandisk ใช้เวลานานหลายชั่วโมงหรือพบพื้นที่เสียหายมากและต่อเนื่องให้ยกเลิกไปทำการ Format แทน (แต่โอกาสที่จะใช้ได้มีน้อยมากเนื่องจากผิวจานแม่เหล็กเสียหายมาก)
3. ตัวควบคุม Harddisk หรือสายแพรที่ใช้ต่อ Harddisk กับ Controler บน MainBoard เสียหรือเสื่อมสภาพ (จะมีโอกาสเกิดน้อยกว่าความเสียหายบนตัว Harddisk เอง) หลังจากทำตามขั้นตอนต่างๆ แล้วยังเกิดอาการดังกล่าวอีกให้ทำการ Format Harddisk ตัวนี้ โดยทำดังนี้
1. Boot เครื่องด้วยแผ่น Startup Disk
2. เรียกคำสั่ง Format แบบเต็ม (Full Format) ดังนี้ โดยพิมพ์คำสั่งที่เอพร้อม a:/format c:/s และกด Enter และ ตอบ y และ Enter
3. ในขณะที่ทำการ Format โปรแกรมจะทำการตรวจสอบพื้นผิวของจานแม่เหล็กถ้าพบจุดเสียที่ใดก็จะทำการบันทึก ไว้ในตาราง FAT ของตัว Harddisk เพื่อไม่ให้โปรแกรม อื่นๆ นำพื้นที่นี้ไปใช้ได้อีก (จุดที่เสียจะเรียกว่า BAD Sector)
4. จากนั้นก็สามารถนำไปลง OS Program ต่อไปได้
5. หากยังเกิดอาการดังกล่าวอีกแนะนำให้เปลี่ยนตัว Harddisk ครับ คงจะไม่ไหวแล้วจริงๆ
--------------------------------------------------------------------------------
Harddisk ไม่ทำงาน (ไม่มีเสียง Motor หมุน)
สาเหตุอาจเกิดจาก
1. เกิดจากไม่มีไฟเลี้ยงตัว Mortor และวงจรควบคุมตัว Mortor
2. ตัวควบคุมการทำงาน (Controler) บนตัว Harddisk เสียหาย
3. สายบางเส้นที่ต่อจาก Harddisk กับตัวควบคุมบน Mainboard หลวมหรือหลุดหรือเกิดสนิม
การแก้ปัญหา
1. ตรวจสอบสายต่อไฟเลี้ยงดูว่าแน่นหรือเกิดสนิมหรือเปล่า โดยการถอดออกมาแล้วตรวจดูว่าเป็นปกติหรือไม่ แล้วเสียบกลับเข้าไปใหม่
2. เปลี่ยนสายไฟเลี้ยงที่ต่อให้กับตัว Harddisk เส้นใหม่ดูว่าใช้งานได้หรือเปล่า
3. ทดลองเปลี่ยนสายแพร หรือถอดออกดูก่อนแล้วเปิดเครื่องเพื่อดูว่าทำงานได้หรือเปล่า
4. อาจลองนำเอาสายไฟเลี้ยงที่ต่อให้กับ CD-ROM Drive มาต่อดูก็จะรู้ได้ว่าสายจ่ายไฟเลี้ยงเสียหรือเปล่า
--------------------------------------------------------------------------------
Sector not fond error reading in drive C:
สาเหตุอาจเกิดจาก
1. ปัญหานี้จะคล้ายกับอาการ Data error reading in drive C: หรือ BAD Sector แต่ส่วนที่เกิดปัญหานี้จะเกิดกับส่วนของ File Allocation Table (FAT) ไม่ใช่ที่ตัวพื้นที่เก็บข้อมูลจริง
2. ส่วนของฮาร์ดดิสที่ใช้ในการเก็บข้อมูลของ FAT มีปัญหาเช่นเกิดการเสื่อมของสารแม่เหล็กหรือเกิดรอยที่ผิวของจานแม่เหล็ก เนื่องจากหมดอายุการใช้งาน
การแก้ปัญหา
1. ทำเช่นเดียวกับปัญหา BAD Sector แต่ในส่วนโหมดของการ Scan ให้เลือกเป็นแบบ Standard ก็พอ โดยโปรแกรมจะทำการตรวจในส่วนของ File Allocation Table (FAT) และ Folders และเมื่อโปรแกรมตรวจพบข้อผิดพลาดก็จะทำการซ่อมแซมค่าที่ผิดพลาดนั้นๆ ให้กลับเป็นปกติ หรืออาจบันทึกเป็นชื่ออื่นแต่ตัวข้อมูลจะยังอยู่ซึ่งเราต้องเข้าไปแก้ไขเองอีกครั้ง ซึ่งปัญหาที่มักจะเกิดก็ได้แก่ Cross link, Folders error ที่เกิดขึ้นในตาราง FAT ซึ่ง Files ที่มักจะสร้างปัญหาบ่อยๆ ก็ได้แก่ประเภทที่มีส่วนขยายเป็น TMP ซึ่งมักจะถูกเก็บอยู่ที่โฟเดอร์ชื่อ TEMP (c:\windows\temp) ซึ่ง Files เหล่านี้ จะถูกสร้างจากโปรแกรมประยุกต์ต่างๆ เช่น โปรแกรมเวิร์ดโปรเซสซิ่ง ซึ่งผู้ใช้งานควรที่จะทำการลบ Files พวกนี้ทิ้งเป็นประจำ การลบ temp files ทำได้โดยการเข้าไปที่โฟรเดอร์ดังนี้ และทำการเลือกทุก files และกดปุ่ม DELETE ที่แป้นคีบอร์ด (C:/windows/temp/*.tmp)
2. หากแก้ไขตามข้อแรกไม่ได้ผลควรที่จะทำการ Format ฮาร์ดดิสใหม่ และลงโปรแกรมใหม่เพื่อเป็นการจัดและเริ่มต้นระบบใหม่ซึ่งจะมีผลให้ความเร็วในการทำงานของเครื่องเพิ่มขึ้นด้วย
ก่อนการทำการ Format ฮาร์ดดิสต้องแน่ใจว่าไม่มีความจำเป็นต้องรักษาข้อมูลบนตัวฮาร์ดดิส หรือได้สำรองข้อมูลที่สำคัญไว้ในสื่ออื่นๆ แล้ว การ Format ทำได้โดย Boot เครื่องด้วยแผ่น Startup Disk แล้วใช้คำสั่ง a:/format c:/s เพื่อทำการจัดเตรียมพื้นที่ใหม่ โดยโปรแกรมจะทำการตรวจสอบพื้นผิวของแผ่นจานเก็บข้อมูล และเมื่อไม่สามารถอ่านพื้นผิวบริเวณใดก็จะระบุตำแหน่งจุดที่เสียบนพื้นผิวเพื่อที่โปรแกรม Windows จะไม่ไปใช้พื้นที่นั้นในการเก็บข้อมูล
การป้องกันปัญหา:
1. ทำการ Scandisk ทุกๆ สัปดาห์
2. ลบ temp files ใน Windows/temp ทิ้งให้หมดหลังจากการทำ Scandisk แล้ว (ก่อนทำการ Scandisk และลบ temp file ทิ้ง ควรทำการปิดโปรแกรมทุกตัวก่อนทุกครั้ง)
3. ใช้โปรแกรม Disk Cleanup ช่วยในการลบ files ที่ไม่จำเป็นทิ้งโดยเริ่มต้นที่ Start Menu/Programs/Accessories/System tools/Disk Cleanup จากนั้นทำเครื่องหมายถูกที่หน้า Temporary files
--------------------------------------------------------------------------------
Data Error Reading in Drive C:
สาเหตุอาจเกิดจาก
เนื่องจากโปรแกรมไม่สามารถอ่านข้อมูลจากผิวของตัวจานเก็บข้อมูลได้
การแก้ปัญหา
เรียกโปรแกรม Scandisk ขึ้นมาโดย
1. ดับเบิลคลิกที่ My Computer
2. ชี้ mouse ไปที่ Drive ที่ต้องการจะทำการ Scan
3. คลิกปุ่มขวาของ Mouse เลือก Properties
4. เลือก TAB Tools
5. กดปุ่ม [Check Now...] บน Windows Propeties
6. เลือกรูปแบบการ Scan เป็น [Thorough]
7. ทำเครื่องหมายถูกหน้า Automatically fix errors
8. เริ่มทำการ Scan โดยกดที่ปุ่ม Start
9. เมื่อทำการ Scan จนเสร็จแล้วจะมีหน้าต่างแสดงค่าที่ทำการ Scan ให้ดู (ScanDisk Results- [c:] ให้สังเกตุดูที่หัวข้อ bytes in bad sectors ถ้ามีตัวเลขขึ้นแสดงว่าโปรแกรม Scan ตรวจพบส่วนที่เสียหายของผิวจานแม่เหล็กของ Hardisk
10. กดปุ่ม close เพื่อทำการปิดโปรแกรม ScanDisk
11. ในขณะนี้โปรแกรม ScanDisk จะทำการตรวจสอบส่วนต่างๆ ของ Harddisk เรียบร้อยแล้วและได้ทำการทำเครื่องหมายบริเวณที่ไม่สามารถอ่านได้แล้วลงบนตารางแฟ็ท (FAT=File Allocation Tables), Folders หลังจากทำการ Scandisk เสร็จแล้วอาการดังกล่าวน่าจะหายไป
ลักษณะอาการเสียของเครื่องคอมพิวเตอร์ เราสามารถแบ่งได้เป็น 5 กลุ่มอาการ ดังนั้นในการตรวจหาสาเหตุของอาการเสีย ก็ให้ดูว่าเป็นอาการเสียที่อยู่ในกลุ่มใดดังนี้
1. ตรวจสอบอาการเสียของเครื่องจากเสียง Beep Code
ทุก ๆ ครั้งที่คุณเปิดใช้งานเครื่องครั้งแรก ก็จะได้ยินเสียง ปี๊ป ดังสั้น ๆ 1 ครั้ง แล้วเครื่องก็จะทำงานต่อตามปกติ แต่ถ้าเมื่อไรที่คุณได้ยินสียงมากกว่า 1 ครั้ง หรือมีเสียงดังยาว ๆ จากนั้นเครื่องก็หยุดนิ่ง ก็ทำใจไว้ได้เลยว่าเครื่องของคุณมีปัญหาแล้ว เมื่อคุณเจออาการแบบนี้ให้รีบปิดเครื่องทันที เพราะตราบใดที่เครื่องยังไม่ได้รับการแก้ไข ก็จะไม่สามารถใช้งานเครื่องได้จนกว่าจะแก้ปัญหาเสียก่อน เสียงปี๊ปที่เราได้ยินนี้จะถูกเรียกว่า Beep Code ซึ่งจะมีจำนวนครั้งไม่เท่ากัน และมีเสียงดังสั้นบ้างยาวบ้าง ลักษณะของเสียงที่แตกต่างกันนี้เองที่บอกเราว่า อุปกรณ์ชิ้นไหนมีปัญหา ดังนั้นถ้าเจอปัญหาลักษณะนี้ก็ต้องลองฟังให้ดีว่า ดังกี่ครั้ง สั้นยาวแบบไหน แล้วนำไปเทียบดูในตารางไบอสตามยี่ห้อของไบออส เพื่อจะรุ้ว่าอะไรคือต้นเหตุ แล้วจะได้หาทงแก้ไขต่อไป
2. ตรวจสอบอาการเสียของเครื่องโดยดูจากข้อความที่แจ้งบนหน้าจอ
การแจ้งปัญหาหรือความผิดปกติที่เครื่องตรวจพบด้วยข้อความบนหน้าจอ ซึ่งเราเรียกว่า Message Error นับป็นการแจ้งปัญหาอีกแบบหนึ่งที่มีประโยชน์ เพราะเราสามรถรู้ปัญหาได้ทันทีว่าอปกรณ์ตัวไหนทำงานผิดปกติ หรือไม่ก็รู้ว่าการทำงานส่วนใดมีปัญหา ซึ่งจะนำไปสู่แนวทางในการแก้ปัญหาที่ง่ายขึ่น ตัวอย่างของข้อความที่ปรากฎให้เห็นบนหน้าจอบ่อย ๆ อย่างเช่น
CMOS checksum Error
CMOS BATTERY State Low
HDD Controller Failure
Diskplay switch not proper
ดังนั้นถ้าคุณพบว่าเครื่องได้แจ้งปัญหาให้ทราบก็ให้รับหาทางแก้ไขโดยด่วน แต่ถ้าไม่สามารถแก้ไขได้ก็ให้จดข้อความบนหน้าจอไว้ เพื่อเอาไว้สอบถามผู้ที่สามารถให้คำแนะนำได้หรือเอาไวให้ช่างที่ร้านซ่อมดูก็ได้ เพื่อให้การตรวจซ่อมทำได้เร็วขึ้น
3. ตรวจสอบอาการเสียโดยดูจากความผิดปกติของเครื่องที่สามารถสังเกตุ
วิธีนี้คงต้องใช้ทักษะ ความรู้ และความชำนาญมากกว่า 2 แบบแรก เพราะจะเป็นอาการที่เครื่องไม่ได้มีอะไรแจ้งให้เราทราบเลยว่าอุปกรณ์ชิ้นไหนมีปัญหาหรือเสียหาย มีแต่ความผิดปกติที่เราสามารถสังเกตุได้ทางกายภาพ อย่างเช่น เปิดสวิตซ์แล้วไฟไม่ติด , เสียบปลั๊กแล้วเครื่องก็เปิดทันที , เปิดใช้เครื่องได้ไม่ถึง 5 นาที ระบบก็ล่ม เป็นต้น จะเห็นว่าอาการดังกล่าวนี้เครื่องไม่ได้แจ้งอะไรให้เราทราบเลยนอกจากอาการผิดปกติที่เรารับรู้ได้ ดังนั้นในการแก้ปัญหาในลักษณะนี้จึงจะต้องอาศัยผู้ที่มีประสบการณ์หรือช่างผู้ชำนาญ จึงจะสามารถวิเคราะห์ตรวบสอบ และทำการซ่อมแซมแก้ปัญหาได้
4. ตรวจสอบอาการเสียที่เราสามารถระบุอุปกรณ์ได้เลย
ปัญหาแบบนี้จะเป็นกับอุปกรณ์ที่เราใช้อยุ่เป็นประจำแต่ถ้าอยุ่ ๆ ไม่สามารถทำงาน หรือทำงานได้ไม่ดี เราก็รู้ได้ทันทีว่าอะไรเสีย อย่างเช่น ไดรว์ซีดีรอมไม่ทำงาน ภาพบนจอสั่นหรือกระพริบ ไดรว์ A ไม่ยอมอ่านแผ่น เป็นต้น จะเห็นว่าเป็นปัญหาที่เกิดจากความผิดปกติของอุปกรณ์ชิ้นนั้น ๆ โดยตรง การตรวจสอบหรือตรวจเช็คจึงทำได้ง่าย ไม่ยุ่งยากเหมือน 3 แบบที่ผ่านมา
5. ตรวจสอบอาการเสียที่เกิดจากการอัพเกรดอุปกรณ์ ไปจนถึงการปรับแต่งเครื่อง
สิ่งที่ทำให้เครื่องเกิดปัญหาอีกอย่างก็คือ การเพิ่มเติม ปรับเปลี่ยนหรือปรับแต่งอุปกรณ์บางตัวก็ทำไห้เกิดปัญหาได้อีกเหมือนกัน เช่น อัพเกรดแรมแล้วเครื่องแฮงค์ Overclock ซีพียูจนไหม้ , ปรับ BOIS แล้วเครื่องรวน เป็นต้น จะเห็นว่าในสภาพเครื่องก่อนกระทำใด ๆ ยังทำงานได้ปกติอยุ่ แต่หลังจากที่มีการอัพเกรดหรือปรับแต่งเครื่องแล้วก็มีปัญหาตามมาทันที แล้วคุณจะทำอย่างไร ????? บีคอมมีคำตอบให้คุณ
ฮาร์ดดิสก์บูตไม่ขึ้น
จริงแล้วสาเหตุที่ฮาร์ดดิสก์บูตไม่ขึ้นนั้นหลายครั้งมักเกิดจากความผิดพลาดทางด้านซอฟต์แวร์ ส่วนสาเหตุทางด้านฮาร์ดแวร์นั้นส่วนใหญ่มักเกิดจากฮาร์ดดิสก์มีแบดเซ็กเตอร์เป็นจำนวนมาก หรือเกิด แบดเซ็กเตอร์บริเวณพื้นที่ที่เก็บข้อมูลสำคัญของฮาร์ดดิสก์จึงทำให้ฮาร์ดดิสก์ไม่สามารถบูตขึ้นมาได้ โดยจะแสดงอาการเงียบไปเฉยๆ หลังจากที่บูตเครื่องขึ้นมาแล้ว หรืออาจฟ้องขึ้นมาว่า No Boot Device หรือ Disk Boot failure Please insert system disk and please anykey to continue
สำหรับวิธีแก้ไขนั้น ให้เราทำการตรวจสอบแบดเซ็กเตอร์โดยอาจบูตเครื่องขึ้นมาด้วยแผ่นบูตแล้วใช้ คำสั่ง Scandisk หรือโปรแกรม Norton Disk Doctor เวอร์ชั่นดอสตรวจสอบแบ็ดเซ็กเตอร์และซ่อมแซมดูก่อน หากมีแบดเซ็กเตอร์มากก็อาจไม่หาย หนทางสุดท้ายคือทำ Fdisk แบ่งพาร์ทิชั่นใหม่แล้วพยายามกันส่วนที่เป็นแบดเซ็กเตอร์ออกไป
บางครั้งสาเหตุที่ฮาร์ดดิสก์บูตไม่ขึ้น นิ่งเงียบไปเฉยๆ อาจเกิดจากแผ่น PCB ( แผ่นวงจรด้านล่างของฮาร์ดดิสก์ ) เกิดการช็อต วิธีแก้ไขคือให้นำฮาร์ดดิสก์รุ่นเดียวกัน สเป็คเหมือนกันมาถอดเปลี่ยนแผ่น PCB ก็จะทำให้ฮาร์ดดิสก์ตัวที่ช็อตกลับมาทำงานได้เหมือนเดิม
หากต้องการกู้ข้อมูลที่สำคัญกลับมาไม่ควรใช้คำสั่ง Fdisk เด็ดขาดเพราะจะทำให้ข้อมูลที่อยู่ภายในฮาร์ดดิสก์ให้เกลี้ยงไปหมด ในที่นี้แนะนำให้ใช้โปรแกรม Spinrite ในการกู้ข้อมูลสำคัญๆ ซึ่งโปรแกรมนี้เป็นโปรแกรมที่ถูกสร้างมาเพื่อกู้ข้อมูลภายในฮาร์ดดิสก์โดยเฉพาะ
--------------------------------------------------------------------------------
ปัญหาที่เกิดจากซีพียู ซีพียูเป็นอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีในการผลิตค่อนข้างสูงภายในมีรายละเอียดซับซ้อนโดยจะมีทรานซิสเตอร์ตัวเล็กๆ อยู่รวมกันนับล้านๆ ตัวทำให้หากมีปัญหาที่เกิดจากซีพียูแล้วโอกาสที่จะซ่อมแซมกลับคืนให้เป็นเหมือนเดิมนั้นเป็นไปไม่ได้เลย ช่างคอมพิวเตอร์เมื่อพบสาเหตุอาการเสียที่เกิดจากซีพียูแล้วก็ต้องเปลี่ยนตัวใหม่สถานเดียว
ปัญหาที่เกิดขึ้นกับซีพียูส่วนใหญ่แล้วจะมีเพียง 2 อาการที่ช่างคอมพิวเตอร์พบได้บ่อยๆ อาการแรกคือ ทำให้เครื่องแฮงค์เป็นประจำ และอาการที่สองคือวูบหายไปเฉยๆ โดยที่ทุกอย่างปกติ เช่นมีไฟเข้า พัดลมหมุน แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นบนหน้าจอ สาเหตุส่วนใหญ่มักจะเกิดจากซีพียูมีความร้อนมากเกินไปจนเมื่อถึงจุดๆ หนึ่งก็เดี้ยงไปแบบไม่บอกไม่กล่าว เลย สำหรับวิธีแก้ปัญหาก็คือต้องส่งเคลมสถานเดียว
--------------------------------------------------------------------------------
RAM หายไปไหน Spec 128 MB. ทำไม Windows บอกว่ามีแรมแค่ 96MB. เอง
อาการของ RAM หายไปดื้อ ๆ จะเกิดกับการใช้เมนบอร์ดรุ่นที่มี VGA on board นะครับ ที่จริงก็ไม่ได้หายไปไหนหรอก เพียงแต่ส่วนหนึ่งของ RAM จะถูกนำไปใช้กับ VGA ครับและขนาดที่จะ โดนนำไปใช้ก็อาจจะเป็น 2M, 4M, 8M ไปจนถึง 128M. ก็ได้ขึ้นอยู่กับการตั้งใน BIOS ครับ
--------------------------------------------------------------------------------
"Insert System Disk and Press Enter"
อยู่ ๆ ผมไม่สามารถบูตเข้าสู่วินโดวส์ได้ ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น โดยจะขึ้นข้อความว่า "Insert System Disk and Press Enter" ทั้ง ๆ ที่ผมไม่ได้ทำการปรับแต่งวินโดวส์ เลย
ปัญหานี้เกิดจากบู๊ตเครื่องโดยมีแผ่นดิสก์ที่ไม่มี OS หรือระบบปฎิบัติการอยู่ในไดรว์ A ซึ่งขั้นตอนแก้ปัญหาก็ให้เอา แผ่นไดรว์ A ออกจากนั้นก็กดปุ่ม Enter เพียงเท่านี้ก็สามารถเข้าวินโดวส์ได้แล้ว
--------------------------------------------------------------------------------
ไดรว์ซีดีรอม อ่านแผ่นได้บ้างไม่ได้บ้าง หาแผ่นไม่เจอ แก้ปัญหาอย่างไร
ปัญหานี้มักจะไม่เกิดกับไดรว์ซีดีรอมตัวใหม่ ๆ ครับ แต่ส่วนใหญ่จะเกิดกับไดรว์ซีดีรอมที่มีการใช้งาน มานานแล้ว หรือประมาณ 1 ปีขึ้นไป และสาเหตุที่เห็นกันบ่อยก็คือหัวอ่านสกปรก ส่วนใหญ่จะเป็นพวกฝุ่น เข้าไปกับแผ่นซีดี แล้วเราก็นำมันเข้าไปอ่านในไดรว์ ฝุ่นก็เลยเข้าไปติดที่หัวอ่าน พอสะสมมาก ๆ เข้าก็เลย ทำให้เกิด อาการดังกล่าว อ่านแผ่นไม่ได้บ้างละ หาแผ่นไม่เจอบ้างละ วิธีการแก้ไขก็คือทำความสะอาดหัวอ่าน โดยใช้แผ่นซีดีที่ไว้สำหรับทำความสะอาดหัวอ่าน ที่มีขายอยู่ตามร้านคอมพิวเตอร์ทั่วไปมาใช้ รับรองอาการดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน
--------------------------------------------------------------------------------
ปัญหาของซีดีออดิโอ
ถ้าคุณเล่นซีดีออดิโอใน CD Writer แล้ว Windows Media หรือ CD Playar แสดงข้อความ "Please insert an audio compact disk" หรือ Data or no disk loaded อาจมีสาเหตุมาจากไดรเวอร์ วิธีแก้คือ ให้เปิด Control Panel เลือก Sound &Multimedia คลิก Devices ดับเบิลคลิก ที่ Media Control Devices และ CD Audio Devices (Media Control) คลิก Remove และ Yes คลิก OK เพื่อปิด หน้าต่างทั้งหมดและบูตเครื่องใหม่
--------------------------------------------------------------------------------
อะไรคือสาเหตุ ที่ทำให้แผ่น CD-ROM เล่นเพลงจนแผ่นแตก
กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปแล้วครับ เรื่องไดรว์ CD-ROM ทำแผ่นแตก ซึ่งสาเหตุก็เป็นเพราะไดรว์ ที่ผลิตในปัจจุบันมีความเร็วสูง ทำให้เมื่ออ่านแผ่นที่มีคุณภาพต่ำหรือแผ่นที่มีรอยขีดข่วนลึก ๆ ก็ทำให้เกิดสะดุดเป็นผล ทำให้แผ่นแตก ซึ่งปัญหานี้เราจะไม่พบในไดรว์รุ่นเก่า ๆ เลย ทางแก้ก็คือหลีกเลี่ยงการใช้แผ่นที่มีคุณภาพต่ำ หรือแผ่นที่เป็นรอยมาก ๆ
--------------------------------------------------------------------------------
แบตเตอรี่เสื่อมทำอะไรกับเครื่องคุณได้บ้าง
บางครั้งเมื่อเราเปิดเครื่องคอมฯ ขึ้นมาปรากฎว่าเจอกับข้อความ "CMOS CHECKSUM ERROR" หรือไม่เมื่อเราใช้เครื่องคอมฯ ไปเรื่อย ๆ จะสังเกตุเห็นว่านาฬิกาของเครื่องดูเหมือนจะเดินช้าลงนั่น แสดงให้เห็นว่าแบตเตอรี่ที่อยู่ในเมนบอร์ดของเรากำลังจะหมด และถ้ายังคงใช้งานต่อไปโดยไม่หา แบตเตอรี่มาเปลี่ยนก็จะทำให้ค่าต่าง ๆ ที่ตั้งไว้ใน BIOS SETUP หายไปได้ อย่างเช่นค่าของ ฮาร์ดดิสก์ว่า เป็นชนิดอะไร ทำให้เมื่อเปิดเครื่องขึ้นมาใหม่ เราจะต้องตั้งค่าเหล่านี้ใหม่ทุกครั้ง
--------------------------------------------------------------------------------
"Bad or Missing Interpreter" มันคืออะไร
ปัญหาลักษณะนี้จะเกิดจากไฟล์ Command.com นั้นเกิดความเสียหาย หรือถูกลบทิ้งไป ซึ่งทางแก้ไขก็คือให้คุณทำการ ก๊อปปี้ไฟล์ Command.com จากเครื่องอื่น ซึ่งต้องเป็นวินโดวส์รุ่นเดียวกัน หรือจากแผ่น Start Up ดิสก์ที่สร้างจากเครื่อง คุณก็ได้ โดยเมื่อก๊อปปี้ไฟล์ได้แล้วก็ให้ใส่แผ่นในไดรว์ A แล้วเข้าไปที่ A : Promt จากนั้นก็พิมพ์คำสั่ง copy a:\command.com c: เพียงเท่านี้ก็สามารถใช้งานคอมได้เป็นปกติ
--------------------------------------------------------------------------------
"8042 GATE-A20 Error" มันคืออะไร
หากว่าพบข้อความ 8042 GATE-A20 Error ปรากฎขึ้นมา นั่นแสดงว่าชิปที่ควบคุมการทำงานของแป้นพิมพ์บนเมนบอร์ด มีปัญหาหรืออาจเกิดจากปลั๊กเสียบไม่แน่น ให้คุณทำการปิดเครื่องแล้วลองขยับปลั๊กให้แน่นขึ้นดู หากยังไม่หายนั้นแสดง ว่าเมนบอร์ดของคุณมีปัญหาแล้ว ควรที่จะยกไปให้ซ่อมหรือไปเปลี่ยนกับทางร้านที่คุณซื้อมา (ถ้ายังมีประกัน)
--------------------------------------------------------------------------------
ทำไมเสียงไม่สามารถแสดงออกมาพร้อมกัน 2 เสียงได้
โดยทั่วไปแล้วการ์ดเสียงส่วนใหญ่จะสามารถทำได้อยู่ ปัญหาน่าจะเกิดมาจากการ์ดเสียงหรือว่าโปรแกรม DirectX ซึ่งการแก้ไขก็ให้คุณลองนำการ์ด เสียงตัวที่คุณใช้แล้วมีปัญหา ไปลองกับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ ดู หรือลองอัพเดต โปรแกรม DirectX ให้สูงกว่าเวอร์ชั่น 6 ถ้าหากไม่หายแสดงว่าการ์ดเสียงของคุณมีปัญหา แล้วละครั
Disk Boot Failure
สาเหตุอาจเกิดจาก
เกิดจากคุณอาจลืมแผ่นดิสที่บูทไม่ได้ไว้ในไดร์ฟ A: หรือ แผ่น CD ไว้ในไดร์ฟ CD (กรณีตั้งซีมอสให้บูทที่ซีดีได้) หรือเกิดจากฮาร์ดดิสที่เป็นตัวบูท C: ไม่สามารถใช้งาน ได้หรือมีการเปลี่ยนแปลงค่าในซีมอสทำให้ไม่ตรงรุ่นของฮาร์ดิส
การแก้ปัญหา
1. ตัว Harddisk มีจานแม่เหล็กที่มีผิวเสียหายมากไม่สามรถใช้งานได้อีกต่อไป
2. ขณะที่ทำการ Scandisk ใช้เวลานานหลายชั่วโมงหรือพบพื้นที่เสียหายมากและต่อเนื่องให้ยกเลิกไปทำการ Format แทน (แต่โอกาสที่จะใช้ได้มีน้อยมากเนื่องจากผิวจานแม่เหล็กเสียหายมาก)
3. ตัวควบคุม Harddisk หรือสายแพรที่ใช้ต่อ Harddisk กับ Controler บน MainBoard เสียหรือเสื่อมสภาพ (จะมีโอกาสเกิดน้อยกว่าความเสียหายบนตัว Harddisk เอง) หลังจากทำตามขั้นตอนต่างๆ แล้วยังเกิดอาการดังกล่าวอีกให้ทำการ Format Harddisk ตัวนี้ โดยทำดังนี้
1. Boot เครื่องด้วยแผ่น Startup Disk
2. เรียกคำสั่ง Format แบบเต็ม (Full Format) ดังนี้ โดยพิมพ์คำสั่งที่เอพร้อม a:/format c:/s และกด Enter และ ตอบ y และ Enter
3. ในขณะที่ทำการ Format โปรแกรมจะทำการตรวจสอบพื้นผิวของจานแม่เหล็กถ้าพบจุดเสียที่ใดก็จะทำการบันทึก ไว้ในตาราง FAT ของตัว Harddisk เพื่อไม่ให้โปรแกรม อื่นๆ นำพื้นที่นี้ไปใช้ได้อีก (จุดที่เสียจะเรียกว่า BAD Sector)
4. จากนั้นก็สามารถนำไปลง OS Program ต่อไปได้
5. หากยังเกิดอาการดังกล่าวอีกแนะนำให้เปลี่ยนตัว Harddisk ครับ คงจะไม่ไหวแล้วจริงๆ
--------------------------------------------------------------------------------
Harddisk ไม่ทำงาน (ไม่มีเสียง Motor หมุน)
สาเหตุอาจเกิดจาก
1. เกิดจากไม่มีไฟเลี้ยงตัว Mortor และวงจรควบคุมตัว Mortor
2. ตัวควบคุมการทำงาน (Controler) บนตัว Harddisk เสียหาย
3. สายบางเส้นที่ต่อจาก Harddisk กับตัวควบคุมบน Mainboard หลวมหรือหลุดหรือเกิดสนิม
การแก้ปัญหา
1. ตรวจสอบสายต่อไฟเลี้ยงดูว่าแน่นหรือเกิดสนิมหรือเปล่า โดยการถอดออกมาแล้วตรวจดูว่าเป็นปกติหรือไม่ แล้วเสียบกลับเข้าไปใหม่
2. เปลี่ยนสายไฟเลี้ยงที่ต่อให้กับตัว Harddisk เส้นใหม่ดูว่าใช้งานได้หรือเปล่า
3. ทดลองเปลี่ยนสายแพร หรือถอดออกดูก่อนแล้วเปิดเครื่องเพื่อดูว่าทำงานได้หรือเปล่า
4. อาจลองนำเอาสายไฟเลี้ยงที่ต่อให้กับ CD-ROM Drive มาต่อดูก็จะรู้ได้ว่าสายจ่ายไฟเลี้ยงเสียหรือเปล่า
--------------------------------------------------------------------------------
Sector not fond error reading in drive C:
สาเหตุอาจเกิดจาก
1. ปัญหานี้จะคล้ายกับอาการ Data error reading in drive C: หรือ BAD Sector แต่ส่วนที่เกิดปัญหานี้จะเกิดกับส่วนของ File Allocation Table (FAT) ไม่ใช่ที่ตัวพื้นที่เก็บข้อมูลจริง
2. ส่วนของฮาร์ดดิสที่ใช้ในการเก็บข้อมูลของ FAT มีปัญหาเช่นเกิดการเสื่อมของสารแม่เหล็กหรือเกิดรอยที่ผิวของจานแม่เหล็ก เนื่องจากหมดอายุการใช้งาน
การแก้ปัญหา
1. ทำเช่นเดียวกับปัญหา BAD Sector แต่ในส่วนโหมดของการ Scan ให้เลือกเป็นแบบ Standard ก็พอ โดยโปรแกรมจะทำการตรวจในส่วนของ File Allocation Table (FAT) และ Folders และเมื่อโปรแกรมตรวจพบข้อผิดพลาดก็จะทำการซ่อมแซมค่าที่ผิดพลาดนั้นๆ ให้กลับเป็นปกติ หรืออาจบันทึกเป็นชื่ออื่นแต่ตัวข้อมูลจะยังอยู่ซึ่งเราต้องเข้าไปแก้ไขเองอีกครั้ง ซึ่งปัญหาที่มักจะเกิดก็ได้แก่ Cross link, Folders error ที่เกิดขึ้นในตาราง FAT ซึ่ง Files ที่มักจะสร้างปัญหาบ่อยๆ ก็ได้แก่ประเภทที่มีส่วนขยายเป็น TMP ซึ่งมักจะถูกเก็บอยู่ที่โฟเดอร์ชื่อ TEMP (c:\windows\temp) ซึ่ง Files เหล่านี้ จะถูกสร้างจากโปรแกรมประยุกต์ต่างๆ เช่น โปรแกรมเวิร์ดโปรเซสซิ่ง ซึ่งผู้ใช้งานควรที่จะทำการลบ Files พวกนี้ทิ้งเป็นประจำ การลบ temp files ทำได้โดยการเข้าไปที่โฟรเดอร์ดังนี้ และทำการเลือกทุก files และกดปุ่ม DELETE ที่แป้นคีบอร์ด (C:/windows/temp/*.tmp)
2. หากแก้ไขตามข้อแรกไม่ได้ผลควรที่จะทำการ Format ฮาร์ดดิสใหม่ และลงโปรแกรมใหม่เพื่อเป็นการจัดและเริ่มต้นระบบใหม่ซึ่งจะมีผลให้ความเร็วในการทำงานของเครื่องเพิ่มขึ้นด้วย
ก่อนการทำการ Format ฮาร์ดดิสต้องแน่ใจว่าไม่มีความจำเป็นต้องรักษาข้อมูลบนตัวฮาร์ดดิส หรือได้สำรองข้อมูลที่สำคัญไว้ในสื่ออื่นๆ แล้ว การ Format ทำได้โดย Boot เครื่องด้วยแผ่น Startup Disk แล้วใช้คำสั่ง a:/format c:/s เพื่อทำการจัดเตรียมพื้นที่ใหม่ โดยโปรแกรมจะทำการตรวจสอบพื้นผิวของแผ่นจานเก็บข้อมูล และเมื่อไม่สามารถอ่านพื้นผิวบริเวณใดก็จะระบุตำแหน่งจุดที่เสียบนพื้นผิวเพื่อที่โปรแกรม Windows จะไม่ไปใช้พื้นที่นั้นในการเก็บข้อมูล
การป้องกันปัญหา:
1. ทำการ Scandisk ทุกๆ สัปดาห์
2. ลบ temp files ใน Windows/temp ทิ้งให้หมดหลังจากการทำ Scandisk แล้ว (ก่อนทำการ Scandisk และลบ temp file ทิ้ง ควรทำการปิดโปรแกรมทุกตัวก่อนทุกครั้ง)
3. ใช้โปรแกรม Disk Cleanup ช่วยในการลบ files ที่ไม่จำเป็นทิ้งโดยเริ่มต้นที่ Start Menu/Programs/Accessories/System tools/Disk Cleanup จากนั้นทำเครื่องหมายถูกที่หน้า Temporary files
--------------------------------------------------------------------------------
Data Error Reading in Drive C:
สาเหตุอาจเกิดจาก
เนื่องจากโปรแกรมไม่สามารถอ่านข้อมูลจากผิวของตัวจานเก็บข้อมูลได้
การแก้ปัญหา
เรียกโปรแกรม Scandisk ขึ้นมาโดย
1. ดับเบิลคลิกที่ My Computer
2. ชี้ mouse ไปที่ Drive ที่ต้องการจะทำการ Scan
3. คลิกปุ่มขวาของ Mouse เลือก Properties
4. เลือก TAB Tools
5. กดปุ่ม [Check Now...] บน Windows Propeties
6. เลือกรูปแบบการ Scan เป็น [Thorough]
7. ทำเครื่องหมายถูกหน้า Automatically fix errors
8. เริ่มทำการ Scan โดยกดที่ปุ่ม Start
9. เมื่อทำการ Scan จนเสร็จแล้วจะมีหน้าต่างแสดงค่าที่ทำการ Scan ให้ดู (ScanDisk Results- [c:] ให้สังเกตุดูที่หัวข้อ bytes in bad sectors ถ้ามีตัวเลขขึ้นแสดงว่าโปรแกรม Scan ตรวจพบส่วนที่เสียหายของผิวจานแม่เหล็กของ Hardisk
10. กดปุ่ม close เพื่อทำการปิดโปรแกรม ScanDisk
11. ในขณะนี้โปรแกรม ScanDisk จะทำการตรวจสอบส่วนต่างๆ ของ Harddisk เรียบร้อยแล้วและได้ทำการทำเครื่องหมายบริเวณที่ไม่สามารถอ่านได้แล้วลงบนตารางแฟ็ท (FAT=File Allocation Tables), Folders หลังจากทำการ Scandisk เสร็จแล้วอาการดังกล่าวน่าจะหายไป
ติดไวรัส Smart fortress 2012
ติดไวรัส Smart Fortress 2012
แก้ไขโดย เข้าไป remove ใน setting >> Contral Panel >> remove program >> หาชื่อ file แล้ว remove ได้เลย
แก้ไขโดย เข้าไป remove ใน setting >> Contral Panel >> remove program >> หาชื่อ file แล้ว remove ได้เลย
ดู view network group ไม่ได้
เข้าดู view group ไม่ได้ ฟ้องประมาณว่า Permission
ให้ คลิกขวา My network >> Properties >> คลิกขวา Local area >> Properties >> Install >> Protocol >> เลือก NWlink...... (ตัวที่ยาวที่สุด) restart
ให้ คลิกขวา My network >> Properties >> คลิกขวา Local area >> Properties >> Install >> Protocol >> เลือก NWlink...... (ตัวที่ยาวที่สุด) restart
แชร์ไฟล์ win xp win98 มองไม่เห็นหรือแก้ไขไม่ได้
แชร์โฟลเตอร์แล้วมี Security หรือเป็นโหมดที่ให้ปรับ Limit User เราต้องเข้าไปแก้ให้เป็นโหมดการแชร์ปกติก่อน
Foler Option > view > ให้คลิกตรง Use simple file sharing (ประมาณล่างสุด)
Foler Option > view > ให้คลิกตรง Use simple file sharing (ประมาณล่างสุด)
เช็คเวลาเปิดเครื่อง
Start > Run > %systemroot%\system32\eventvwr.msc /s ดูที่ system >Coppy ตัวหนังสือสีแดง ไปใส่เลยครับ แล้วกด Enter
คอมมีเสียงเตือนตลอดเวลาคลิกเมาท์
เข้า Regedit > Current_User > Control Panel > Sound > Beep เปลี่ยน Yes เป็น No
เข้า regedit ไม่ได้
วิธีการแก้ไขเมื่อเข้า regedit ไม่ได้
วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน 2009 เวลา 03:19 น. preecha
ทราบกันอยู่แล้วว่า Regedit คือโปรแกรมที่ทำหน้าที่เข้าไปจัดการระบบ Register ของโปรแกรม Windows ซึ่งมีความสำคัญต่อการทำงานของคอมพิวเตอร์ของเราเป็นอย่างมาก ไวรัส ต่างๆจะอาศัยช่องทางนี้เพื่อเข้ามาทำลายข้อมูลหรือก่อกวนเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราผ่านช่องนี้เป็นประจำ วิธีการแก้ไขปัญหาในเมื่อเข้าไปแก้ไข Register ไม่ได้ มีวิธีการดังนี้
1.ไปที่เมนู Start >run
2.พิมพ์คำสั่งนี้ลงไป
REG add HKCUSoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciesSystem /v DisableRegistryTools /t REG_DWORD /d 0 /f
3. แล้วกด Ok
4. ให้ทดลองเข้า Regedit อีกครั้ง ถ้ายังเข้าไม่ได้ให้ทำตามนี้
5. ไปที่เมนู Start >run
6. พิมพ์คำสั่ง gpedit.msc กด OK
7. ไปที่แถบด้านซ้ายมือ ไปที่เมนู User Configuration > Administrative Templates > System >
8. คลิกขวาที่เมนู Prevent access to registry editing tools เลือก Propertrys แล้วกำหนดค่าให้เป็น Diseble แล้วก็ OK
วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน 2009 เวลา 03:19 น. preecha
ทราบกันอยู่แล้วว่า Regedit คือโปรแกรมที่ทำหน้าที่เข้าไปจัดการระบบ Register ของโปรแกรม Windows ซึ่งมีความสำคัญต่อการทำงานของคอมพิวเตอร์ของเราเป็นอย่างมาก ไวรัส ต่างๆจะอาศัยช่องทางนี้เพื่อเข้ามาทำลายข้อมูลหรือก่อกวนเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราผ่านช่องนี้เป็นประจำ วิธีการแก้ไขปัญหาในเมื่อเข้าไปแก้ไข Register ไม่ได้ มีวิธีการดังนี้
1.ไปที่เมนู Start >run
2.พิมพ์คำสั่งนี้ลงไป
REG add HKCUSoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciesSystem /v DisableRegistryTools /t REG_DWORD /d 0 /f
3. แล้วกด Ok
4. ให้ทดลองเข้า Regedit อีกครั้ง ถ้ายังเข้าไม่ได้ให้ทำตามนี้
5. ไปที่เมนู Start >run
6. พิมพ์คำสั่ง gpedit.msc กด OK
7. ไปที่แถบด้านซ้ายมือ ไปที่เมนู User Configuration > Administrative Templates > System >
8. คลิกขวาที่เมนู Prevent access to registry editing tools เลือก Propertrys แล้วกำหนดค่าให้เป็น Diseble แล้วก็ OK
windows xp repair
1. บู๊ตด้วยแผ่น boot Windows XP
2. ระหว่างบู๊ตจะมีหน้าต่างแสดงด้านล่างให้กด ตัว R เพื่อเข้าระบบ (R=Repair) เราเรียกวิธีการนี้ว่า Recovery Console
3. จากนั้นรอสักพัก จะมีหน้าต่างให้เลือก partition ให้เลือก 1 C:\WINDOWS: หรือ
4. ถ้าไม่ได้มีหัวข้อให้เลือก ก็จะเข้า Drive C: เลย (เหมือนกับระบบ DOS)
5. จากนั้นพิมพ์คำสั่ง "CHKDSK /R" คำสังนี้จะทำการตรวจสอบดิกส์ และซ่อมให้อัตโนมัติ
6. รอจนกระทั่งเสร็จ 100% ทั้งนี้ ขึ้นกับปัญหาและขนาดของฮาร์ดดิกส์ว่าใหญ่ขนาดไหน สำหรับของผม 80 gb ก็ใช้เวลาประมาณ 10 กว่านาที
7. ถ้าต้องการให้แน่นอนมากขึ้น หลังจาก CHKDSK เสร็จแล้ว ให้พิมพ์คำสั่ง "fixboot" ด้วย
8. เสร็จแล้ว ให้พิมพ์คำสั่ง Exit เพื่อออกจาก Repair และ Restart Windows ใหม่
ทิป:: คำสั่งที่ให้พิมพ์นั้น จะเป็นตัวพิมพ์เล็กหรือใหญ่ก็ได้ทั้งนั้น
2. ระหว่างบู๊ตจะมีหน้าต่างแสดงด้านล่างให้กด ตัว R เพื่อเข้าระบบ (R=Repair) เราเรียกวิธีการนี้ว่า Recovery Console
3. จากนั้นรอสักพัก จะมีหน้าต่างให้เลือก partition ให้เลือก 1 C:\WINDOWS: หรือ
4. ถ้าไม่ได้มีหัวข้อให้เลือก ก็จะเข้า Drive C: เลย (เหมือนกับระบบ DOS)
5. จากนั้นพิมพ์คำสั่ง "CHKDSK /R" คำสังนี้จะทำการตรวจสอบดิกส์ และซ่อมให้อัตโนมัติ
6. รอจนกระทั่งเสร็จ 100% ทั้งนี้ ขึ้นกับปัญหาและขนาดของฮาร์ดดิกส์ว่าใหญ่ขนาดไหน สำหรับของผม 80 gb ก็ใช้เวลาประมาณ 10 กว่านาที
7. ถ้าต้องการให้แน่นอนมากขึ้น หลังจาก CHKDSK เสร็จแล้ว ให้พิมพ์คำสั่ง "fixboot" ด้วย
8. เสร็จแล้ว ให้พิมพ์คำสั่ง Exit เพื่อออกจาก Repair และ Restart Windows ใหม่
ทิป:: คำสั่งที่ให้พิมพ์นั้น จะเป็นตัวพิมพ์เล็กหรือใหญ่ก็ได้ทั้งนั้น
virus ซ่อน File กด Hide ไม่ได้
แก้ไข File ซ่อน กด Hide ก็ไม่ได้
มุมซ้ายสุดของจอคำว่า Start > Run >พิมพ์คำว่า> cmd > ไปไดว์ที่ต้องการจะแก้ไข > พิมพ์ attrib -s -h -r /S /D *.*
มุมซ้ายสุดของจอคำว่า Start > Run >พิมพ์คำว่า> cmd > ไปไดว์ที่ต้องการจะแก้ไข > พิมพ์ attrib -s -h -r /S /D *.*
Task Manager ถูกปิดกดไม่ได้
Task Manager ถูกปิดกดไม่ได้
เกิดจากการติดไวรัส
แก้โดย ใช้ Spyware หรือ ตัว M ในการสแกน หายแน่นอน
เกิดจากการติดไวรัส
แก้โดย ใช้ Spyware หรือ ตัว M ในการสแกน หายแน่นอน
Save งาน Illustrator ไม่ได้
เวลา Save งาน Illustrator ฟ้องว่า An Unknown error has occurred แต่ Save เป็นแบบอื่นได้
แก้ไขโดย เวลา Save ให้ติ๊กตรงช่อง Create Pdf ที่ Option ออก
แก้ไขโดย เวลา Save ให้ติ๊กตรงช่อง Create Pdf ที่ Option ออก
Network ใช้ไม่ได้ Driver หาย
เช็คดูที่ My com > Properties > Driver มีเครื่องหมายตกใจสีเหลืองทับอยู่ เนื่องจาก File ใน windows > System32 >
Driver > NDIS.SYS หายไป ให้ copy จากเครื่องอื่นมาใส่ แล้ว รีสตาร์ทเครื่องใหม่
Driver > NDIS.SYS หายไป ให้ copy จากเครื่องอื่นมาใส่ แล้ว รีสตาร์ทเครื่องใหม่
file pdf แก้ไขข้อความพิมพ์ไม่ออก
งานไฟล์ Pdf เราแก้ไขหรือพิมพ์เพิ่มข้อความลงไป เวลาพิมพ์ไม่ออกตามที่พิมพ์
แก้ไขโดย เวลาสั่งพิมพ์ให้เลือกตรง Document and Comment
แก้ไขโดย เวลาสั่งพิมพ์ให้เลือกตรง Document and Comment
photoshop ค้าง
ถ้าแรมน้อยเกินไป ก็ค้างได้จริงครับ แต่อีกสาเหตุอาจค้างเพราะการ์ดจอเริ่มมีปัญหาก็ได้ครับ เช่นเครื่องผม
วิธีที่จะเช็คได้ว่า เครื่องค้างสาเหตุเกิดจากการ์ดจอจริงหรือไม่ ให้ทำอย่างนี้นะครับ
Run=>desk.cpl หรือ คลิกขวาที่ Desktop แล้วเลือก Properties ก็ได้
จากนั้นคลิกที่แถบ Settings คลิกปุ่ม Advanced คลิกแถบ Troubleshoot แล้วปิดความสามารถของการ์ดจอทุกอย่าง ให้เหมือนดังภาพเลยนะครับ จากนั้น OK แล้ว Restart เครื่องนะครับ
เมื่อ Restart เสร็จให้เปิดใช้งานโปรแกรม Photoshop CS2 ของคุณดูว่ามันค้างหรือป่าว ถ้าหายค้างแสดงว่าปัญหาเกิดจากตัวการ์ดจอแน่นอน 100% ครับ
ปัญหาของการ์ดจอ อาจเกิดจาก
- ไม่รองรับความสามารถหรือการแสดงผลบางอย่าง (ซึ่งการ์ดจอรุ่นเก่าๆ มักจะมีปัญหากับโปรแกรมใหม่ๆ)
- การ์ดจออาจจะเสื่อม กำลังจะเสีย หรือหมดอายุ เนื่องจากการใช้งานอย่างหนัก เช่น เล่นเกมทั้งวันทั้งคืน ติดต่อกันเป็นชาติ ระบบระบายความร้อนที่ยอดแย่ แล้วก็ฝุ่น ขาดการดูแลรักษาอย่างแรง ทำให้การ์ดจอป่วยครับ
*********************************************
เป็นที่ RAM ไม่พอมั้ง แต่ไปปรับ Virtual memory ก็ช่วยได้นิดหน่อย เพียงแต่วิธีนี้จะไปลด
พื้นที่ของ HDD เรานั่นเองเพื่อจำลองพื้นที่ HDD เป็นเสมือน RAM แต่รู้สึกการทำงานมันช้ากว่า
พูดง่ายๆของที่ทำจำลองขึ้นมามันไม่มีทางดีกว่าของจริงได้หรอก
วิธีปรับ Virtual Memory สำหรับ Windows XP นะ(ระบบปฏิบัติการอื่นๆผมลืมไปแล้วอะว่าทำไงจำนี้ได้อันเดียว)
1.คลิกขวาที่ My Computer และเลือก Properties จะขึ้นกรอบหน้าต่าง System Properties
2.เลือกแถบ Advanced ให้ดูที่หัวข้อ Performance คลิกปุ่ม Settings จะขึ้นกรอบหน้าต่าง Performance Options
3.เลือกแถบ Advanced ให้ดูที่หัวข้อ Virtual memory ให้คลิกปุ่ม Change จะขึ้นกรอบหน้าต่าง Virtual Memory
คราวนี้มาดูตรง Drive [Volume Label] ให้เราเลือก Drive ที่จะจำลอง Virtual Memory นี้
โดยส่วนตัวผมจะจำลองลงบน Drive ที่มี OS ครับ ท่านก็เลือกตามใจชอบนะ
เมื่อคลิกเลือก Drive ที่ต้องการแล้วมาดูในหัวข้อ Paging file size for selected drive
ตรงตัวเลือก Custom size เมื่อเลือกไป จะมีข้อย่อย 2 ข้อคือ
Initial size (MB) จะเป็นตัวกำหนดพื้นที่ของ Virtual Memory นี้ ค่าที่เราใส่ไปที่ช่องนี้จะเป็นตัวกำหนด
ว่าจะจองพื้นที่ขั้นต่ำใน HDD เท่าไหร่ในการจำลอง Virtual Memory มีหน่วยเป็น MB
และ
Maximum size (MB) เป็นตัวที่จะกำหนดค่าสูงสุดของ Virtual Memory ว่าจะให้ Virtual Memory
มีขนาดไม่เกินเท่าใด
และก็คงจะมีคำถามต่อว่าเราปรับ Virtual Memory ไปเพื่ออะไรหละ ผมก็ไม่รู้ละเอียด และก็อาจจะรู้มาผิดๆก็ได้
คือผมเข้าใจว่า เมื่อ Ram ณ ช่วงเวลาหนึ่งเวลาใดเกิดมีหน่วยความจำไม่พอมันก็จะไปหาหน่วยความจำเสมือนแทน
ซึ่งก็คือ Virtual Memory นั่นเอง ถ้าหากไม่มี หรือมีไม่พอ มันก็คงจะเตือนให้เราทราบ แบบที่เจ้าของกระทู้ว่ามามั้ง
แต่บางที่ Ram มีพอและมันเตือนอย่างที่เจ้าของกระทู้บอกก็มีนะ ผมเคยเจอ ทั้งที่ Ram เราก็มีพอ แต่ก็ยังเตือน
ผมเลยคิดว่า Software บางอย่างอาจมีความต้องการ Virtual Memory แต่เวลาปรับก็ปรับแต่พอดีนะ
เพราะอย่าลืมว่า Virtual Memory กินพื้นที่ของ HDD เรา เพราะงั้นถ้าปรับเยอะเกินความจำเป็น
เราก็จะเสียพื้นที่ใน HDD โดยเปล่าประโยชน์ สงสัยผมคงแนะนำได้แค่นี้หละมั้ง สุดปัญญาและ
ปล. จะไปเพิ่ม Ram ก็ได้แต่ก็เสียตังค์อะนะ เออและเท่าที่อ่านคอมเม้นกระทู้นี้มีคนแนะนำให้เปลี่ยน GPU ด้วย อืมอันนี้ผมว่าน่าสนใจอยู่ เพราะได้การประมวลผลกราฟฟิกที่ดีขึ้นด้วย(แต่ก็ราคาไม่ใช่ถูกๆนะ) ยังไงลองแก้ไข
จากใช้งบน้อยและไล่ไปสู่งบมากดีกว่า แต่ถ้าเงินหนา เปลี่ยนทั้ง GPU และ เพิ่ม RAM ด้วยเลย
วิธีที่จะเช็คได้ว่า เครื่องค้างสาเหตุเกิดจากการ์ดจอจริงหรือไม่ ให้ทำอย่างนี้นะครับ
Run=>desk.cpl หรือ คลิกขวาที่ Desktop แล้วเลือก Properties ก็ได้
จากนั้นคลิกที่แถบ Settings คลิกปุ่ม Advanced คลิกแถบ Troubleshoot แล้วปิดความสามารถของการ์ดจอทุกอย่าง ให้เหมือนดังภาพเลยนะครับ จากนั้น OK แล้ว Restart เครื่องนะครับ
เมื่อ Restart เสร็จให้เปิดใช้งานโปรแกรม Photoshop CS2 ของคุณดูว่ามันค้างหรือป่าว ถ้าหายค้างแสดงว่าปัญหาเกิดจากตัวการ์ดจอแน่นอน 100% ครับ
ปัญหาของการ์ดจอ อาจเกิดจาก
- ไม่รองรับความสามารถหรือการแสดงผลบางอย่าง (ซึ่งการ์ดจอรุ่นเก่าๆ มักจะมีปัญหากับโปรแกรมใหม่ๆ)
- การ์ดจออาจจะเสื่อม กำลังจะเสีย หรือหมดอายุ เนื่องจากการใช้งานอย่างหนัก เช่น เล่นเกมทั้งวันทั้งคืน ติดต่อกันเป็นชาติ ระบบระบายความร้อนที่ยอดแย่ แล้วก็ฝุ่น ขาดการดูแลรักษาอย่างแรง ทำให้การ์ดจอป่วยครับ
*********************************************
เป็นที่ RAM ไม่พอมั้ง แต่ไปปรับ Virtual memory ก็ช่วยได้นิดหน่อย เพียงแต่วิธีนี้จะไปลด
พื้นที่ของ HDD เรานั่นเองเพื่อจำลองพื้นที่ HDD เป็นเสมือน RAM แต่รู้สึกการทำงานมันช้ากว่า
พูดง่ายๆของที่ทำจำลองขึ้นมามันไม่มีทางดีกว่าของจริงได้หรอก
วิธีปรับ Virtual Memory สำหรับ Windows XP นะ(ระบบปฏิบัติการอื่นๆผมลืมไปแล้วอะว่าทำไงจำนี้ได้อันเดียว)
1.คลิกขวาที่ My Computer และเลือก Properties จะขึ้นกรอบหน้าต่าง System Properties
2.เลือกแถบ Advanced ให้ดูที่หัวข้อ Performance คลิกปุ่ม Settings จะขึ้นกรอบหน้าต่าง Performance Options
3.เลือกแถบ Advanced ให้ดูที่หัวข้อ Virtual memory ให้คลิกปุ่ม Change จะขึ้นกรอบหน้าต่าง Virtual Memory
คราวนี้มาดูตรง Drive [Volume Label] ให้เราเลือก Drive ที่จะจำลอง Virtual Memory นี้
โดยส่วนตัวผมจะจำลองลงบน Drive ที่มี OS ครับ ท่านก็เลือกตามใจชอบนะ
เมื่อคลิกเลือก Drive ที่ต้องการแล้วมาดูในหัวข้อ Paging file size for selected drive
ตรงตัวเลือก Custom size เมื่อเลือกไป จะมีข้อย่อย 2 ข้อคือ
Initial size (MB) จะเป็นตัวกำหนดพื้นที่ของ Virtual Memory นี้ ค่าที่เราใส่ไปที่ช่องนี้จะเป็นตัวกำหนด
ว่าจะจองพื้นที่ขั้นต่ำใน HDD เท่าไหร่ในการจำลอง Virtual Memory มีหน่วยเป็น MB
และ
Maximum size (MB) เป็นตัวที่จะกำหนดค่าสูงสุดของ Virtual Memory ว่าจะให้ Virtual Memory
มีขนาดไม่เกินเท่าใด
และก็คงจะมีคำถามต่อว่าเราปรับ Virtual Memory ไปเพื่ออะไรหละ ผมก็ไม่รู้ละเอียด และก็อาจจะรู้มาผิดๆก็ได้
คือผมเข้าใจว่า เมื่อ Ram ณ ช่วงเวลาหนึ่งเวลาใดเกิดมีหน่วยความจำไม่พอมันก็จะไปหาหน่วยความจำเสมือนแทน
ซึ่งก็คือ Virtual Memory นั่นเอง ถ้าหากไม่มี หรือมีไม่พอ มันก็คงจะเตือนให้เราทราบ แบบที่เจ้าของกระทู้ว่ามามั้ง
แต่บางที่ Ram มีพอและมันเตือนอย่างที่เจ้าของกระทู้บอกก็มีนะ ผมเคยเจอ ทั้งที่ Ram เราก็มีพอ แต่ก็ยังเตือน
ผมเลยคิดว่า Software บางอย่างอาจมีความต้องการ Virtual Memory แต่เวลาปรับก็ปรับแต่พอดีนะ
เพราะอย่าลืมว่า Virtual Memory กินพื้นที่ของ HDD เรา เพราะงั้นถ้าปรับเยอะเกินความจำเป็น
เราก็จะเสียพื้นที่ใน HDD โดยเปล่าประโยชน์ สงสัยผมคงแนะนำได้แค่นี้หละมั้ง สุดปัญญาและ
ปล. จะไปเพิ่ม Ram ก็ได้แต่ก็เสียตังค์อะนะ เออและเท่าที่อ่านคอมเม้นกระทู้นี้มีคนแนะนำให้เปลี่ยน GPU ด้วย อืมอันนี้ผมว่าน่าสนใจอยู่ เพราะได้การประมวลผลกราฟฟิกที่ดีขึ้นด้วย(แต่ก็ราคาไม่ใช่ถูกๆนะ) ยังไงลองแก้ไข
จากใช้งบน้อยและไล่ไปสู่งบมากดีกว่า แต่ถ้าเงินหนา เปลี่ยนทั้ง GPU และ เพิ่ม RAM ด้วยเลย
USB มองไม่เห็น
เมื่อเราเสียบ USB แต่เครื่องมองไม่เห็น
แก้ไขโดย ให้ทำการเคลียร์ไบออส หรือเคลียร์ CMOS เท่านี้ก็ใช้ได้เหมือนเดิม
แก้ไขโดย ให้ทำการเคลียร์ไบออส หรือเคลียร์ CMOS เท่านี้ก็ใช้ได้เหมือนเดิม
เมื่อพบเจอ Blue Screen ควรทำอย่างไร
คำว่า Blue Screen คนเล่นคอม จะรู้จักดีและเป็นสิ่งที่ทุกคนกลัวไม่อยากให้เกิดกับเครื่องของตน เพราะถ้าเกิดนั้นเป็นสัญญาณบอกเหตุว่าคอมของตนเริ่มมีปัญหา
แต่ที่น่าเจ็บใจคือมันบอกเป็นเลขรหัสที่เราๆ ท่านๆ ต้องงงเพราะไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอะไร และจะมีทางแก้ไขอย่างไร ผมไปอ่านเจอมาว่าแต่ละตัวมีความหมายอย่างไร
ก็ลองแปลมาให้คุณๆ ได้อ่าน คิดว่าน่าจะเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหา ได้บ้าง รหัสที่แจ้งของ Blue Screen จริงๆมีเกินร้อยตัว
1.(stop code 0X000000BE) Attempted Write To Readonly Memory
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้เกิดจากการลง driver หรือ โปรแกรม หรือ service ที่ผิดพลาด เช่น ไฟล์บางไฟล์เสีย ไดร์เวอร์คนละรุ่นกัน ทางแก้ไขให้ uninstall
โปรแกรมตัวที่ลงก่อนที่จะเกิดปัญหานี้ ถ้าเป็นไดร์เวอร์ก็ให้ทำการ roll back ไดร์เวอร์ตัวเก่ามาใช้ หรือ หาไดร์เวอร์ที่ล่าสุดมาลง (กรณีที่มีใหม่กว่า) ถ้าเป็นพวก service ต่างๆ
ที่เราเปิดก่อนเกิดปัญหาก็ให้ทำการปิด หรือ disable ซะ
2.(stop code 0X000000C2) Bad Pool Caller
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
ตัวนี้จะคล้ายกับตัวข้างบน แต่เน้นที่พวก hardware คือเกิดจากอัฟเกรดเครื่องพวก Hardware ต่าง เช่น ram ,harddisk การ์ดต่างๆ ไม่ compatible กับ XP
ทางแก้ไขก็ให้เอาอุปกรณ์ที่อัฟเกรดออก ถ้าจำเป็นต้องใช้ก็ให้ลงไดร์เวอร์ หรือ อัฟเดท firmware ของอุปกรณ์นั้นใหม่ และคำเตือนสำหรับการจะอัฟเดท ให้ปิด anti-virus ด้วยนะครับ
เดียวมันจะยุ่งเพราะพวกโปรแกรม anti-virus มันจะมองว่าเป็นไวรัส
3.(stop code 0X0000002E) Data Bus Error
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้เกิดจากการส่งข้อมูลที่เรียกว่า BUS ของฮาร์ดแวร์เสียหาย ซึ่งได้แก่ ระบบแรม ,cache L2 ของซีพียู , เมมโมรีของการ์ดจอ, ฮาร์ดดิสก์ทำงานหนักถึงขั้น error (ร้อนเกินไป)
และเมนบอร์ดเสีย
4.(stop code 0X000000D1)Driver IRQL Not Less Or Equal
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการไดร์เวอร์กับ IRQ(Interrupt Request ) ไม่ตรงกัน การแก้ไขก็เหมือนกับ error ข้อที่ 1
5. (stop code 0X0000009F)Driver Power State Failure
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้เกิดจาก ระบบการจัดการด้านพลังงานกับไดรเวอร์ หรือ service ขัดแย้งกัน เมื่อคุณให้คอมทำงานแบบ"hibernate" แนวทางแก้ไข ถ้าวินโดวส์แจ้ง error
ไดร์เวอร์หรือ service ตัวไหนก็ให้ uninstall ตัวนั้น หรือจะใช้วิธี Rollback driver หรือ ปิดระบบจัดการพลังงานของวินโดวส์ซะ
6.(stop code 0X000000CE) Driver Unloaded Without Cancelling Pending Operations
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการไดร์เวอร์ปิดตัวเองทั้งๆ ทีวินโดวส์ยังไม่ได้สั่ง การแก้ไขให้ทำเหมือนข้อ 1
7.(stop code 0X000000F2)Hardware Interrupt Storm
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการที่เกิดจากอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ เช่น USB หรือ SCSI controller จัดตำแหน่งกับ IRQ ผิดพลาด สาเหตุจากไดร์เวอร์หรือ firmware การแก้ไขเหมือนกับข้อ 1
8.(stop code 0X0000007B)Inaccessible Boot Device
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้จะมักเจอตอนบูตวินโดวส์ จะมีข้อความบอกว่าไม่สามารถอ่านข้อมูลของไฟล์ระบบหรือ boot partitions ได้ ให้ตรวจฮาร์ดดิสก์ว่าปกติหรือไม่ สายแพหรือสายไฟที่เข้าฮาร์ดดิสก์หลุดหรือไม่
ถ้าปกติดีก็ให้ตรวจไฟล์ boot.ini อาจจะเสีย หรือไม่ก็มีการทำงานแบบmulti OS ให้ตรวจดูว่าที่ไฟล์นี้อาจเขียน config ของ OS ขัดแย้งกัน
อีกกรณีหนึ่งที่เกิด error นี้ คือเกิดขณะ upgrade วินโดวส์ สาเหตุจากมีอุปกรณ์บางตัวไม่ compatible ให้ลองเอาอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นหรือคิดว่ามีปัญหาออก เมื่อทำการ upgrade
วินโดวส์ เรียบร้อย ค่อยเอาอุปกรณ์ที่มีปัญหาใส่กลับแล้วติดตั้งด้วยไดร์เวอร์รุ่นล่าสุด
9. (stop code 0X0000007A) Kernel Data Inpage Error
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้เกิดมีปัญหากับระบบ virtual memory คือวินโดวส์ไม่สามารถอ่านหรือเขียนข้อมูลที่ swapfile ได้ สาเหตุอาจเกิดจากฮาร์ดดิสก์เกิด bad sector, เครื่องติดไวรัส,
ระบบ SCSI ผิดพลาด, RAM เสีย หรือ เมนบอร์ดเสีย
10. (stop code 0X00000077) Kernel Stack Inpage Error
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการและสาเหตุเดียวกับข้อ 9
11.(stop code 0X0000001E) Kmode Exception Not Handled
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้เกิดการทำงานที่ผิดพลาดของไดร์เวอร์ หรือ service กับ หน่วยความจำ และ IRQ ถ้ามีรายชื่อของไฟล์หรือ service แสดงออกมากับ error นี้ให้ทำการ uninstall
โปรแกรมหรือทำการ roll back ไดร์เวอร์ตัวนั้น
ถ้ามีการแจ้งว่า error ที่ไฟล์ win32k สาเหตุเกิดจาก การ control software ของบริษัทอื่นๆ (Third-party) ที่ไม่ใช้ของวินโดวส์ ซึ่งมักจะเกิดกับพวก Networking
และ Wireless เป็นส่วนใหญ่
Error นี้อาจจะเกิดสาเหตุอีกอย่าง นั้นคือการ run โปรแกรมต่างๆ แต่หน่วยความจำไม่เพียงพอ
12.(stop code 0X00000079)Mismatched Hal
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้เกิดการทำงานผิดพลาดของ Hardware Abstraction Layer (HAL) มาทำความเข้าใจกับเจ้า HAL ก่อน HAL
มีหน้าที่เป็นตัวจัดระบบติดต่อระหว่างฮาร์ดแวร์กับซอฟท์แวร์ว่าแอปพลิเคชั่นตัวไหนวิ่งกับอุปกรณ์ตัวไหนให้ถูกต้อง ยกตัวอย่าง คุณมีซอฟท์แวร์ที่ออกแบบไว้ใช้กับ Dual CPU
มาใช้กับเมนบอร์ดที่เป็น Single CPU วินโดว์ก็จะไม่ทำงาน วิธีแก้คือ reinstall วินโดวส์ใหม่
สาเหตุอีกประการการคือไฟล์ที่ชื่อ NToskrnl.exe หรือ Hal.dll หมดอายุหรือถูกแก้ไข ให้เอา Backup ไฟล์ หรือเอา original
ไฟล์ที่คิดว่าไม่เสียหรือเวอร์ชั่นล่าสุดก๊อปปี้ทับไฟล์ที่เสีย
13.(stop code 0X0000003F)No More System PTEs
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้เกิดจากระบบ Page Table Entries (PTEs) ทำงานโดย Virtual Memory Manager (VMM)
ผิดพลาด ทำให้วินโดวส์ทำงานโดยไม่มี PTEs ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับวินโดวส์ อาการนี้มักจะเกิดกับการที่คุณทำงานแบบ multi monitors
ถ้าคุณเกิดปัญหานี้บ่อยครั้ง คุณสามารถปรับแต่ง PTEs ได้ใหม่ ดังนี้
1. ให้เปิด Registry ขึ้นมาแก้ไข โดยไปที่ Start > Run แล้วพิมพ์คำสั่ง Regedit
2. ไปตามคีย์นี้ HKEY_LOCAL_MACHINESYSTEMCurrentControlSetControlSession ManagerMemory Management
3. ให้ดูที่หน้าต่างขวามือ ดับคลิกที่ PagedPoolSize ให้ใส่ค่าเป็น 0 ที่ Value data และคลิก OK
4. ดับเบิลคลิกที่ SystemPages ถ้าคุณใช้ระบบจอแบบ Multi Monitor ให้ใส่ค่า 36000 ที่ Value data หรือใส่ค่า 40000 ถ้าเครื่องคุณมี RAM
128 MB และค่า 110000 ในกรณีที่เครื่องมี RAM เกินกว่า 128 MB แล้วคลิก OK
รีสตาร์ทเครื่อง
14.(stop code 0X00000024) NTFS File System
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้สาเหตุเกิดจากการรายงานผิดพลาดของ Ntfs.sys คือไดร์เวอร์ของ NTFS อ่านและเขียนข้อมูลผิดพลาด สาเหตูนี้รวมถึง การทำงานผิดพลาดของ controller
ของ IDE หรือ SCSI เนื่องจากการทำงานของโปรแกรมสแกนไวรัส หรือ พื้นที่ของฮาร์ดดิสก์เสีย คุณๆสามารถทราบรายละเอียดของerror
นี้ได้โดยให้เปิดดูที่ Event Viewer วิธีเปิดก็ให้ไปที่ start > run แล้วพิมพ์คำสั่ง eventvwr.msc เพื่อเปิดดู Log file ของการ error
โดยให้ดูการ error ของ SCSI หรือ FASTFAT ในหมวด System หรือ Autochk ในหมวด Application
15.(stop code 0X00000050)Page Fault In Nonpaged Area
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้สาเหตุการจากการผิดพลาดของการเขียนข้อมูลในแรม การแก้ไขก็ให้ทำความสะอาดขาแรมหรือลองสลับแรมดูหรือไม่ก็หาโปรแกรมที่ test แรมมาตรวจว่าแรมเสียหรือไม่
16.(stop code 0Xc0000221)Status Image Checksum Mismatch
[color=blue]สาเหตุและแนวทางแก้ไข:[/color]
อาการนี้สาเหตุมาจาก swapfile เสียหายรวมถึงไดร์เวอร์ด้วย การแก้ไขก็เหมือนข้อ 15
17.(stop code 0X000000EA) Thread Stuck In Device Driver
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการของ error นี้คือการทำงานของเครื่องจะทำงานในแบบวนซ้ำๆ กันไม่สิ้นสุด เช่นจะรีสตร์ทตลอด หรือแจ้งerror อะไรก็ได้ขึ้นมาไม่หยุด ปัญหานี้ สาเหตุอาจจะเกิดจาก bug
ของโปรแกรมหรือสาเหตุอื่นๆ เป็นร้อย การแก้ไขให้พยายามทำตามนี้
1.ให้ดูที่ power supply ของคุณว่าจ่ายกำลังไฟเพียงพอกับความต้องการของคอมคุณหรือไม่ ให้ดูว่าในเครื่องคุณมีอุปกรณ์มากไปไม่เหมาะกับ power supply
ของคุณ ก็ให้เปลื่ยนตัวใหม่ให้กำลังมากขึ้น ปัญหานี้ผมเคยมีประสพการณ์แล้ว 2 ครั้ง คือ
2. ให้คุณดูที่การ์ดจอว่าได้ใช้ไดร์เวอร์ตัวล่าสุด ถ้าแน่ใจว่าใช้ตัวล่าสุดแล้วยังมีอาการ ก็ให้ทำการ Rollback ไดร์เวอร์ตัวก่อนที่จะเกิดปัญหา
3. ตรวจดูการ์ดจอและเมนบอร์ดว่าเสียหรือไม่เช่น มีรอยไหม้, ลายวงจรขาด มีชิ้นสวนบางชิ้นหลุดจากตำแหน่งเดิม เป็นต้น
4. ดูที่ bios ว่าส่วนของ VGA slot เลือกโหมด 4x,8x ถูกตามสเปกของการ์ดหรือไม่
5. เช็คดูที่ผู้ผลิตเมนบอร์ดว่ามีไดร์เวอร์ตัวใหม่หรือไม่ ถ้ามีให้โหลดลงใหม่ซะ
6. ถ้าคุณมีการ์ดแลนหรือเมนบอร์ดของคุณมี on board อยู่ให้ disable ฟังก์ชั่น "PXE Resume/Remote Wake Up" โดยไปปิดที่ BIOS
18. (stop code 0X0000007F) unexpected Kernel Mode Trap
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้ส่วนใหญ่จะเป็นกับนัก overclock (ผมก็คนหนึ่ง) เป็นอาการ RAM ส่งข้อมูลให้ CPU ไม่สัมพันธ์กันคือ CPU วิ่งเร็วเกินไป หรือร้อนเกินไปสาเหตุเกิดจากการ overclock
วิธีแก้ก็คือลด clock ลงมาให้เป็นปกติ หรือ หาทางระบายความร้อนจาก CPU ให้มากที่สุด
19. (stop code 0X000000ED)Unmountable Boot Volume
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการที่วินโดวส์หาฮาร์ดดิสก์ไม่เจอ (ไม่ใช่ตัวบูตระบบ) ในกรณีที่คุณมีฮาร์ดดิสก์หลายตัว หนึ่งในนั้นคุณอาจใช้สายแพของฮาร์ดดิสก์ผิด เช่น ฮาร์ดดิสก์เป็นแบบ 33MB/secound
ซึ่งต้องใช้สายแพ 40 pin แต่คุณเอาแบบ 80 pin ไปต่อแทน
20. (stop code 0X0000007E) ในกรณีที่ลงวินโดว์ใหม่แล้วฟ้อง code นี้ อาจจะเป็นที่แผ่นวินโดว์ที่ลงไม่ Support กับตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ก็ได้
ลองเปลี่ยนแผ่นหรือเปลี่ยนไปลงวินโดว์อืนลองดูครับอาจหายได้
แต่ที่น่าเจ็บใจคือมันบอกเป็นเลขรหัสที่เราๆ ท่านๆ ต้องงงเพราะไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอะไร และจะมีทางแก้ไขอย่างไร ผมไปอ่านเจอมาว่าแต่ละตัวมีความหมายอย่างไร
ก็ลองแปลมาให้คุณๆ ได้อ่าน คิดว่าน่าจะเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหา ได้บ้าง รหัสที่แจ้งของ Blue Screen จริงๆมีเกินร้อยตัว
1.(stop code 0X000000BE) Attempted Write To Readonly Memory
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้เกิดจากการลง driver หรือ โปรแกรม หรือ service ที่ผิดพลาด เช่น ไฟล์บางไฟล์เสีย ไดร์เวอร์คนละรุ่นกัน ทางแก้ไขให้ uninstall
โปรแกรมตัวที่ลงก่อนที่จะเกิดปัญหานี้ ถ้าเป็นไดร์เวอร์ก็ให้ทำการ roll back ไดร์เวอร์ตัวเก่ามาใช้ หรือ หาไดร์เวอร์ที่ล่าสุดมาลง (กรณีที่มีใหม่กว่า) ถ้าเป็นพวก service ต่างๆ
ที่เราเปิดก่อนเกิดปัญหาก็ให้ทำการปิด หรือ disable ซะ
2.(stop code 0X000000C2) Bad Pool Caller
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
ตัวนี้จะคล้ายกับตัวข้างบน แต่เน้นที่พวก hardware คือเกิดจากอัฟเกรดเครื่องพวก Hardware ต่าง เช่น ram ,harddisk การ์ดต่างๆ ไม่ compatible กับ XP
ทางแก้ไขก็ให้เอาอุปกรณ์ที่อัฟเกรดออก ถ้าจำเป็นต้องใช้ก็ให้ลงไดร์เวอร์ หรือ อัฟเดท firmware ของอุปกรณ์นั้นใหม่ และคำเตือนสำหรับการจะอัฟเดท ให้ปิด anti-virus ด้วยนะครับ
เดียวมันจะยุ่งเพราะพวกโปรแกรม anti-virus มันจะมองว่าเป็นไวรัส
3.(stop code 0X0000002E) Data Bus Error
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้เกิดจากการส่งข้อมูลที่เรียกว่า BUS ของฮาร์ดแวร์เสียหาย ซึ่งได้แก่ ระบบแรม ,cache L2 ของซีพียู , เมมโมรีของการ์ดจอ, ฮาร์ดดิสก์ทำงานหนักถึงขั้น error (ร้อนเกินไป)
และเมนบอร์ดเสีย
4.(stop code 0X000000D1)Driver IRQL Not Less Or Equal
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการไดร์เวอร์กับ IRQ(Interrupt Request ) ไม่ตรงกัน การแก้ไขก็เหมือนกับ error ข้อที่ 1
5. (stop code 0X0000009F)Driver Power State Failure
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้เกิดจาก ระบบการจัดการด้านพลังงานกับไดรเวอร์ หรือ service ขัดแย้งกัน เมื่อคุณให้คอมทำงานแบบ"hibernate" แนวทางแก้ไข ถ้าวินโดวส์แจ้ง error
ไดร์เวอร์หรือ service ตัวไหนก็ให้ uninstall ตัวนั้น หรือจะใช้วิธี Rollback driver หรือ ปิดระบบจัดการพลังงานของวินโดวส์ซะ
6.(stop code 0X000000CE) Driver Unloaded Without Cancelling Pending Operations
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการไดร์เวอร์ปิดตัวเองทั้งๆ ทีวินโดวส์ยังไม่ได้สั่ง การแก้ไขให้ทำเหมือนข้อ 1
7.(stop code 0X000000F2)Hardware Interrupt Storm
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการที่เกิดจากอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ เช่น USB หรือ SCSI controller จัดตำแหน่งกับ IRQ ผิดพลาด สาเหตุจากไดร์เวอร์หรือ firmware การแก้ไขเหมือนกับข้อ 1
8.(stop code 0X0000007B)Inaccessible Boot Device
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้จะมักเจอตอนบูตวินโดวส์ จะมีข้อความบอกว่าไม่สามารถอ่านข้อมูลของไฟล์ระบบหรือ boot partitions ได้ ให้ตรวจฮาร์ดดิสก์ว่าปกติหรือไม่ สายแพหรือสายไฟที่เข้าฮาร์ดดิสก์หลุดหรือไม่
ถ้าปกติดีก็ให้ตรวจไฟล์ boot.ini อาจจะเสีย หรือไม่ก็มีการทำงานแบบmulti OS ให้ตรวจดูว่าที่ไฟล์นี้อาจเขียน config ของ OS ขัดแย้งกัน
อีกกรณีหนึ่งที่เกิด error นี้ คือเกิดขณะ upgrade วินโดวส์ สาเหตุจากมีอุปกรณ์บางตัวไม่ compatible ให้ลองเอาอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นหรือคิดว่ามีปัญหาออก เมื่อทำการ upgrade
วินโดวส์ เรียบร้อย ค่อยเอาอุปกรณ์ที่มีปัญหาใส่กลับแล้วติดตั้งด้วยไดร์เวอร์รุ่นล่าสุด
9. (stop code 0X0000007A) Kernel Data Inpage Error
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้เกิดมีปัญหากับระบบ virtual memory คือวินโดวส์ไม่สามารถอ่านหรือเขียนข้อมูลที่ swapfile ได้ สาเหตุอาจเกิดจากฮาร์ดดิสก์เกิด bad sector, เครื่องติดไวรัส,
ระบบ SCSI ผิดพลาด, RAM เสีย หรือ เมนบอร์ดเสีย
10. (stop code 0X00000077) Kernel Stack Inpage Error
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการและสาเหตุเดียวกับข้อ 9
11.(stop code 0X0000001E) Kmode Exception Not Handled
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้เกิดการทำงานที่ผิดพลาดของไดร์เวอร์ หรือ service กับ หน่วยความจำ และ IRQ ถ้ามีรายชื่อของไฟล์หรือ service แสดงออกมากับ error นี้ให้ทำการ uninstall
โปรแกรมหรือทำการ roll back ไดร์เวอร์ตัวนั้น
ถ้ามีการแจ้งว่า error ที่ไฟล์ win32k สาเหตุเกิดจาก การ control software ของบริษัทอื่นๆ (Third-party) ที่ไม่ใช้ของวินโดวส์ ซึ่งมักจะเกิดกับพวก Networking
และ Wireless เป็นส่วนใหญ่
Error นี้อาจจะเกิดสาเหตุอีกอย่าง นั้นคือการ run โปรแกรมต่างๆ แต่หน่วยความจำไม่เพียงพอ
12.(stop code 0X00000079)Mismatched Hal
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้เกิดการทำงานผิดพลาดของ Hardware Abstraction Layer (HAL) มาทำความเข้าใจกับเจ้า HAL ก่อน HAL
มีหน้าที่เป็นตัวจัดระบบติดต่อระหว่างฮาร์ดแวร์กับซอฟท์แวร์ว่าแอปพลิเคชั่นตัวไหนวิ่งกับอุปกรณ์ตัวไหนให้ถูกต้อง ยกตัวอย่าง คุณมีซอฟท์แวร์ที่ออกแบบไว้ใช้กับ Dual CPU
มาใช้กับเมนบอร์ดที่เป็น Single CPU วินโดว์ก็จะไม่ทำงาน วิธีแก้คือ reinstall วินโดวส์ใหม่
สาเหตุอีกประการการคือไฟล์ที่ชื่อ NToskrnl.exe หรือ Hal.dll หมดอายุหรือถูกแก้ไข ให้เอา Backup ไฟล์ หรือเอา original
ไฟล์ที่คิดว่าไม่เสียหรือเวอร์ชั่นล่าสุดก๊อปปี้ทับไฟล์ที่เสีย
13.(stop code 0X0000003F)No More System PTEs
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้เกิดจากระบบ Page Table Entries (PTEs) ทำงานโดย Virtual Memory Manager (VMM)
ผิดพลาด ทำให้วินโดวส์ทำงานโดยไม่มี PTEs ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับวินโดวส์ อาการนี้มักจะเกิดกับการที่คุณทำงานแบบ multi monitors
ถ้าคุณเกิดปัญหานี้บ่อยครั้ง คุณสามารถปรับแต่ง PTEs ได้ใหม่ ดังนี้
1. ให้เปิด Registry ขึ้นมาแก้ไข โดยไปที่ Start > Run แล้วพิมพ์คำสั่ง Regedit
2. ไปตามคีย์นี้ HKEY_LOCAL_MACHINESYSTEMCurrentControlSetControlSession ManagerMemory Management
3. ให้ดูที่หน้าต่างขวามือ ดับคลิกที่ PagedPoolSize ให้ใส่ค่าเป็น 0 ที่ Value data และคลิก OK
4. ดับเบิลคลิกที่ SystemPages ถ้าคุณใช้ระบบจอแบบ Multi Monitor ให้ใส่ค่า 36000 ที่ Value data หรือใส่ค่า 40000 ถ้าเครื่องคุณมี RAM
128 MB และค่า 110000 ในกรณีที่เครื่องมี RAM เกินกว่า 128 MB แล้วคลิก OK
รีสตาร์ทเครื่อง
14.(stop code 0X00000024) NTFS File System
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้สาเหตุเกิดจากการรายงานผิดพลาดของ Ntfs.sys คือไดร์เวอร์ของ NTFS อ่านและเขียนข้อมูลผิดพลาด สาเหตูนี้รวมถึง การทำงานผิดพลาดของ controller
ของ IDE หรือ SCSI เนื่องจากการทำงานของโปรแกรมสแกนไวรัส หรือ พื้นที่ของฮาร์ดดิสก์เสีย คุณๆสามารถทราบรายละเอียดของerror
นี้ได้โดยให้เปิดดูที่ Event Viewer วิธีเปิดก็ให้ไปที่ start > run แล้วพิมพ์คำสั่ง eventvwr.msc เพื่อเปิดดู Log file ของการ error
โดยให้ดูการ error ของ SCSI หรือ FASTFAT ในหมวด System หรือ Autochk ในหมวด Application
15.(stop code 0X00000050)Page Fault In Nonpaged Area
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้สาเหตุการจากการผิดพลาดของการเขียนข้อมูลในแรม การแก้ไขก็ให้ทำความสะอาดขาแรมหรือลองสลับแรมดูหรือไม่ก็หาโปรแกรมที่ test แรมมาตรวจว่าแรมเสียหรือไม่
16.(stop code 0Xc0000221)Status Image Checksum Mismatch
[color=blue]สาเหตุและแนวทางแก้ไข:[/color]
อาการนี้สาเหตุมาจาก swapfile เสียหายรวมถึงไดร์เวอร์ด้วย การแก้ไขก็เหมือนข้อ 15
17.(stop code 0X000000EA) Thread Stuck In Device Driver
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการของ error นี้คือการทำงานของเครื่องจะทำงานในแบบวนซ้ำๆ กันไม่สิ้นสุด เช่นจะรีสตร์ทตลอด หรือแจ้งerror อะไรก็ได้ขึ้นมาไม่หยุด ปัญหานี้ สาเหตุอาจจะเกิดจาก bug
ของโปรแกรมหรือสาเหตุอื่นๆ เป็นร้อย การแก้ไขให้พยายามทำตามนี้
1.ให้ดูที่ power supply ของคุณว่าจ่ายกำลังไฟเพียงพอกับความต้องการของคอมคุณหรือไม่ ให้ดูว่าในเครื่องคุณมีอุปกรณ์มากไปไม่เหมาะกับ power supply
ของคุณ ก็ให้เปลื่ยนตัวใหม่ให้กำลังมากขึ้น ปัญหานี้ผมเคยมีประสพการณ์แล้ว 2 ครั้ง คือ
2. ให้คุณดูที่การ์ดจอว่าได้ใช้ไดร์เวอร์ตัวล่าสุด ถ้าแน่ใจว่าใช้ตัวล่าสุดแล้วยังมีอาการ ก็ให้ทำการ Rollback ไดร์เวอร์ตัวก่อนที่จะเกิดปัญหา
3. ตรวจดูการ์ดจอและเมนบอร์ดว่าเสียหรือไม่เช่น มีรอยไหม้, ลายวงจรขาด มีชิ้นสวนบางชิ้นหลุดจากตำแหน่งเดิม เป็นต้น
4. ดูที่ bios ว่าส่วนของ VGA slot เลือกโหมด 4x,8x ถูกตามสเปกของการ์ดหรือไม่
5. เช็คดูที่ผู้ผลิตเมนบอร์ดว่ามีไดร์เวอร์ตัวใหม่หรือไม่ ถ้ามีให้โหลดลงใหม่ซะ
6. ถ้าคุณมีการ์ดแลนหรือเมนบอร์ดของคุณมี on board อยู่ให้ disable ฟังก์ชั่น "PXE Resume/Remote Wake Up" โดยไปปิดที่ BIOS
18. (stop code 0X0000007F) unexpected Kernel Mode Trap
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้ส่วนใหญ่จะเป็นกับนัก overclock (ผมก็คนหนึ่ง) เป็นอาการ RAM ส่งข้อมูลให้ CPU ไม่สัมพันธ์กันคือ CPU วิ่งเร็วเกินไป หรือร้อนเกินไปสาเหตุเกิดจากการ overclock
วิธีแก้ก็คือลด clock ลงมาให้เป็นปกติ หรือ หาทางระบายความร้อนจาก CPU ให้มากที่สุด
19. (stop code 0X000000ED)Unmountable Boot Volume
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการที่วินโดวส์หาฮาร์ดดิสก์ไม่เจอ (ไม่ใช่ตัวบูตระบบ) ในกรณีที่คุณมีฮาร์ดดิสก์หลายตัว หนึ่งในนั้นคุณอาจใช้สายแพของฮาร์ดดิสก์ผิด เช่น ฮาร์ดดิสก์เป็นแบบ 33MB/secound
ซึ่งต้องใช้สายแพ 40 pin แต่คุณเอาแบบ 80 pin ไปต่อแทน
20. (stop code 0X0000007E) ในกรณีที่ลงวินโดว์ใหม่แล้วฟ้อง code นี้ อาจจะเป็นที่แผ่นวินโดว์ที่ลงไม่ Support กับตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ก็ได้
ลองเปลี่ยนแผ่นหรือเปลี่ยนไปลงวินโดว์อืนลองดูครับอาจหายได้
แก้ปัญหาคอมค้าง
Link
http://www.vcharkarn.com/vblog/38796/6
ปัญหาส่วนใหญ่ เกิดจากอะไรบ้าง
ส่วนใหญ่ของปัญหาเครื่องคอมพิวเตอร์ค้างก็มีได้มากมาย แต่สาเหตุหลัก ๆ ก็ขอรวบรวมมาไว้ตรงนี้
1. การไม่เข้ากันของอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่นเมนบอร์ดกับการ์ดจอ หรือการ์ดเสียง
2. การต่อสายไฟ สายส่งข้อมูลต่าง ๆ หลวมหรือต่อไว้ไม่แน่นดีพอ
3. การเสียบแรม ขั้วต่อสาย หรือ การ์ด ต่าง ๆ หลวมหรือไม่แน่น
4. ความสกปรกของจุดสัมผัสของอุปกรณ์ เช่นขาของแรม ขั้วต่อของการ์ดต่าง ๆ ในเครื่อง
5. ฮาร์ดดิสก์ เริ่มมีปัญหา หรือใกล้จะเสีย
6. ระบบไฟ หรือระบบจ่ายไฟไม่ดีพอ เช่นไฟตกบ่อย ๆ หรือชุดจ่ายไฟไม่ดั
7. การลงโปรแกรมไม่สมบูรณ์ หรือมีปัญหากับซอฟต์แวร์บางตัว
8. ความร้อนของ ซีพียู พัดลมของ ซีพียู ตรวจสอบว่ายังทำงานได้ปกติหรือไม่
9. ก่อนที่จะเกิดปัญหา ได้มีการทำอะไรบ้าง เช่นลงโปรแกรมเพิ่ม หรือเพิ่มการ์ดในเครื่อง นั่นอาจจะเป็นสาเหตุหลักก็ได้
1. ซีพียู
เครื่องที่แฮงค์บ่อย เนื่องจาก ซีพียู นี้ เกิดจากการนำเอา ซีพียูรุ่นต่ำกว่ามาขายเป็นรุ่นสูงกว่า
เนื่องจากซีพียูแต่ละตัว จะถูกผลิตให้ทำงานเกินมาตรฐานประมาณ 20 % อยู่แล้ว ทำให้เกิดมีพ่อค้าหัวใส
เอาซีพียูรุ่นต่ำกว่ามาสกรีนข้อความบนตัวซีพียูใหม่ เป็นรุ่นสูงกว่า ขายได้ในราคาสูงกว่า วิธีการแบบนี้เรียกว่า การ remark บางครั้ง ผู้ขายเครื่อง (ประกอบเครื่องขายอีกที) ก็ไม่รู้ว่า ซีพียูนั้นถูก remark หรือไม่ เขาก็รับซีพียูมาเพื่อประกอบอีกทีหนึ่ง พวกนี้ เวลาเรานำเครื่องไปเคลม เขาเองก็หาสาเหตุไม่ได้เหมือนกัน ก็ต้องลองเปลี่ยนชิ้นส่วนไล่ไปทีละตัว จนกว่าเครื่องจะมีอาการดีขึ้น
2. พัดลมซีพียู
พัดลมก็สามารถเป็นสาเหตุให้เครื่องแฮงค์ได้เหมือนกัน ถ้าเป็นพัดลมคุณภาพต่ำ หรือเป็นพัดลมตัวเล็ก ไม่เพียงพอความต้องการของซีพียู ก็จะทำให้ซีพียูเกิดความร้อนสูงเกินไป จนทำให้เครื่องแฮงค์ได้ ถ้าแน่ใจว่าพัดลมตัวใหญ่พอ สาเหตุอาจเกิดจากพัดลมเสีย คือ หมุนบ้างไม่หมุนบ้าง หรือไม่หมุนเลย แบบนี้ ซื้อตัวใหม่เปลี่ยนได้เลย ถ้าซื้อใหม่ ควรซื้อพัดลมที่มีตัววัดรอบการหมุนของใบพัดด้วย เราจะได้ตรวจเช็คได้โดยทาง software หรือ ทาง bios โดยไม่ต้องเปิดฝาเครื่องดู
3. เพาเวอร์ซัพพลาย
หลายคนคงหาสาเหตุการแฮงค์ไม่เจอ เปลี่ยนชิ้นส่วนทุกชิ้นส่วนดูแล้ว ฟอร์แมต ลงโปรแกรมใหม่ก็แล้ว
เครื่องก็ยังแฮงอยู่เรื่อย ใครจะรู้ อีกสาเหตุหนึ่งมาจากตัวเพาเวอร์ซัพพลายนี่แหละครับ ถ้าเพาเวอร์ซัพพลายไม่ดี คือ จ่ายไฟไม่สม่ำเสมอ จ่ายไฟขาดบ้าง เกินบ้าง ไม่ใช้แค่เครื่องแฮงค์ครับ ชิ้นส่วนบางชิ้น หรือทุกชิ้น อาจพังได้ ต้องระวังให้ดี เราสามารถเช็คกระแสไฟได้จาก bios หรือจาก software เช่น Motherboard Monitor คอยหมั่นเช็คก็ดีครับ แต่ถ้าเจอแบบ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายหละก็ คงเช็คยาก ลงทุนเปลี่ยนตัวใหม่ก็ดีครับ ตัดปัญหา เพาเวอร์ตัวหนึ่ง ถ้าเป็น AT ไม่เกิน 500 บาทหรอกครับ ถ้าเป็น ATX ก็ไม่น่าเกิน 800 บาท (แบบมาตรฐาน)
4. ฮาร์ดดิสค์
อีกสาเหตุหนึ่งก็ตัว ฮาร์ดดิสค์ นี่แหละครับ คือ อาการ bad sector
ที่เกิดขึ้นแบบจานแม่เหล็กในฮาร์ดดิสค์ เราสามารถตรวจเช็คได้ง่าย โดยการใช้ scandisk ของตัว Windows
นี่แหละครับ เลือก option : Thorough ถ้าเจอ bad sector จริง ก็รีบ mark ตัว bad sector ไว้
เพื่อไม่ให้เครื่องเข้าถึงข้อมูลใน sector นั้นอีก ถ้าตัวฮาร์ดดิสค์ยังอยู่ในประกัน (3-5 ปี) เอาไปเคลมเลยครับ อย่ารอช้า ถ้าหมดประกันแล้ว ก็ต้องทนใช้ไปครับ ถ้า mark bad sector แล้ว ก็ใช้ได้ดีครับ แค่ทำให้พื้นที่เก็บข้อมูลลดลงไปเท่านั้น
5. หน่วยความจำ
หน่วยความจำ หรือ แรม นี้มีต่อมากกับการแฮงค์ของระบบ ถ้าเป็นแรมคุณภาพต่ำ รับรอง ใช้ไปแฮงค์ไป ถ้าพบว่า แรมเป็นสาเหตุ รีบนำไปเปลี่ยนกับร้านที่ซื้อมาครับ ก่อนจะหมดประกัน แล้วทุกอย่างจะลงเอยด้วยดี
บางครั้ง สาเหตุไม่ได้เกิดจากแรมไม่ดี แต่ว่าเป็นการติดตั้งครับ คือ ถ้าเราเสียบแรมไม่เข้าล็อคของมัน ก็เป็นสาเหตุให้เครื่องแฮงค์ได้ เราจะสังเกตุได้จาก บางครั้งเครื่องจะ detect แรมผิดพลาด บางทีเจอแค่แผงเดียว ถ้าเกิดมีแผงเดียวอยู่แล้ว ก็อาจทำให้เครื่อง detect แรมไม่เจอเลย แบบนี้ boot ไม่ขึ้นเลยครับ เวลาเสียบ ต้องเสียบให้เข้าล็อคครับ กดลงไปลึก ๆ จนขาทั้งสองข้างของตัวรับสามารถพับขึ้นมาล็อคตัวแรมได้ เวลาเสียบระวังหักนะครับ จับมั่นๆ เอาไว้
6. เมนบอร์ด
อีกสาเหตุหนึ่ง ก็คือตัวเมนบอร์ดเองครับ ถ้าเป็นเมนบอร์ดคุณภาพต่ำ ราคาถูก อาจเป็นสาเหตุได้ ปัญหานี้ตรวจเช็คได้ยากครับ คงต้องยกไปที่ร้าน ให้ลองเปลี่ยนชิ้นส่วนอื่น ๆ ดู ถึงจะพบปัญหานี้ได้ ถ้าสาเหตุเป็นที่เมนบอร์ดจริง ก็คงแย่หน่อย เพราะทางร้านจะส่งซ่อม แทนที่จะเคลมอันใหม่ให้ ต้องรอนานอย่างน้อยเป็นเดือนหรือมากกว่านั้นครับ ยกเว้น เพิ่งซื้อไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ อาจได้เปลี่ยนเป็นของใหม่ทันที ต้องแล้วแต่ร้านที่ซื้อมาแล้วครับ
7. ความเข้ากันได้ของอุปกรณ์ต่าง ๆ
อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมาก คือ ความเข้ากันได้ของอุปกรณ์แต่ละชิ้น ที่พบบ่อยๆ จะเป็นการเข้ากันไม่ได้ของ
เมนบอร์ดกับการ์ดแสดงผล เมนบอร์ดกับแรม จะมีบ้างคือเมนบอร์ดกับฮาร์ดดิสค์ อุปกรณ์แต่ละตัว
ไม่มีตัวไหนเสียหรือรวน ทุกตัวใช้การได้ดีหมด เพียงแต่อยู่ด้วยกันไม่ได้ ถ้าพบปัญหานี้ ลองค้นข้อมูลของอุปกรณ์แต่ละชิ้นในอินเตอร์เนท อาจจะมี patch ออกมาแก้ไขปัญหาได้ ถ้าไม่มีคงต้องปรึกษากับร้านที่คุณซื้ออุปกรณ์มา อธิบายปัญหาให้เขาฟังเพื่อจะขอเปลี่ยนชิ้นส่วนนั้น ๆ เป็นตัวอื่นที่ไม่มีปัญหา
8. ไวรัส
อาการแฮงค์จากไวรัสนี้ แม้จะสร้างปัญหามาก แต่สามารถตรวจพบ และ แก้ไข ปัญหาได้ง่าย
ขอเพียงหมั่นตรวจเช็คเจ้าวายร้าย ไวรัส ให้สม่ำเสมอ และ Update ตัวต้านไวรัสที่มีให้เป็นปัจจุบันทันต่อไวรัสปัญหานี้จะหมดไป
แต่ถ้าหากติดไวรัสเสียแล้ว ก็ควรศึกษาวิธีการปราบไวรัสและทำการปราบไวรัสให้สิ้นซากเสียก่อนที่ http://www.webphand.com/index.php
สาเหตุการแก้ไขที่ทำให้เครื่องของคุณแฮงค์
และวิธีสุดท้ายที่ได้ผลฉมังนักแล ก็ต้องลงระบบปฏิบัติการใหม่ ครับ
9. Driver
ถ้าคุณลง driver ไม่ตรงกับอุปกรณ์ที่มีอยู่ รับรองเกิดปัญหาแน่ ซึ่งอาจทำให้เครื่องแฮงค์ได้บ่อย ๆ เหมือนกัน ฉะนั้น เราจะต้องระวังปัญหานี้ไว้ด้วย สามารถตรวจเช็คว่าได้ลง driver ไว้ตรงตามรุ่นหรือไม่ โดยการ คลิกขวาที่ My Computer เลือก Property แล้วเลือก Device Manager อีกที ถ้าอุปกรณ์ใดที่มีเครื่องหมายตกใจ (!) ให้รีบแก้ไข driver ใหม่ให้ตรงตามรุ่นที่มีอยู่
10. ตัวเราเอง
ฟังดูแล้วบางคนอาจจะหัวเราะเยาะว่า ใครจะบ้าจะทำให้เครื่องตัวเองแฮงค์บ่อย สร้างปัญหาให้กับตัวเอง จริง ๆ แล้ว พวกเราอาจจะไม่ตั้งใจทำก็ได้ อาจเกิดจากความไม่รู้ ความสะเพร่า หรือความรีบร้อน เราอาจจะอยากกำจัด file ที่คิดว่าไม่สำคัญออกจากฮาร์ดดิสค์โดยการลบทิ้ง แต่แท้จริง file นั้นสำคัญมาก ถ้า file นั้นเสียหาย หรือ หายไป จะทำให้เกิดอาการผิดปกติของโปรแกรมได้ บางคนอาจจะรีบร้อนปิดเครื่องโดยที่ไม่สั่ง shutdown เสียก่อน file ต่างๆ ที่ load ไว้ยังไม่ถึงสั่งปิดอย่าถูกวิธี ทำให้ file นั้น ๆ เสียหายได้ และทำให้เครื่องแฮงได้ ฉะนั้น ทางแก้ไขคือ เราจะต้องศึกษาการใช้โปรแกรมนั้น ๆ เสียก่อน เพื่อจะได้ไม่ต้องใช้แบบผิด ๆ ถูก ๆ สร้างปัญหาให้ตัวเองอย่างไม่รู้ตัว
ข้อเสนอแนะ 2 วิธีการแก้ปัญหาครื่องแฮงค์
เครื่องแฮงค์เพราะไดรเวอร์
ไดรเวอร์คือ โปรแกรมที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการประสานงานระหว่างฮาร์ดแวร์และระบบปฏิบัติการหรืออธิบายง่ายๆ ก็คือคอยทำหน้าที่แนะนำให้ระบบปฏิบัติการรู้จักและทำงาน ร่วมกับฮาร์ดแวร์ได้นั่นเอง ดังนั้นหากอุปกรณ์ตัวไหนที่ไม่ได้ลงไดรเวอร์ ก็อาจทำให้ระบบปฏิบัติการไม่รู้จัก จึงไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ ดูแล้วไดรเวอร์ ไม่น่าจะเป็นตัวที่ทำให้เกิดปัญหาใช่มั๊ยครับ แต่เนื่องจากว่า บางครั้งไดรเวอร์ที่เป็นเวอร์ชั่นใหม่ไม่สามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์ตัวเก่าได้ มีผู้ใช้หลายคนยกเครื่องมาให้ ช่างคอมพิวเตอร์ตรวจเช็คเนื่องจากปัญหาเครื่องแฮงค์บ่อยพอสอบถามถึงปัญหาก็พบว่าผู้ใช้ได้เคยอัพเดท ไดรเวอร์รุ่นใหม่ที่ดาวน์โหลดมาจากเว็บไซต์บนอินเทอร์เน็ต ดังนั้นเมื่อตรวจเช็คแล้วก็พบว่าไดรเวอร์ที่ผู้ใช้ อัพเดทนั้นเป็นไดรเวอร์รุ่นทดสอบที่หลายเว็บไซต์มักชอบนำมาให้ดาวน์โหลดไปทด สอบกันดูก่อน เมื่อไดรเวอร์ยังไม่สมบูรณ์ จึงยังไม่สามารถทำงานเข้ากับฮาร์ดแวร์ บางตัวได้จึงทำให้เกิดปัญหาเครื่องแฮงค์ นั่นเอง ซึ่งปัญหานี้พบได้บ่อยมาก
สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาของช่างคอมพิวเตอร์ก็คือ ให้สอบถามพฤติกรรมการใช้งานของ ผู้ใช้ก่อน หากพบเครื่องที่มีอาการแฮงค์หลังจากที่ผู้ใช้อัพเดทไดรเวอร์ลงไปให้สันนิษฐา นไว้ก่อนเลยว่าเกิดจากสาเหตุนี้ วิธีแก้ปัญหาก็คือให้จัดการถอดไดรเวอร์ที่มีปัญหานั้นทิ้งไป แล้วลงไดรเวอร์ตัวเก่าที่เคยใช้งานได้ดีกลับไปเหมือนเดิม โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. ให้คลิกขวาที่ไอคอน My Computer > Properties
2. ที่หน้าต่าง System properties ให้คลิกแท็ป Device Driver
3. จากนั้นคลิกขวาที่ไดรเวอร์ของอุปกรณ์ที่มีปัญหา แล้วเลือกคำสั่ง Remove ไดรเวอร์นั้นออกไปแล้วลงไดรเวอร์ตัวเก่าที่เคยใช้งานได้ดีกลับไปเหมือนเดิม
แต่บางครั้งไดรเวอร์ที่มากับอุปกรณ์ตั้งแต่ตอนแรกที่ซื้อมา ก็อาจทำให้มีปัญหาได้เหมือนกัน โดยจะ พบบ่อยมากในไดรเวอร์ของการ์ดแสดงผล 3 มิติ และซาวด์การ์ดยี่ห้อโนเนมทางแก้ปัญหาคือ ต้องไปดาวน์โหลดไดรเวอร์เวอร์ชั่นใหม่จากเว็บไซต์ของผู้ผลิตอุปกรณ์ยี่ห้อที ่ใช้อยู่เท่านั้น ไม่ควรไปดาวน์โหลดจากเว็บไซต์อื่น เพราะจะทำให้เกิดปัญหาตามมาได้
เครื่องแฮงค์เพราะโปรแกรมแอพพลิเคชั่น
หลายครั้งที่อาการแฮงค์มักเกิดหลังจากโปรแกรมที่ติดตั้ง อยู่ในเครื่องเข้ากันไม่ได้ บางไฟล์ของโปรแกรมตัวหนึ่งอาจเข้าไปเปลี่ยนแปลงไฟล์บางตัวของระบบปฏิบัติการ จึงทำให้เกิดปัญหาขึ้นตามมาได้ ส่วนใหญ่มักเกิดจากไฟล์นามสกุล DLL ซึ่งเป็นไฟล์สาธารณะของระบบปฏิบัติการ ที่มักจะมีหลายโปรแกรมที่เราติดตั้ง เข้ามาขอใช้ไฟล์นามสกุล DLL ด้วย แต่บางโปรแกรมก็มีไฟล์ DLL เวอร์ชั่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าไฟล์ DLL ตัวเดิมของระบบปฏิบัติการ เมื่อเราติดตั้งโปรแกรมนี้ลงไปมันก็จะเขียนไฟล์ DLL ตัวใหม่ทับตัวเก่าทันที จึงทำให้เกิดปัญหาเครื่องแฮงค์ตามมา เพราะไฟล์ DLL เวอร์ชั่นใหม่ไม่สามารถทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติการได้
สำหรับแนวทางแก้ไขของช่างคอมพิวเตอร์ก็คือ ให้สอบถามพฤติกรรมของการใช้งานของผู้ใช้ก่อน เมื่อพบเครื่องที่มีลักษณะเครื่องแฮงค์หลังจากที่ผู้ใช้ลงโปรแกรมตัวใหม่ลงไป ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่าอาจ มาจากสาเหตุนี้ วิธีการแก้ไขก็คือ หากเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบนวินโดวส์ 98 / Me ให้บู๊ตเครื่องด้วยแผ่นบู๊ตแล้วพิมพ์คำสั่ง Scanreg / restore เพื่อเป็นการย้อนกลับไปใช้รีจีสทรีที่วินโดวส์ได้แบ็คอัพเก็บไว้ 5 วันหลังสุด ก็ให้เราเลือกวันที่คิดว่ายังไม่เกิดปัญหาเพียงเท่านี้ก็จะสามารถแก้ปัญหานี้ได้ครับ
สำหรับวินโดวส์ Me และวินโดวส์ XP ก็สามารถใช้โปรแกรม System Restore เพื่อย้อนกลับไปยังวันที่ไม่เกิดปัญหาได้ โดยสามารถเรียกใช้โปรแกรมได้ดังนี้
1. คลิกปุ่ม Start > Program > Accessories > System Tools > System Restore
2. เมื่อปรากฏโปรแกรม System Restore ขึ้นมาให้คลิกที่ช่อง Restore my computer to earlier time แล้วคลิกปุ่ม Next
3. เลือกวันที่และจุด Checkpoint ที่คิดว่ายังไม่เกิดปัญหา โดยวันที่ที่สามารถย้อนกลับไปได้จะเป็นช่องหนาๆ เมื่อเลือกเสร็จแล้วให้คลิกปุ่ม Next
4. จะมีหน้าต่างแสดงรายละเอียดของวันที่และจุด Checkpoint ที่ต้องการย้อนระบบกลับไป ให้เราคลิกปุ่ม Next แล้วโปรแกรมก็จะเริ่มทำการย้อนระบบกลับไปยังวันที่และจุด Checkpoint ที่เรากำหนด
ข้อเสนอแนะบ[Krootuuy2009]เกี่ยวกับโปรแกรมที่ใช้ซ่อมจุด ERROR ที่ฟ้องขึ้นปรากฏหน้าจอคอมพิวเตอร์รวมทั้งอาจซ่อมอาการแฮงค์ได้เป็นเบื้องต้นที่ผู้เขียนใช้อยู่ ณ ปัจจุบันนี้คือ
1. โปรแกรมทำความสะอาดจำพวกไฟล์ข้อมูลชั่วคราว : CCleaner
2. โปรแกรมซ่อมจุด ERROR : Error.Repair.Professional
3. โปรแกรมซ่อมแซม Registry : Registry.Repair 2.2
รู้จัก Registry ก่อนเข้าเจอะระบบ
Registry คือฐานข้อมูลส่วนกลางที่มีความสำคัญสำหรับ Windows เป็นอย่างยิ่งเพราะข้อมูลแทบทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลด้าน ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์การปรับแต่งค่าต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งรหัสผ่าน สิ่งเหล่านี้ล้วนถูกบรรจุอยู่ใน Registry ทั้งหมดRegistry จึงมีผลต่อเสถียรภาพของ Windows หากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นใน Registry เพียงแห่งเดียว ก็อาจส่งผลให้ Windows ทำงานผิดเพี้ยนหรือล่มไปทั้งระบบก็เป็นได้ ดังนั้นการที่เราจะสามารถควบคุม Windows ได้เหนือผู้ใช้งานทั่วไป การปรับแต่ง Registry จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้
หน้าที่ของ 6 คีย์หลักใน Registry
ภายใน Registry จะประกอบด้วยคีย์หลัก 6 คีย์ ด้วยกัน ซึ่งแต่ละคีย์ก็ล้วนเชื่อมต่อข้อมูลกับไฟล์ System.dat และ User.dat โดยแต่ละคีย์จะมีหน้าที่ดังนี้
HKEY_CLASSES_ROOT เป็นคีย์สำหรับจัดเก็บข้อมูลและคุณสมบัติต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์ทั้งหมดที่ติดตั้งภายในเครื่อง
HKEY_CURRENT_CONFIG เป็นคีย์สำหรับจัดเก็บข้อมูลที่เกี่ยวกับการกำหนดค่าต่างๆ ของฮาร์ดแวร์หรืออุปกรณ์ต่อพ่วงทั้งหมด
HKEY_LOCAL_MACHINE เป็นคีย์สำหรับจัดเก็บข้อมูลทางด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และการตั้งค่าอื่น ๆ ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ ข้อมูลภายในคีย์จะนำไปใช้กับผู้ใช้ทุกคนที่เข้ามาในวินโดวส์
HKEY_USERS เป็นคีย์สำหรับจัดเก็บข้อมูลเฉพาะที่เกี่ยวกับผู้ใช้ทั้งหมดเช่นรายชื่อของผู้ใช้ที่เข้ามาใช้งานหรือรายชื่อผู้ใช้งานเครือข่าย โดยจะมีความสัมพันธ์และเป็นข้อมูลชุดเดียวกับคีย์ HKEY_CURRENT_USER
HKEY_CURRENT_USER เป็นคีย์สำหรับจัดเก็บข้อมูลเฉพาะที่เกี่ยวกับผู้ใช้ปัจจุบันที่เข้ามาใช้งานเท่านั้น โดยจะมีความสัมพันธ์และเป็นข้อมูลชุดเดียวกับกับคีย์ HKEY_USERS
HKEY_DYN_DATA เป็นคีย์สำหรับจัดเก็บข้อมูลที่เกี่ยวกับการตั้งค่าในระบบ Plug and play รวมถึงค่ารหัสต่าง ๆ ของอุปกรณ์ที่มาต่อพ่วง สำหรับใน Windows XP จะไม่ปรากฏคีย์นี้
หมายเหตุ ต้องอ่านและศึกษาให้เข้าใจก่อนที่จะ ไป แก้ไข ใน registry
เพราะหาก เผลอไปลบ โปรแกรมสำคัญ ขึ้นมา ก็อาจทำให้เข้าวินโดว์ไม่ได้นะครับ
krootuuy2009
ร่วมแบ่งปันความรู้และความเห็นแล้ว 29 ครั้ง - ได้รับดาวแล้ว 58 ดวง - โหวตเพิ่มดาว
ความเห็นเพิ่มเติมที่ 2 6 ต.ค. 2551 (05:04)
คอมพิวเตอร์แฮงก์บ่อย ๆ โดยหาสาเหตุไม่ได้
- สาเหตุที่ 1 อาจเกิดจากไวรัสคอมพิวเตอร์
วิธีแก้ ลองใช้โปรแกรม Antivirus เวอร์ชั่นอัพเดทตรวจสอบฮาร์ดดิสก์ทั้งหมด
- สาเหตุที่ 2 คุณภาพเมนบอร์ดไม่ถึงมาตรฐาน
วิธีแก้ อาจเป็นเพราะคุณภาพของเมนบอร์ดไม่ถึงมาตรฐานของโรงงาน ซึ่งโดยมากมักเกิดกับเมนบอร์ดที่เพิ่งซื้อมาใหม่ ให้เอาไปเปลี่ยน
- สาเหตุที่ 3 ไฟล์ระบบปฏิบัติการชำรุด
วิธีแก้ ถ้ามั่นใจแล้วว่าไม่ได้เกิดจากไวรัสและสาเหตุอื่น ๆ ให้เรา Backup ข้อมูล ฟอร์แมต แล้วลงระบบปฏิบัติการและโปรแกรมใหม่ทั้งหมดครับ
krootuuy2009
ร่วมแบ่งปันความรู้และความเห็นแล้ว 29 ครั้ง - ได้รับดาวแล้ว 58 ดวง - โหวตเพิ่มดาว
ความเห็นเพิ่มเติมที่ 3 6 ต.ค. 2551 (05:10)
เปิดเครื่องแล้วมีเสียงร้องแต่ไม่ยอมทำงานใด ๆ
- สาเหตุที่ 1 อุปกรณ์บางตัวที่ต่อกับเมนบอร์ดหลวม
วิธีแก้ ถ้าอุปกรณ์บางตัวที่ต่อกับเมนบอร์ดหลวม จะทำให้กระบวนการเช็คค่าเริ่มต้น (POST) ของ BIOS ฟ้องค่าผิดพลาด ให้เราเปรียบเทียบค่าสัญญาณ Beep Code จากคู่มือเมนบอร์ด
- สาเหตุที่ 2 อุปกรณ์บางตัวที่อยู่บนเมนบอร์ดต่อไม่ถูกต้อง
วิธีแก้ ส่วนใหญ่มักเกิดกับ RAM ปกติเมื่อเราเปิดเครื่องแล้วมีปัญหาไม่สามารถแสดงภาพออกทางหน้าจอในตอนเริ่มต้นได้ Bios จะพยายามแจ้งอาการเสียผ่านทางเสียงร้องออกทางลำโพงที่อยูภายในเครื่องคอมพ์ ให้เราเปรียบเทียบค่าสัญญาณ Beep Code จากคู่มือเมนบอร์ด
- สาเหตุที่ 3 อุปกรณ์บางตัวที่ต่อกับเมนบอร์ดเสีย
วิธีแก้ ให้เราลองเปรียบเทียบค่าสัญญาณ Beep Code จากคู่มือเมนบอร์ดดู
- สาเหตุที่ 4 Chip บนเมนบอร์ดบางตัวเสีย
วิธีแก้ ให้ลองไปดูเครื่อง Beep Code และถ้าสาเหตุมาจาก Chip บนเมนบอร์ดให้ไปส่งร้านซ่อมเพื่อเปลี่ยน Chip หรือต้องซื้อเมนบอร์ดตัวใหม่ถ้าไม่มีอะไหล่
krootuuy2009
ร่วมแบ่งปันความรู้และความเห็นแล้ว 29 ครั้ง - ได้รับดาวแล้ว 58 ดวง - โหวตเพิ่มดาว
ความเห็นเพิ่มเติมที่ 4 22 ต.ค. 2551 (03:01)
อาการของเครื่องติดไวรัส
สามารถสังเกต การทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ถ้ามีอาการดังต่อไปนี้อาจเป็นไปได้ว่าได้มีไวรัสเข้าไปติดอยู่ในเครื่องแล้ว อาการที่ว่านั้นได้แก่
1.ใช้เวลานานผิดปกติในการเรียกโปรแกรมขึ้นมาทำงาน
2.ขนาดของโปรแกรมใหญ่ขึ้น
3.วันเวลาของโปรแกรมเปลี่ยนไป
4.ข้อความที่ปกติไม่ค่อยได้เห็นกลับถูกแสดงขึ้นมาบ่อ ย ๆ
5.เกิดอักษรหรือข้อความประหลาดบนหน้าจอ
6.เครื่องส่งเสียงออกทางลำโพงโดยไม่ได้เกิดจากโปรแกรมที่ใช้อยู่
7.แป้นพิมพ์ทำงานผิดปกติหรือไม่ทำงานเลย
8.ขนาดของหน่วยความจำที่เหลือลดน้อยกว่าปกติ โดยหาเหตุผลไม่ได้
9.ไฟล์แสดงสถานการณ์ทำงานของดิสก์ติดค้างนานกว่าที่เคยเป็น
10.ไฟล์ข้อมูลหรือโปรแกรมที่เคยใช้อยู่ ๆ ก็หายไป
11.เครื่องทำงานช้าลง
12.เครื่องบู๊ตตัวเองโดยไม่ได้สั่ง
13.ระบบหยุดทำงานโดยไม่ทราบสาเหตุ
14.มีการรายงานว่าจำนวนเซกเตอร์ที่เสียมีจำนวน เพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนโดยที่ ยังไม่ได้ใช้โปรแกรมใดเข้าไปตรวจหาเลย.....
krootuuy2009
ร่วมแบ่งปันความรู้และความเห็นแล้ว 29 ครั้ง - ได้รับดาวแล้ว 58 ดวง - โหวตเพิ่มดาว
ความเห็นเพิ่มเติมที่ 5 25 ต.ค. 2551 (05:00)
รวมวิธีแก้ต่างๆ ที่เป็นอาการหลังติดไวรัสครับ
วิธีดังต่อไปนี้จะใช้ไม่ได้ผล หากท่านยังไม่ได้หยุดหรือลบไวรัสนะครับ
แทบจะทุกวิธีนั้นต้องเข้า regedit ไปแก้ครับ โปรดแก้ด้วยความระวัดระวังครับ เพราะหากทำผิดท่านอาจจะเข้า windows ไม่ได้
วิธีเข้า regedit นั้น ให้คลิกตรงปุ่ม Start ตรงปุ่มล่างซ้าย แล้วเลื่อนขึ้นไปคลิกปุ่ม Run ในช่องข้อความพิมพ์ว่า regedit แล้ว Enter
วิธีแก้ต่างๆ
1.เข้า Run ไม่ได้
1.1เข้าไม่ได้เพราะไม่มีเมนู Run คือพูดง่ายๆ คลิก Start ตรงปุ่มล่างซ้ายแล้วไม่มีเมนู Run ให้คลิก
ให้เข้า regedit โดยการเข้าไปที่ C:WINDOWS แล้วดับเบิ้ลคลิกไฟล์ regedit.exe แล้วไปที่คีย์
HKEY_CURRENT_USERSoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciesExplorer
มองขวามือลบคีย์ NoRun
1.2 อาจจะโดนร้ายแรงกว่านั้น อาการคือ คลิก Start ตรงปุ่มล่างซ้ายแล้วไม่มีเมนูอะไรเลย หน้าจอก็ไม่มีไอคอนอะไร คลิกขวาก็ไม่ได้
แต่ยังกด Ctrl+Alt+Delete ได้ ให้กด Ctrl+Alt+Delete แล้วเลือกแถบ New task แล้ว browse ไปเลือกเปิดไฟล์ C:WINDOWS
egedit.exe
เมื่อเข้า regedit ได้แล้ว ให้เข้าไปที่คีย์
HKEY_CURRENT_USERSoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciesExplorer
มองขวามือ ลบคีย์ออกทุกคีย์ยกเว้น คีย์ชื่อNoDriveTypeAutoRun ไม่ต้องลบครับ แล้วรีตาร์ทเครื่องก็หายแล้วครับ
2. เข้า regedit ไม่ได้ เมื่อเข้าแล้วขึ้น ดังรูป Registry editing has been disabled by your administrator
ให้โหลดโปรแกรมมาแก้ครับ ชื่อ UnHookExec.inf โหลดมาแล้วคลิกขวาเลือกคำสั่ง install นะครับ
2.1เข้า regedit แล้วเงียบ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย เป็นไปได้ว่าไฟล์ regedit อาจจะโดนลบครับ ให้เข้าไปที่ My computer แล้วเข้าไปที่
C:WINDOWS หาเปิดไฟล์ regedit.exe ครับ หากเปิดแล้วเงียบอีก ก็ให้เปลี่ยนชื่อ ไฟล์ regedit.exe นั้นเป็นชื่ออื่นครับ เช่น regedit2.exe
แล้วลองเข้าใหม่ครับ เมื่อเข้าได้แล้วก็ เข้าไปที่คีย์
HKEY_LOCAL_MACHINESOFTWAREMicrosoftWindows NTCurrentVersionImage File Execution Options
ลบโฟลเดอร์ regedit.exe
HKEY_LOCAL_MACHINESOFTWAREMicrosoftWindows NTCurrentVersionImage File Execution Options
ลบโฟลเดอร์ regedt32.exe
3.คลิกขวาไม่ได้ ให้เรา เข้า regeditแล้วไปที่คีย์
HKEY_CURRENT_USERSoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciesExplorer
มองขวามือ หาบรรทัดที่เขียนว่า NoViewContextMenu เจอแล้วลบทิ้งเลยครับ แล้วเข้าไปที่
HKEY_LOCAL_MACHINESoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciesExplorer
มองขวามือ หาบรรทัดที่เขียนว่า NoViewContextMenu เจอแล้วลบทิ้งเช่นกันครับ
4.กด Ctrl+Alt+Delete แล้ว Task manager ไม่ขึ้นมาแต่ขึ้นว่า Task Manager has been disabled by your administrator
ให้เข้า regeditแล้วไปที่คีย์
HKEY_CURRENT_USERSoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciesSystem
มองขวามือลบบรรทัดที่เขียนว่า DisableTaskMgr แล้วเข้าไปที่คีย์
HKEY_LOCAL_MACHINESoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciesSystem
มองขวามือลบบรรทัดที่เขียนว่า DisableTaskMgr ออกเหมือนกันครับ
5.เข้า Run พิมพ์ cmd แล้วเอนเทอร์ เพื่อจะเข้า command prompt แล้วเครื่องก็รีสตาร์ท หรือเงียบ
ให้เข้า regeditแล้วไปที่คีย์
HKEY_CURRENT_USERSoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciesSystem
มองขวามือลบบรรทัดที่เขียนว่า DisableCMD แล้วเข้าไปที่คีย์
HKEY_LOCAL_MACHINESoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciesSystem
มองขวามือลบบรรทัดที่เขียนว่า DisableCMD เหมือนกันครับ
6.เมนู โฟลเดอร์ ออฟชั่นหาย ให้เข้า regeditแล้วไปที่คีย์
HKEY_CURRENT_USERSoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciesExplorer
มองขวามือลบบรรทัดที่เขียนว่า NoFolderOptions ออกครับ
7.เซตให้แสดงไฟล์ของระบบไม่ได้ เซตแล้วก็เด้งกลับมาซ่อนไว้เหมือนเดิมเหมือนเดิม
ให้เข้า regeditแล้วไปที่คีย์
HKEY_CURRENT_USERSoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionExplorerAdvanced
มองหาคีย์ชื่อ ShowSuperHidden ให้ดับเบิ้ลคลิก แล้วใส่ค่าเป็น 1 ครับ
8. ไม่สามารถเปลี่ยนหรือลบภาพพื้นหลังหน้าจอไม่ได้เพราะคลิกขวา properties ที่หน้าจอแล้วไม่มีเมนูที่จะเข้า ดังรูป
ให้เข้า regedit แล้วไปที่คีย์
HKEY_CURRENT_USERSoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciessystem
มองขวามือแล้วลบบรรทัดที่เขียนว่า NoDispBackgroundPage กับ NoDispScrSavPage ออกครับ
krootuuy2009
ร่วมแบ่งปันความรู้และความเห็นแล้ว 29 ครั้ง - ได้รับดาวแล้ว 58 ดวง - โหวตเพิ่มดาว
ความเห็นเพิ่มเติมที่ 6 26 ต.ค. 2551 (03:53)
การตรวจเช็คและวิธีแก้ปัญหาลง windows ไม่ได้ บู๊ตได้แต่ลงๆๆแล้วพอลงได้สักครึ่งขึ้น บูล สกรีน ตลอด
1. หัวอ่าน CD-ROM มีปัญหา วิธีแก้คือ ทำความสะอาดหัวอ่านหรือเปลี่ยนตัวใหม่มาลองดู
2. เปิดฟังก์ชั่นการตรวจสอบไวรัสไว้ใน BIOS วิธีแก้คือ ไปปิดฟังก์ชั่นนี้ซะก่อนที่ท่านจะลงวินโดว์
3. ฮาร์ดดิสก์มี Bad Sector วิธีแก้คือ ให้ท่านทำการ scandisk แล้ว fix Bad เจ้าปัญหานี้ซะ
4. อุปกรณ์เชื่อมต่อภายในสกปรกหรือหลวม เช่น สายแพฮาร์ดดิสก์ที่เสียบไม่แน่น หรือฝุ่นละอองที่จับตัวบริเวณแผงของเมนบอร์ด หรือเป็นสายเก่าขาดภายใน ลองเปลี่ยนสายใหม่ดูครับ
หรือเสียบอุปกรณ์ต่างๆลงใน slot ไม่แน่น วิธีแก้คือ ถอดอุปกรณ์ต่างๆ มาทำความสะอาด ใช้ยางลบทำความสะอาดบริเวณขาที่เสียบกับ slotแล้วใส่กลับเข้าไปอย่างเดิม เช็คดูว่าใส่แน่นดีทุกจุดหรือเปล่า
5. กรณีมีแรมหลายแผง
5.1.ถอดให้เหลือตัวเดียวแล้วลง ไม่ผ่าน แรมตัวเดิมสลับช่องสล๊อตไปเรื่อย ๆ จนครบทุกช่อง
5.2. ไม่ผ่าน เปลี่ยนแรมแผงใหม่ แล้วทำตาม 5.1
5.3. ไม่ผ่าน ถ้าใส่ การ์ดแลนด์ ให้ถอดออก แล้วลองตาม 5.1 – 5.2 ใหม่
5.4. ไม่ผ่าน
5.4.1 สล๊อตแรมเสีย
5.4.2 เรื่องใหญ่ เมนบอร์ด หมดอายุ บวม อืด
6. CPU ร้อนเกินไป
6.1 อาจจะเกิดจากซิลิโคนแห้ง ให้เราถอด CPU ออกมาขูดซิลิโคนเก่าออกแล้วป้ายซิลิโคนใหม่ลงไปแล้วประกอบกลับอย่างเดิม
6.2 พัดลม CPU หมุนช้าหรือหมุนผิดปกติ ให้ทำความสะอาดพัดลมดูครับอาจจะมีฝุ่นหรือเศษอะไรเข้าไปติดทำให้พัดลมหมุนได้ไม่เต็มที่
7. อุปกรณ์ข้างในเสีย เช่น CPU เสีย กรณีนี้แม้จะพบได้น้อยแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสที่จะพบ ทางแก้คือเปลี่ยน CPU ใหม่ไปเลยครับ,
การ์ดจอ, หรืออุปกรณ์จำพวก onboard เช่น Sound onboard ให้ทำการ disable ก่อนลงวินโดว์ ครับ ฯ
8. การแบ่งพิทิชั่น drive c ควรจะเป็น NTFS ครับ โดยเฉพาะแผ่นติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows XP SP3 นี้ส่วนมากแล้วมักจะรองรับแต่ NTFS ส่วน FAT32 นั้นลงไม่ได้เลยครับ
krootuuy2009
ร่วมแบ่งปันความรู้และความเห็นแล้ว 29 ครั้ง - ได้รับดาวแล้ว 58 ดวง - โหวตเพิ่มดาว
ความเห็นเพิ่มเติมที่ 7 21 ธ.ค. 2551 (07:23)
วิธีการ/ ลำดับขั้นตอนClear CMOS
1.หาคู่มือ mainboard ก่อนแต่ถ้าพอมีความรู้เรื่อง hardware ก็ไม่ต้องใช้ครับ เปิดคู่มือเมนบอร์ดดูครับ ว่าตำแหน่งที่ใช้ clear CMOS อยู่ตรงไหนโดยปกติมันก็จะอยู่ใกล้ตัว CMOS เลย ทีนี้มันจะมี jumper ซึงเป็นตัวเล็กๆ ไว้สำหรับเสียบลงในช่องขา (ปกติจะมี2-3 ขา)ที่ยื่นมาบนเมนบอร์ด ก็ให้ย้ายตำแหน่งมาที่ตำแหน่ง clear ทิ้งไว้สัก 15 วินาที แล้วย้ายกลับมาตำแหน่งเดิม ถ้าไม่ย้ายเครื่องก็จะไม่บู๊ต ให้ครับ
2.เปิด case ออกมา
3.ดูบน mainboard ของเรา เพื่อหา jumper clear Cmos ส่วนมากตำแหน่งไม่แน่นอน แต่ดูแถวๆ ถ่านกระดุมก่อน อ้อข้อสังเกตุครับ jamper clear Cmosจะมีรายละเอียดดังนี้
-ส่วนมากตัว jumper จะมีสีต่างจาก jumper ตัวอื่นๆ แต่จะสังเกตได้แต่ board รุ่นใหม่ๆ
-ส่วนที่คล้ายๆกันเกือบทุก board เลยคือเป็น j1 หรือ jumper No1 และส่วนมากจะมี screen เขียนว่า CLR_Cmos, CLR ฯลฯ โดย screen ที่มันบอกจะใช้เป็นตัวย่อมาจาก Clear Cmos นั่นเอง
-แต่บาง Mainboard จะไม่มี jumper แต่จะเป็นจุดให้เราช็อตขาเอาเองโดย screen จะใช้เหมือนที่กล่าวข้างบน
4.ปรับค่าไปทาง clear เลยครับหรือช็อตขา(สำหรับที่ไม่มี jumper)ก็เรียบร้อยแต่ถ้าคิดว่าที่พูดมายุ่งยาก(แต่ชัวร์ที่สุด)ก็มาขุ้นตอนนี้เลย
5.ถอดถ่านกระดุมออกแล้วเอาไขควงของเราจี้ที่ขั้วแท่านใส่ถ่านกระดุมให้เป็นวงจรสมบูรณ์ซะ(หมายถึงให้ขั้วมันประสานกันโดยมีไขควงเป็นตัวนำ) ซัก 30วินาทีและอย่าพึ่งใส่ถ่านกลับเขาไปนะทิ้งไว้อีกสัก 5 นาทีก่อนค่อยใส่กลับคืน
6. พอ clear เสร็จแล้วก็มี set bios ใหม่ ครับ
*********************
หน้าที่ 26 - RAM เสีย รู้ได้อย่างไร ?
RAM เสีย รู้ได้อย่างไร ?
หน่วยความจำเสียเกิดขึ้นได้ไม่บ่อยนัก แต่น้อยคนจะทราบว่ามันเสีย เพราะอุปกรณ์ตัวนี้ไม่ได้แสดงอาการที่หนักหนาอะไรเหมือนกับอุปกรณ์อื่นๆ เช่น ฮาร์ดิสก์หรือซีพียู ที่ทำให้พีซีไม่สามารถใช้งานได้เลย วันนี้เรามีสัญญาณบอกเหตุให้รู้ว่าหน่วยความจำเสียมาฝากครับ
ให้สังเกตุอาการต่างๆดังต่อไปนี้
- เกิดจอฟ้าขึ้นระหว่างใช้งาน พร้อมข้อความแจ้งเตือนต่างๆ ซึ่งผู้ใช้ต้องรีบูตเครื่องใหม่เท่านั้น
- เกิดจอฟ้าระหว่างการติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 2000 และ Windows XP
- เกิดอาการเครื่องแฮงค์ระหว่างการใช้งานโดยไม่ทราบสาเหตุ
- เกิดอาการจอฟ้าระหว่างเปิดโปรแกรมหรือเกม ที่ต้องใช้หน่วยความจำเป็นจำนวนมาก เช่น เกมสามมิติต่างๆ โปรแกรมกราฟฟิก รวมถึงโปรแกรมสำหรับทดสอบเครื่อง
- เกิดภาพที่แสดงออกมาผิดเพี้ยน ซึ่งสาเหตุอาจจะรวมไปถึงตัวการ์ดจอมีปัญหาได้
- ไม่สามารถบูตเครื่องได้ ซึ่งตัวเครื่องจะส่งสัญญาณออกมาให้ทราบว่าหน่วยความจำมีปัญหา หรือว่าจะแสดงให้เห็นบนจอภาพเช่น Memory test fail เป็นต้น
*****************************
หน้าที่ 27 - ซ่อมแซม Fileเมื่อถึงคราวที่วินโดว์ของคุณเกิดทำงานผิดพลาดบ่อยครั้ง
ซ่อมแซม File
เมื่อถึงคราวที่วินโดว์ของคุณเกิดทำงานผิดพลาดบ่อยครั้ง
อันเนื่องมาจากไฟล์ของระบบเสียหาย คุณสามารถติดตั้งเฉพาะตัวโปรแกรมวินโดว์ใหม่โดยไม่จำ เป็น
ต้องฟอร์แมตแล้วลงวินโดว์และติดตั้งโปรแกรมอื่นๆ เข้าไปใหม่ให้เสียเวลานอกจากนี้คุณยังไม่ต้อง มานั่งปรับตั้งค่าการทำงานต่างๆ ใหม่อีกครั้งแต่อย่างใดด้วย
1. เปิดเครื่องบู๊ตเข้าสู่วินโดว์ตามปกติ
2. นำแผ่น Setup CD ของวินโดว์ใส่ลงในไดร์ฟซีดีรอม
3. คลิกปุ่ม Start -> Run
4. พิมพ์คำสั่ง E:i386winnt32 /unattend แล้วคลิกปุ่ม OK
5. โปรแกรมติดตั้งจะเริ่มดำเนินการติดตั้งวินโดว์ให้คุณ ใหม่โดยยังคงรักษา
ค่าการทำงานต่างๆ เอาไว้เหมือนเดิม
****************************************
หน้าที่ 28 - คำสั่ง run ที่สามารถซ่อมคอมได้
คำสั่ง run ที่สามารถซ่อมคอมได้ แล้วสามารถทำให้คุณ hack ได้ เชื่อหรือไม่
ลองดู
ยกตัวอย่างนะครับ ถ้าผมจะดู mac address ในวง lan ของทุกเครื่องที่ต่ออยู่ ผมสามารถทำได้
จากคำสั่ง start>run>cmd>arp -a
หลังจากคุณได้ mac address มาแล้ว คุณสามารถทำอะไรได้มากมาย อย่างที่คุณต้องการเลยแหละ แต่ผมคงบอกหมดไม่ได้เพราะ ผมไม่สนับสนุนให้ทำผิดกฎหมาย
และมีอีกหลายคำสั่งนะครับ ลองไปศึกษาดู
เรียกโปรแกรม Accessibility Options : access.cpl
เรียกโปรแกรม Add Hardware : hdwwiz.cpl
เรียกโปรแกรม Add/Remove Programs : appwiz.cpl
เรียกโปรแกรม Administrative Tools control : admintools
ตั้งค่า Automatic Updates : wuaucpl.cpl
เรียกโปรแกรม Bluetooth Transfer Wizard : fsquirt
เรียกโปรแกรม เครื่องคิดเลข (Calculator) : calc
เรียกโปรแกรม Certificate Manager : certmgr.msc
เรียกโปรแกรม Character Map : charmap
เรียกโปรแกรม ตรวจสอบดิสก์ (Check Disk Utility) : chkdsk
เรียกดูคลิปบอร์ด (Clipboard Viewer) : clipbrd
เรียกหน้าต่างดอส (Command Prompt) : cmd
เรียกโปรแกรม Component Services : dcomcnfg
เรียกโปรแกรม Computer Management : compmgmt.msc
เรียกดู/ตั้ง เวลาและวันที่ : timedate.cpl
เรียกหน้าต่าง Device Manager : devmgmt.msc
เรียกดูข้อมูล Direct X (Direct X Troubleshooter) : dxdiag
เรียกโปรแกรม Disk Cleanup Utility : cleanmgr
เรียกโปรแกรม Disk Defragment : dfrg.msc
เรียกโปรแกรม Disk Management : diskmgmt.msc
เรียกโปรแกรม Disk Partition Manager : diskpart
เรียกหน้าต่าง Display Properties control desktop : desk.cpl
เรียกหน้าต่าง Display Properties เพื่อปรับสีวินโดวส์ : control color
เรียกดูโปรแกรมช่วยแก้ไขปัญหา (Dr. Watson) : drwtsn32
เรียกโปรแกรมตรวจสอบไดร์ฟเวอร์ (Driver Verifier Utility) : verifier
เรียกดูประวัติการทำงานของเครื่อง (Event Viewer) : eventvwr.msc
เรียกเครื่องมือตรวจสอบไฟล์ File Signature Verification Tool : sigverif
เรียกหน้าต่าง Folders Options control folders
เรียกโปรแกรมจัดการ Fonts control fonts
เปิดไปยังโฟลเดอร์ Fonts (Fonts Folder) : fonts
เรียกเกม Free Cell : freecell
เปิดหน้าต่าง Game Controllers : joy.cpl
เปิดโปรแกรมแก้ไข Group Policy (ใช้กับ XP Home ไม่ได้) : gpedit.msc
เรียกเกม Hearts : mshearts
เรียกโปรแกรมสร้างไฟล์ Setup (Iexpress Wizard) : iexpress
เรียกโปรแกรม Indexing Service : ciadv.msc
เรียกหน้าต่าง Internet Properties : inetcpl.cpl
เรียกหน้าต่าง Keyboard Properties control : keyboard
แก้ไขค่าความปลอดภัย (Local Security Settings) : secpol.msc
แก้ไขผู้ใช้ (Local Users and Groups) : lusrmgr.msc
คำสั่ง Log-off : logoff
เรียกเกม Minesweeper winmine
เรียกหน้าต่าง Mouse Properties control mouse : main.cpl
เรียกหน้าต่าง Network Connections control netconnections : ncpa.cpl
เรียกหน้าต่าง Network Setup Wizard : netsetup.cpl
เรียกโปรแกรม Notepad : notepad
เรียกโปรแกรม Object Packager : packager
เรียกคีย์บอร์ดบนหน้าจอ (On Screen Keyboard) : osk
เรียกหน้าต่าง Performance Monitor : perfmon.msc
เรียกหน้าต่าง Power Options Properties : powercfg.cpl
เรียกหน้าต่าง Printers and Faxes control : printers
เรียกหน้าต่าง Printers Folder : printers
เรียกโปรแกรม Private Character Editor : eudcedit
เรียกหน้าต่าง Regional Settings : intl.cpl
เรียกหน้าต่าง Registry Editor : regedit
เรียกโปรแกรม Remote Desktop : mstsc
เรียกหน้าต่าง Removable Storage : ntmsmgr.msc
เรียกหน้าต่าง Removable Storage Operator Requests : ntmsoprq.msc
เรียกดู Policy ที่ตั้งไว้ (ใช้กับ XP Home ไม่ได้) : rsop.msc
เรียกหน้าต่าง Scanners and Cameras : sticpl.cpl
เรียกโปรแกรม Scheduled Tasks control : schedtasks
เรียกหน้าต่าง Security Center : wscui.cpl
เรียกหน้าต่าง Services : services.msc
เรียกหน้าต่าง Shared Folders : fsmgmt.msc
คำสั่ง Shuts Down : shutdown
เรียกหน้าต่าง Sounds and Audio : mmsys.cpl
เรียกเกม Spider Solitare : spider
แก้ไขไฟล์ระบบ (System Configuration Editor) : sysedit
แก้ไขการตั้งค่าระบบ (System Configuration Utility) : msconfig
ตรวจสอบระบบด้วย System File Checker Utility (เริ่มทันที) : sfc /scannow
ตรวจสอบระบบด้วย System File Checker Utility (เริ่มเมื่อบู๊ต) : sfc /scanonce
เรียกหน้าต่าง System Properties : sysdm.cpl
เรียกหน้าต่าง Task Manager : taskmgr
เรียกหน้าต่าง User Account Management : nusrmgr.cpl
เรียกโปรแกรม Utility Manager : utilman
เรียกโปรแกรม Windows Firewall : firewall.cpl
เรียกโปรแกรม Windows Magnifier : magnify
เรียกหน้าต่าง Windows Management Infrastructure : wmimgmt.msc
เรียกหน้าต่าง Windows System Security : Tool syskey
เรียกตัวอัพเดตวินโดวส์ (Windows Update) : wupdmgr
เรียกหน้าต่าง Windows XP Tour Wizard : tourstart
เรียกโปรแกรม Wordpad : write
*****************************************************
http://www.vcharkarn.com/vblog/38796/6
ปัญหาส่วนใหญ่ เกิดจากอะไรบ้าง
ส่วนใหญ่ของปัญหาเครื่องคอมพิวเตอร์ค้างก็มีได้มากมาย แต่สาเหตุหลัก ๆ ก็ขอรวบรวมมาไว้ตรงนี้
1. การไม่เข้ากันของอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่นเมนบอร์ดกับการ์ดจอ หรือการ์ดเสียง
2. การต่อสายไฟ สายส่งข้อมูลต่าง ๆ หลวมหรือต่อไว้ไม่แน่นดีพอ
3. การเสียบแรม ขั้วต่อสาย หรือ การ์ด ต่าง ๆ หลวมหรือไม่แน่น
4. ความสกปรกของจุดสัมผัสของอุปกรณ์ เช่นขาของแรม ขั้วต่อของการ์ดต่าง ๆ ในเครื่อง
5. ฮาร์ดดิสก์ เริ่มมีปัญหา หรือใกล้จะเสีย
6. ระบบไฟ หรือระบบจ่ายไฟไม่ดีพอ เช่นไฟตกบ่อย ๆ หรือชุดจ่ายไฟไม่ดั
7. การลงโปรแกรมไม่สมบูรณ์ หรือมีปัญหากับซอฟต์แวร์บางตัว
8. ความร้อนของ ซีพียู พัดลมของ ซีพียู ตรวจสอบว่ายังทำงานได้ปกติหรือไม่
9. ก่อนที่จะเกิดปัญหา ได้มีการทำอะไรบ้าง เช่นลงโปรแกรมเพิ่ม หรือเพิ่มการ์ดในเครื่อง นั่นอาจจะเป็นสาเหตุหลักก็ได้
1. ซีพียู
เครื่องที่แฮงค์บ่อย เนื่องจาก ซีพียู นี้ เกิดจากการนำเอา ซีพียูรุ่นต่ำกว่ามาขายเป็นรุ่นสูงกว่า
เนื่องจากซีพียูแต่ละตัว จะถูกผลิตให้ทำงานเกินมาตรฐานประมาณ 20 % อยู่แล้ว ทำให้เกิดมีพ่อค้าหัวใส
เอาซีพียูรุ่นต่ำกว่ามาสกรีนข้อความบนตัวซีพียูใหม่ เป็นรุ่นสูงกว่า ขายได้ในราคาสูงกว่า วิธีการแบบนี้เรียกว่า การ remark บางครั้ง ผู้ขายเครื่อง (ประกอบเครื่องขายอีกที) ก็ไม่รู้ว่า ซีพียูนั้นถูก remark หรือไม่ เขาก็รับซีพียูมาเพื่อประกอบอีกทีหนึ่ง พวกนี้ เวลาเรานำเครื่องไปเคลม เขาเองก็หาสาเหตุไม่ได้เหมือนกัน ก็ต้องลองเปลี่ยนชิ้นส่วนไล่ไปทีละตัว จนกว่าเครื่องจะมีอาการดีขึ้น
2. พัดลมซีพียู
พัดลมก็สามารถเป็นสาเหตุให้เครื่องแฮงค์ได้เหมือนกัน ถ้าเป็นพัดลมคุณภาพต่ำ หรือเป็นพัดลมตัวเล็ก ไม่เพียงพอความต้องการของซีพียู ก็จะทำให้ซีพียูเกิดความร้อนสูงเกินไป จนทำให้เครื่องแฮงค์ได้ ถ้าแน่ใจว่าพัดลมตัวใหญ่พอ สาเหตุอาจเกิดจากพัดลมเสีย คือ หมุนบ้างไม่หมุนบ้าง หรือไม่หมุนเลย แบบนี้ ซื้อตัวใหม่เปลี่ยนได้เลย ถ้าซื้อใหม่ ควรซื้อพัดลมที่มีตัววัดรอบการหมุนของใบพัดด้วย เราจะได้ตรวจเช็คได้โดยทาง software หรือ ทาง bios โดยไม่ต้องเปิดฝาเครื่องดู
3. เพาเวอร์ซัพพลาย
หลายคนคงหาสาเหตุการแฮงค์ไม่เจอ เปลี่ยนชิ้นส่วนทุกชิ้นส่วนดูแล้ว ฟอร์แมต ลงโปรแกรมใหม่ก็แล้ว
เครื่องก็ยังแฮงอยู่เรื่อย ใครจะรู้ อีกสาเหตุหนึ่งมาจากตัวเพาเวอร์ซัพพลายนี่แหละครับ ถ้าเพาเวอร์ซัพพลายไม่ดี คือ จ่ายไฟไม่สม่ำเสมอ จ่ายไฟขาดบ้าง เกินบ้าง ไม่ใช้แค่เครื่องแฮงค์ครับ ชิ้นส่วนบางชิ้น หรือทุกชิ้น อาจพังได้ ต้องระวังให้ดี เราสามารถเช็คกระแสไฟได้จาก bios หรือจาก software เช่น Motherboard Monitor คอยหมั่นเช็คก็ดีครับ แต่ถ้าเจอแบบ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายหละก็ คงเช็คยาก ลงทุนเปลี่ยนตัวใหม่ก็ดีครับ ตัดปัญหา เพาเวอร์ตัวหนึ่ง ถ้าเป็น AT ไม่เกิน 500 บาทหรอกครับ ถ้าเป็น ATX ก็ไม่น่าเกิน 800 บาท (แบบมาตรฐาน)
4. ฮาร์ดดิสค์
อีกสาเหตุหนึ่งก็ตัว ฮาร์ดดิสค์ นี่แหละครับ คือ อาการ bad sector
ที่เกิดขึ้นแบบจานแม่เหล็กในฮาร์ดดิสค์ เราสามารถตรวจเช็คได้ง่าย โดยการใช้ scandisk ของตัว Windows
นี่แหละครับ เลือก option : Thorough ถ้าเจอ bad sector จริง ก็รีบ mark ตัว bad sector ไว้
เพื่อไม่ให้เครื่องเข้าถึงข้อมูลใน sector นั้นอีก ถ้าตัวฮาร์ดดิสค์ยังอยู่ในประกัน (3-5 ปี) เอาไปเคลมเลยครับ อย่ารอช้า ถ้าหมดประกันแล้ว ก็ต้องทนใช้ไปครับ ถ้า mark bad sector แล้ว ก็ใช้ได้ดีครับ แค่ทำให้พื้นที่เก็บข้อมูลลดลงไปเท่านั้น
5. หน่วยความจำ
หน่วยความจำ หรือ แรม นี้มีต่อมากกับการแฮงค์ของระบบ ถ้าเป็นแรมคุณภาพต่ำ รับรอง ใช้ไปแฮงค์ไป ถ้าพบว่า แรมเป็นสาเหตุ รีบนำไปเปลี่ยนกับร้านที่ซื้อมาครับ ก่อนจะหมดประกัน แล้วทุกอย่างจะลงเอยด้วยดี
บางครั้ง สาเหตุไม่ได้เกิดจากแรมไม่ดี แต่ว่าเป็นการติดตั้งครับ คือ ถ้าเราเสียบแรมไม่เข้าล็อคของมัน ก็เป็นสาเหตุให้เครื่องแฮงค์ได้ เราจะสังเกตุได้จาก บางครั้งเครื่องจะ detect แรมผิดพลาด บางทีเจอแค่แผงเดียว ถ้าเกิดมีแผงเดียวอยู่แล้ว ก็อาจทำให้เครื่อง detect แรมไม่เจอเลย แบบนี้ boot ไม่ขึ้นเลยครับ เวลาเสียบ ต้องเสียบให้เข้าล็อคครับ กดลงไปลึก ๆ จนขาทั้งสองข้างของตัวรับสามารถพับขึ้นมาล็อคตัวแรมได้ เวลาเสียบระวังหักนะครับ จับมั่นๆ เอาไว้
6. เมนบอร์ด
อีกสาเหตุหนึ่ง ก็คือตัวเมนบอร์ดเองครับ ถ้าเป็นเมนบอร์ดคุณภาพต่ำ ราคาถูก อาจเป็นสาเหตุได้ ปัญหานี้ตรวจเช็คได้ยากครับ คงต้องยกไปที่ร้าน ให้ลองเปลี่ยนชิ้นส่วนอื่น ๆ ดู ถึงจะพบปัญหานี้ได้ ถ้าสาเหตุเป็นที่เมนบอร์ดจริง ก็คงแย่หน่อย เพราะทางร้านจะส่งซ่อม แทนที่จะเคลมอันใหม่ให้ ต้องรอนานอย่างน้อยเป็นเดือนหรือมากกว่านั้นครับ ยกเว้น เพิ่งซื้อไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ อาจได้เปลี่ยนเป็นของใหม่ทันที ต้องแล้วแต่ร้านที่ซื้อมาแล้วครับ
7. ความเข้ากันได้ของอุปกรณ์ต่าง ๆ
อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมาก คือ ความเข้ากันได้ของอุปกรณ์แต่ละชิ้น ที่พบบ่อยๆ จะเป็นการเข้ากันไม่ได้ของ
เมนบอร์ดกับการ์ดแสดงผล เมนบอร์ดกับแรม จะมีบ้างคือเมนบอร์ดกับฮาร์ดดิสค์ อุปกรณ์แต่ละตัว
ไม่มีตัวไหนเสียหรือรวน ทุกตัวใช้การได้ดีหมด เพียงแต่อยู่ด้วยกันไม่ได้ ถ้าพบปัญหานี้ ลองค้นข้อมูลของอุปกรณ์แต่ละชิ้นในอินเตอร์เนท อาจจะมี patch ออกมาแก้ไขปัญหาได้ ถ้าไม่มีคงต้องปรึกษากับร้านที่คุณซื้ออุปกรณ์มา อธิบายปัญหาให้เขาฟังเพื่อจะขอเปลี่ยนชิ้นส่วนนั้น ๆ เป็นตัวอื่นที่ไม่มีปัญหา
8. ไวรัส
อาการแฮงค์จากไวรัสนี้ แม้จะสร้างปัญหามาก แต่สามารถตรวจพบ และ แก้ไข ปัญหาได้ง่าย
ขอเพียงหมั่นตรวจเช็คเจ้าวายร้าย ไวรัส ให้สม่ำเสมอ และ Update ตัวต้านไวรัสที่มีให้เป็นปัจจุบันทันต่อไวรัสปัญหานี้จะหมดไป
แต่ถ้าหากติดไวรัสเสียแล้ว ก็ควรศึกษาวิธีการปราบไวรัสและทำการปราบไวรัสให้สิ้นซากเสียก่อนที่ http://www.webphand.com/index.php
สาเหตุการแก้ไขที่ทำให้เครื่องของคุณแฮงค์
และวิธีสุดท้ายที่ได้ผลฉมังนักแล ก็ต้องลงระบบปฏิบัติการใหม่ ครับ
9. Driver
ถ้าคุณลง driver ไม่ตรงกับอุปกรณ์ที่มีอยู่ รับรองเกิดปัญหาแน่ ซึ่งอาจทำให้เครื่องแฮงค์ได้บ่อย ๆ เหมือนกัน ฉะนั้น เราจะต้องระวังปัญหานี้ไว้ด้วย สามารถตรวจเช็คว่าได้ลง driver ไว้ตรงตามรุ่นหรือไม่ โดยการ คลิกขวาที่ My Computer เลือก Property แล้วเลือก Device Manager อีกที ถ้าอุปกรณ์ใดที่มีเครื่องหมายตกใจ (!) ให้รีบแก้ไข driver ใหม่ให้ตรงตามรุ่นที่มีอยู่
10. ตัวเราเอง
ฟังดูแล้วบางคนอาจจะหัวเราะเยาะว่า ใครจะบ้าจะทำให้เครื่องตัวเองแฮงค์บ่อย สร้างปัญหาให้กับตัวเอง จริง ๆ แล้ว พวกเราอาจจะไม่ตั้งใจทำก็ได้ อาจเกิดจากความไม่รู้ ความสะเพร่า หรือความรีบร้อน เราอาจจะอยากกำจัด file ที่คิดว่าไม่สำคัญออกจากฮาร์ดดิสค์โดยการลบทิ้ง แต่แท้จริง file นั้นสำคัญมาก ถ้า file นั้นเสียหาย หรือ หายไป จะทำให้เกิดอาการผิดปกติของโปรแกรมได้ บางคนอาจจะรีบร้อนปิดเครื่องโดยที่ไม่สั่ง shutdown เสียก่อน file ต่างๆ ที่ load ไว้ยังไม่ถึงสั่งปิดอย่าถูกวิธี ทำให้ file นั้น ๆ เสียหายได้ และทำให้เครื่องแฮงได้ ฉะนั้น ทางแก้ไขคือ เราจะต้องศึกษาการใช้โปรแกรมนั้น ๆ เสียก่อน เพื่อจะได้ไม่ต้องใช้แบบผิด ๆ ถูก ๆ สร้างปัญหาให้ตัวเองอย่างไม่รู้ตัว
ข้อเสนอแนะ 2 วิธีการแก้ปัญหาครื่องแฮงค์
เครื่องแฮงค์เพราะไดรเวอร์
ไดรเวอร์คือ โปรแกรมที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการประสานงานระหว่างฮาร์ดแวร์และระบบปฏิบัติการหรืออธิบายง่ายๆ ก็คือคอยทำหน้าที่แนะนำให้ระบบปฏิบัติการรู้จักและทำงาน ร่วมกับฮาร์ดแวร์ได้นั่นเอง ดังนั้นหากอุปกรณ์ตัวไหนที่ไม่ได้ลงไดรเวอร์ ก็อาจทำให้ระบบปฏิบัติการไม่รู้จัก จึงไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ ดูแล้วไดรเวอร์ ไม่น่าจะเป็นตัวที่ทำให้เกิดปัญหาใช่มั๊ยครับ แต่เนื่องจากว่า บางครั้งไดรเวอร์ที่เป็นเวอร์ชั่นใหม่ไม่สามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์ตัวเก่าได้ มีผู้ใช้หลายคนยกเครื่องมาให้ ช่างคอมพิวเตอร์ตรวจเช็คเนื่องจากปัญหาเครื่องแฮงค์บ่อยพอสอบถามถึงปัญหาก็พบว่าผู้ใช้ได้เคยอัพเดท ไดรเวอร์รุ่นใหม่ที่ดาวน์โหลดมาจากเว็บไซต์บนอินเทอร์เน็ต ดังนั้นเมื่อตรวจเช็คแล้วก็พบว่าไดรเวอร์ที่ผู้ใช้ อัพเดทนั้นเป็นไดรเวอร์รุ่นทดสอบที่หลายเว็บไซต์มักชอบนำมาให้ดาวน์โหลดไปทด สอบกันดูก่อน เมื่อไดรเวอร์ยังไม่สมบูรณ์ จึงยังไม่สามารถทำงานเข้ากับฮาร์ดแวร์ บางตัวได้จึงทำให้เกิดปัญหาเครื่องแฮงค์ นั่นเอง ซึ่งปัญหานี้พบได้บ่อยมาก
สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาของช่างคอมพิวเตอร์ก็คือ ให้สอบถามพฤติกรรมการใช้งานของ ผู้ใช้ก่อน หากพบเครื่องที่มีอาการแฮงค์หลังจากที่ผู้ใช้อัพเดทไดรเวอร์ลงไปให้สันนิษฐา นไว้ก่อนเลยว่าเกิดจากสาเหตุนี้ วิธีแก้ปัญหาก็คือให้จัดการถอดไดรเวอร์ที่มีปัญหานั้นทิ้งไป แล้วลงไดรเวอร์ตัวเก่าที่เคยใช้งานได้ดีกลับไปเหมือนเดิม โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. ให้คลิกขวาที่ไอคอน My Computer > Properties
2. ที่หน้าต่าง System properties ให้คลิกแท็ป Device Driver
3. จากนั้นคลิกขวาที่ไดรเวอร์ของอุปกรณ์ที่มีปัญหา แล้วเลือกคำสั่ง Remove ไดรเวอร์นั้นออกไปแล้วลงไดรเวอร์ตัวเก่าที่เคยใช้งานได้ดีกลับไปเหมือนเดิม
แต่บางครั้งไดรเวอร์ที่มากับอุปกรณ์ตั้งแต่ตอนแรกที่ซื้อมา ก็อาจทำให้มีปัญหาได้เหมือนกัน โดยจะ พบบ่อยมากในไดรเวอร์ของการ์ดแสดงผล 3 มิติ และซาวด์การ์ดยี่ห้อโนเนมทางแก้ปัญหาคือ ต้องไปดาวน์โหลดไดรเวอร์เวอร์ชั่นใหม่จากเว็บไซต์ของผู้ผลิตอุปกรณ์ยี่ห้อที ่ใช้อยู่เท่านั้น ไม่ควรไปดาวน์โหลดจากเว็บไซต์อื่น เพราะจะทำให้เกิดปัญหาตามมาได้
เครื่องแฮงค์เพราะโปรแกรมแอพพลิเคชั่น
หลายครั้งที่อาการแฮงค์มักเกิดหลังจากโปรแกรมที่ติดตั้ง อยู่ในเครื่องเข้ากันไม่ได้ บางไฟล์ของโปรแกรมตัวหนึ่งอาจเข้าไปเปลี่ยนแปลงไฟล์บางตัวของระบบปฏิบัติการ จึงทำให้เกิดปัญหาขึ้นตามมาได้ ส่วนใหญ่มักเกิดจากไฟล์นามสกุล DLL ซึ่งเป็นไฟล์สาธารณะของระบบปฏิบัติการ ที่มักจะมีหลายโปรแกรมที่เราติดตั้ง เข้ามาขอใช้ไฟล์นามสกุล DLL ด้วย แต่บางโปรแกรมก็มีไฟล์ DLL เวอร์ชั่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าไฟล์ DLL ตัวเดิมของระบบปฏิบัติการ เมื่อเราติดตั้งโปรแกรมนี้ลงไปมันก็จะเขียนไฟล์ DLL ตัวใหม่ทับตัวเก่าทันที จึงทำให้เกิดปัญหาเครื่องแฮงค์ตามมา เพราะไฟล์ DLL เวอร์ชั่นใหม่ไม่สามารถทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติการได้
สำหรับแนวทางแก้ไขของช่างคอมพิวเตอร์ก็คือ ให้สอบถามพฤติกรรมของการใช้งานของผู้ใช้ก่อน เมื่อพบเครื่องที่มีลักษณะเครื่องแฮงค์หลังจากที่ผู้ใช้ลงโปรแกรมตัวใหม่ลงไป ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่าอาจ มาจากสาเหตุนี้ วิธีการแก้ไขก็คือ หากเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบนวินโดวส์ 98 / Me ให้บู๊ตเครื่องด้วยแผ่นบู๊ตแล้วพิมพ์คำสั่ง Scanreg / restore เพื่อเป็นการย้อนกลับไปใช้รีจีสทรีที่วินโดวส์ได้แบ็คอัพเก็บไว้ 5 วันหลังสุด ก็ให้เราเลือกวันที่คิดว่ายังไม่เกิดปัญหาเพียงเท่านี้ก็จะสามารถแก้ปัญหานี้ได้ครับ
สำหรับวินโดวส์ Me และวินโดวส์ XP ก็สามารถใช้โปรแกรม System Restore เพื่อย้อนกลับไปยังวันที่ไม่เกิดปัญหาได้ โดยสามารถเรียกใช้โปรแกรมได้ดังนี้
1. คลิกปุ่ม Start > Program > Accessories > System Tools > System Restore
2. เมื่อปรากฏโปรแกรม System Restore ขึ้นมาให้คลิกที่ช่อง Restore my computer to earlier time แล้วคลิกปุ่ม Next
3. เลือกวันที่และจุด Checkpoint ที่คิดว่ายังไม่เกิดปัญหา โดยวันที่ที่สามารถย้อนกลับไปได้จะเป็นช่องหนาๆ เมื่อเลือกเสร็จแล้วให้คลิกปุ่ม Next
4. จะมีหน้าต่างแสดงรายละเอียดของวันที่และจุด Checkpoint ที่ต้องการย้อนระบบกลับไป ให้เราคลิกปุ่ม Next แล้วโปรแกรมก็จะเริ่มทำการย้อนระบบกลับไปยังวันที่และจุด Checkpoint ที่เรากำหนด
ข้อเสนอแนะบ[Krootuuy2009]เกี่ยวกับโปรแกรมที่ใช้ซ่อมจุด ERROR ที่ฟ้องขึ้นปรากฏหน้าจอคอมพิวเตอร์รวมทั้งอาจซ่อมอาการแฮงค์ได้เป็นเบื้องต้นที่ผู้เขียนใช้อยู่ ณ ปัจจุบันนี้คือ
1. โปรแกรมทำความสะอาดจำพวกไฟล์ข้อมูลชั่วคราว : CCleaner
2. โปรแกรมซ่อมจุด ERROR : Error.Repair.Professional
3. โปรแกรมซ่อมแซม Registry : Registry.Repair 2.2
รู้จัก Registry ก่อนเข้าเจอะระบบ
Registry คือฐานข้อมูลส่วนกลางที่มีความสำคัญสำหรับ Windows เป็นอย่างยิ่งเพราะข้อมูลแทบทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลด้าน ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์การปรับแต่งค่าต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งรหัสผ่าน สิ่งเหล่านี้ล้วนถูกบรรจุอยู่ใน Registry ทั้งหมดRegistry จึงมีผลต่อเสถียรภาพของ Windows หากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นใน Registry เพียงแห่งเดียว ก็อาจส่งผลให้ Windows ทำงานผิดเพี้ยนหรือล่มไปทั้งระบบก็เป็นได้ ดังนั้นการที่เราจะสามารถควบคุม Windows ได้เหนือผู้ใช้งานทั่วไป การปรับแต่ง Registry จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้
หน้าที่ของ 6 คีย์หลักใน Registry
ภายใน Registry จะประกอบด้วยคีย์หลัก 6 คีย์ ด้วยกัน ซึ่งแต่ละคีย์ก็ล้วนเชื่อมต่อข้อมูลกับไฟล์ System.dat และ User.dat โดยแต่ละคีย์จะมีหน้าที่ดังนี้
HKEY_CLASSES_ROOT เป็นคีย์สำหรับจัดเก็บข้อมูลและคุณสมบัติต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์ทั้งหมดที่ติดตั้งภายในเครื่อง
HKEY_CURRENT_CONFIG เป็นคีย์สำหรับจัดเก็บข้อมูลที่เกี่ยวกับการกำหนดค่าต่างๆ ของฮาร์ดแวร์หรืออุปกรณ์ต่อพ่วงทั้งหมด
HKEY_LOCAL_MACHINE เป็นคีย์สำหรับจัดเก็บข้อมูลทางด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และการตั้งค่าอื่น ๆ ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ ข้อมูลภายในคีย์จะนำไปใช้กับผู้ใช้ทุกคนที่เข้ามาในวินโดวส์
HKEY_USERS เป็นคีย์สำหรับจัดเก็บข้อมูลเฉพาะที่เกี่ยวกับผู้ใช้ทั้งหมดเช่นรายชื่อของผู้ใช้ที่เข้ามาใช้งานหรือรายชื่อผู้ใช้งานเครือข่าย โดยจะมีความสัมพันธ์และเป็นข้อมูลชุดเดียวกับคีย์ HKEY_CURRENT_USER
HKEY_CURRENT_USER เป็นคีย์สำหรับจัดเก็บข้อมูลเฉพาะที่เกี่ยวกับผู้ใช้ปัจจุบันที่เข้ามาใช้งานเท่านั้น โดยจะมีความสัมพันธ์และเป็นข้อมูลชุดเดียวกับกับคีย์ HKEY_USERS
HKEY_DYN_DATA เป็นคีย์สำหรับจัดเก็บข้อมูลที่เกี่ยวกับการตั้งค่าในระบบ Plug and play รวมถึงค่ารหัสต่าง ๆ ของอุปกรณ์ที่มาต่อพ่วง สำหรับใน Windows XP จะไม่ปรากฏคีย์นี้
หมายเหตุ ต้องอ่านและศึกษาให้เข้าใจก่อนที่จะ ไป แก้ไข ใน registry
เพราะหาก เผลอไปลบ โปรแกรมสำคัญ ขึ้นมา ก็อาจทำให้เข้าวินโดว์ไม่ได้นะครับ
krootuuy2009
ร่วมแบ่งปันความรู้และความเห็นแล้ว 29 ครั้ง - ได้รับดาวแล้ว 58 ดวง - โหวตเพิ่มดาว
ความเห็นเพิ่มเติมที่ 2 6 ต.ค. 2551 (05:04)
คอมพิวเตอร์แฮงก์บ่อย ๆ โดยหาสาเหตุไม่ได้
- สาเหตุที่ 1 อาจเกิดจากไวรัสคอมพิวเตอร์
วิธีแก้ ลองใช้โปรแกรม Antivirus เวอร์ชั่นอัพเดทตรวจสอบฮาร์ดดิสก์ทั้งหมด
- สาเหตุที่ 2 คุณภาพเมนบอร์ดไม่ถึงมาตรฐาน
วิธีแก้ อาจเป็นเพราะคุณภาพของเมนบอร์ดไม่ถึงมาตรฐานของโรงงาน ซึ่งโดยมากมักเกิดกับเมนบอร์ดที่เพิ่งซื้อมาใหม่ ให้เอาไปเปลี่ยน
- สาเหตุที่ 3 ไฟล์ระบบปฏิบัติการชำรุด
วิธีแก้ ถ้ามั่นใจแล้วว่าไม่ได้เกิดจากไวรัสและสาเหตุอื่น ๆ ให้เรา Backup ข้อมูล ฟอร์แมต แล้วลงระบบปฏิบัติการและโปรแกรมใหม่ทั้งหมดครับ
krootuuy2009
ร่วมแบ่งปันความรู้และความเห็นแล้ว 29 ครั้ง - ได้รับดาวแล้ว 58 ดวง - โหวตเพิ่มดาว
ความเห็นเพิ่มเติมที่ 3 6 ต.ค. 2551 (05:10)
เปิดเครื่องแล้วมีเสียงร้องแต่ไม่ยอมทำงานใด ๆ
- สาเหตุที่ 1 อุปกรณ์บางตัวที่ต่อกับเมนบอร์ดหลวม
วิธีแก้ ถ้าอุปกรณ์บางตัวที่ต่อกับเมนบอร์ดหลวม จะทำให้กระบวนการเช็คค่าเริ่มต้น (POST) ของ BIOS ฟ้องค่าผิดพลาด ให้เราเปรียบเทียบค่าสัญญาณ Beep Code จากคู่มือเมนบอร์ด
- สาเหตุที่ 2 อุปกรณ์บางตัวที่อยู่บนเมนบอร์ดต่อไม่ถูกต้อง
วิธีแก้ ส่วนใหญ่มักเกิดกับ RAM ปกติเมื่อเราเปิดเครื่องแล้วมีปัญหาไม่สามารถแสดงภาพออกทางหน้าจอในตอนเริ่มต้นได้ Bios จะพยายามแจ้งอาการเสียผ่านทางเสียงร้องออกทางลำโพงที่อยูภายในเครื่องคอมพ์ ให้เราเปรียบเทียบค่าสัญญาณ Beep Code จากคู่มือเมนบอร์ด
- สาเหตุที่ 3 อุปกรณ์บางตัวที่ต่อกับเมนบอร์ดเสีย
วิธีแก้ ให้เราลองเปรียบเทียบค่าสัญญาณ Beep Code จากคู่มือเมนบอร์ดดู
- สาเหตุที่ 4 Chip บนเมนบอร์ดบางตัวเสีย
วิธีแก้ ให้ลองไปดูเครื่อง Beep Code และถ้าสาเหตุมาจาก Chip บนเมนบอร์ดให้ไปส่งร้านซ่อมเพื่อเปลี่ยน Chip หรือต้องซื้อเมนบอร์ดตัวใหม่ถ้าไม่มีอะไหล่
krootuuy2009
ร่วมแบ่งปันความรู้และความเห็นแล้ว 29 ครั้ง - ได้รับดาวแล้ว 58 ดวง - โหวตเพิ่มดาว
ความเห็นเพิ่มเติมที่ 4 22 ต.ค. 2551 (03:01)
อาการของเครื่องติดไวรัส
สามารถสังเกต การทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ถ้ามีอาการดังต่อไปนี้อาจเป็นไปได้ว่าได้มีไวรัสเข้าไปติดอยู่ในเครื่องแล้ว อาการที่ว่านั้นได้แก่
1.ใช้เวลานานผิดปกติในการเรียกโปรแกรมขึ้นมาทำงาน
2.ขนาดของโปรแกรมใหญ่ขึ้น
3.วันเวลาของโปรแกรมเปลี่ยนไป
4.ข้อความที่ปกติไม่ค่อยได้เห็นกลับถูกแสดงขึ้นมาบ่อ ย ๆ
5.เกิดอักษรหรือข้อความประหลาดบนหน้าจอ
6.เครื่องส่งเสียงออกทางลำโพงโดยไม่ได้เกิดจากโปรแกรมที่ใช้อยู่
7.แป้นพิมพ์ทำงานผิดปกติหรือไม่ทำงานเลย
8.ขนาดของหน่วยความจำที่เหลือลดน้อยกว่าปกติ โดยหาเหตุผลไม่ได้
9.ไฟล์แสดงสถานการณ์ทำงานของดิสก์ติดค้างนานกว่าที่เคยเป็น
10.ไฟล์ข้อมูลหรือโปรแกรมที่เคยใช้อยู่ ๆ ก็หายไป
11.เครื่องทำงานช้าลง
12.เครื่องบู๊ตตัวเองโดยไม่ได้สั่ง
13.ระบบหยุดทำงานโดยไม่ทราบสาเหตุ
14.มีการรายงานว่าจำนวนเซกเตอร์ที่เสียมีจำนวน เพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนโดยที่ ยังไม่ได้ใช้โปรแกรมใดเข้าไปตรวจหาเลย.....
krootuuy2009
ร่วมแบ่งปันความรู้และความเห็นแล้ว 29 ครั้ง - ได้รับดาวแล้ว 58 ดวง - โหวตเพิ่มดาว
ความเห็นเพิ่มเติมที่ 5 25 ต.ค. 2551 (05:00)
รวมวิธีแก้ต่างๆ ที่เป็นอาการหลังติดไวรัสครับ
วิธีดังต่อไปนี้จะใช้ไม่ได้ผล หากท่านยังไม่ได้หยุดหรือลบไวรัสนะครับ
แทบจะทุกวิธีนั้นต้องเข้า regedit ไปแก้ครับ โปรดแก้ด้วยความระวัดระวังครับ เพราะหากทำผิดท่านอาจจะเข้า windows ไม่ได้
วิธีเข้า regedit นั้น ให้คลิกตรงปุ่ม Start ตรงปุ่มล่างซ้าย แล้วเลื่อนขึ้นไปคลิกปุ่ม Run ในช่องข้อความพิมพ์ว่า regedit แล้ว Enter
วิธีแก้ต่างๆ
1.เข้า Run ไม่ได้
1.1เข้าไม่ได้เพราะไม่มีเมนู Run คือพูดง่ายๆ คลิก Start ตรงปุ่มล่างซ้ายแล้วไม่มีเมนู Run ให้คลิก
ให้เข้า regedit โดยการเข้าไปที่ C:WINDOWS แล้วดับเบิ้ลคลิกไฟล์ regedit.exe แล้วไปที่คีย์
HKEY_CURRENT_USERSoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciesExplorer
มองขวามือลบคีย์ NoRun
1.2 อาจจะโดนร้ายแรงกว่านั้น อาการคือ คลิก Start ตรงปุ่มล่างซ้ายแล้วไม่มีเมนูอะไรเลย หน้าจอก็ไม่มีไอคอนอะไร คลิกขวาก็ไม่ได้
แต่ยังกด Ctrl+Alt+Delete ได้ ให้กด Ctrl+Alt+Delete แล้วเลือกแถบ New task แล้ว browse ไปเลือกเปิดไฟล์ C:WINDOWS
egedit.exe
เมื่อเข้า regedit ได้แล้ว ให้เข้าไปที่คีย์
HKEY_CURRENT_USERSoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciesExplorer
มองขวามือ ลบคีย์ออกทุกคีย์ยกเว้น คีย์ชื่อNoDriveTypeAutoRun ไม่ต้องลบครับ แล้วรีตาร์ทเครื่องก็หายแล้วครับ
2. เข้า regedit ไม่ได้ เมื่อเข้าแล้วขึ้น ดังรูป Registry editing has been disabled by your administrator
ให้โหลดโปรแกรมมาแก้ครับ ชื่อ UnHookExec.inf โหลดมาแล้วคลิกขวาเลือกคำสั่ง install นะครับ
2.1เข้า regedit แล้วเงียบ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย เป็นไปได้ว่าไฟล์ regedit อาจจะโดนลบครับ ให้เข้าไปที่ My computer แล้วเข้าไปที่
C:WINDOWS หาเปิดไฟล์ regedit.exe ครับ หากเปิดแล้วเงียบอีก ก็ให้เปลี่ยนชื่อ ไฟล์ regedit.exe นั้นเป็นชื่ออื่นครับ เช่น regedit2.exe
แล้วลองเข้าใหม่ครับ เมื่อเข้าได้แล้วก็ เข้าไปที่คีย์
HKEY_LOCAL_MACHINESOFTWAREMicrosoftWindows NTCurrentVersionImage File Execution Options
ลบโฟลเดอร์ regedit.exe
HKEY_LOCAL_MACHINESOFTWAREMicrosoftWindows NTCurrentVersionImage File Execution Options
ลบโฟลเดอร์ regedt32.exe
3.คลิกขวาไม่ได้ ให้เรา เข้า regeditแล้วไปที่คีย์
HKEY_CURRENT_USERSoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciesExplorer
มองขวามือ หาบรรทัดที่เขียนว่า NoViewContextMenu เจอแล้วลบทิ้งเลยครับ แล้วเข้าไปที่
HKEY_LOCAL_MACHINESoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciesExplorer
มองขวามือ หาบรรทัดที่เขียนว่า NoViewContextMenu เจอแล้วลบทิ้งเช่นกันครับ
4.กด Ctrl+Alt+Delete แล้ว Task manager ไม่ขึ้นมาแต่ขึ้นว่า Task Manager has been disabled by your administrator
ให้เข้า regeditแล้วไปที่คีย์
HKEY_CURRENT_USERSoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciesSystem
มองขวามือลบบรรทัดที่เขียนว่า DisableTaskMgr แล้วเข้าไปที่คีย์
HKEY_LOCAL_MACHINESoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciesSystem
มองขวามือลบบรรทัดที่เขียนว่า DisableTaskMgr ออกเหมือนกันครับ
5.เข้า Run พิมพ์ cmd แล้วเอนเทอร์ เพื่อจะเข้า command prompt แล้วเครื่องก็รีสตาร์ท หรือเงียบ
ให้เข้า regeditแล้วไปที่คีย์
HKEY_CURRENT_USERSoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciesSystem
มองขวามือลบบรรทัดที่เขียนว่า DisableCMD แล้วเข้าไปที่คีย์
HKEY_LOCAL_MACHINESoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciesSystem
มองขวามือลบบรรทัดที่เขียนว่า DisableCMD เหมือนกันครับ
6.เมนู โฟลเดอร์ ออฟชั่นหาย ให้เข้า regeditแล้วไปที่คีย์
HKEY_CURRENT_USERSoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciesExplorer
มองขวามือลบบรรทัดที่เขียนว่า NoFolderOptions ออกครับ
7.เซตให้แสดงไฟล์ของระบบไม่ได้ เซตแล้วก็เด้งกลับมาซ่อนไว้เหมือนเดิมเหมือนเดิม
ให้เข้า regeditแล้วไปที่คีย์
HKEY_CURRENT_USERSoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionExplorerAdvanced
มองหาคีย์ชื่อ ShowSuperHidden ให้ดับเบิ้ลคลิก แล้วใส่ค่าเป็น 1 ครับ
8. ไม่สามารถเปลี่ยนหรือลบภาพพื้นหลังหน้าจอไม่ได้เพราะคลิกขวา properties ที่หน้าจอแล้วไม่มีเมนูที่จะเข้า ดังรูป
ให้เข้า regedit แล้วไปที่คีย์
HKEY_CURRENT_USERSoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciessystem
มองขวามือแล้วลบบรรทัดที่เขียนว่า NoDispBackgroundPage กับ NoDispScrSavPage ออกครับ
krootuuy2009
ร่วมแบ่งปันความรู้และความเห็นแล้ว 29 ครั้ง - ได้รับดาวแล้ว 58 ดวง - โหวตเพิ่มดาว
ความเห็นเพิ่มเติมที่ 6 26 ต.ค. 2551 (03:53)
การตรวจเช็คและวิธีแก้ปัญหาลง windows ไม่ได้ บู๊ตได้แต่ลงๆๆแล้วพอลงได้สักครึ่งขึ้น บูล สกรีน ตลอด
1. หัวอ่าน CD-ROM มีปัญหา วิธีแก้คือ ทำความสะอาดหัวอ่านหรือเปลี่ยนตัวใหม่มาลองดู
2. เปิดฟังก์ชั่นการตรวจสอบไวรัสไว้ใน BIOS วิธีแก้คือ ไปปิดฟังก์ชั่นนี้ซะก่อนที่ท่านจะลงวินโดว์
3. ฮาร์ดดิสก์มี Bad Sector วิธีแก้คือ ให้ท่านทำการ scandisk แล้ว fix Bad เจ้าปัญหานี้ซะ
4. อุปกรณ์เชื่อมต่อภายในสกปรกหรือหลวม เช่น สายแพฮาร์ดดิสก์ที่เสียบไม่แน่น หรือฝุ่นละอองที่จับตัวบริเวณแผงของเมนบอร์ด หรือเป็นสายเก่าขาดภายใน ลองเปลี่ยนสายใหม่ดูครับ
หรือเสียบอุปกรณ์ต่างๆลงใน slot ไม่แน่น วิธีแก้คือ ถอดอุปกรณ์ต่างๆ มาทำความสะอาด ใช้ยางลบทำความสะอาดบริเวณขาที่เสียบกับ slotแล้วใส่กลับเข้าไปอย่างเดิม เช็คดูว่าใส่แน่นดีทุกจุดหรือเปล่า
5. กรณีมีแรมหลายแผง
5.1.ถอดให้เหลือตัวเดียวแล้วลง ไม่ผ่าน แรมตัวเดิมสลับช่องสล๊อตไปเรื่อย ๆ จนครบทุกช่อง
5.2. ไม่ผ่าน เปลี่ยนแรมแผงใหม่ แล้วทำตาม 5.1
5.3. ไม่ผ่าน ถ้าใส่ การ์ดแลนด์ ให้ถอดออก แล้วลองตาม 5.1 – 5.2 ใหม่
5.4. ไม่ผ่าน
5.4.1 สล๊อตแรมเสีย
5.4.2 เรื่องใหญ่ เมนบอร์ด หมดอายุ บวม อืด
6. CPU ร้อนเกินไป
6.1 อาจจะเกิดจากซิลิโคนแห้ง ให้เราถอด CPU ออกมาขูดซิลิโคนเก่าออกแล้วป้ายซิลิโคนใหม่ลงไปแล้วประกอบกลับอย่างเดิม
6.2 พัดลม CPU หมุนช้าหรือหมุนผิดปกติ ให้ทำความสะอาดพัดลมดูครับอาจจะมีฝุ่นหรือเศษอะไรเข้าไปติดทำให้พัดลมหมุนได้ไม่เต็มที่
7. อุปกรณ์ข้างในเสีย เช่น CPU เสีย กรณีนี้แม้จะพบได้น้อยแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสที่จะพบ ทางแก้คือเปลี่ยน CPU ใหม่ไปเลยครับ,
การ์ดจอ, หรืออุปกรณ์จำพวก onboard เช่น Sound onboard ให้ทำการ disable ก่อนลงวินโดว์ ครับ ฯ
8. การแบ่งพิทิชั่น drive c ควรจะเป็น NTFS ครับ โดยเฉพาะแผ่นติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows XP SP3 นี้ส่วนมากแล้วมักจะรองรับแต่ NTFS ส่วน FAT32 นั้นลงไม่ได้เลยครับ
krootuuy2009
ร่วมแบ่งปันความรู้และความเห็นแล้ว 29 ครั้ง - ได้รับดาวแล้ว 58 ดวง - โหวตเพิ่มดาว
ความเห็นเพิ่มเติมที่ 7 21 ธ.ค. 2551 (07:23)
วิธีการ/ ลำดับขั้นตอนClear CMOS
1.หาคู่มือ mainboard ก่อนแต่ถ้าพอมีความรู้เรื่อง hardware ก็ไม่ต้องใช้ครับ เปิดคู่มือเมนบอร์ดดูครับ ว่าตำแหน่งที่ใช้ clear CMOS อยู่ตรงไหนโดยปกติมันก็จะอยู่ใกล้ตัว CMOS เลย ทีนี้มันจะมี jumper ซึงเป็นตัวเล็กๆ ไว้สำหรับเสียบลงในช่องขา (ปกติจะมี2-3 ขา)ที่ยื่นมาบนเมนบอร์ด ก็ให้ย้ายตำแหน่งมาที่ตำแหน่ง clear ทิ้งไว้สัก 15 วินาที แล้วย้ายกลับมาตำแหน่งเดิม ถ้าไม่ย้ายเครื่องก็จะไม่บู๊ต ให้ครับ
2.เปิด case ออกมา
3.ดูบน mainboard ของเรา เพื่อหา jumper clear Cmos ส่วนมากตำแหน่งไม่แน่นอน แต่ดูแถวๆ ถ่านกระดุมก่อน อ้อข้อสังเกตุครับ jamper clear Cmosจะมีรายละเอียดดังนี้
-ส่วนมากตัว jumper จะมีสีต่างจาก jumper ตัวอื่นๆ แต่จะสังเกตได้แต่ board รุ่นใหม่ๆ
-ส่วนที่คล้ายๆกันเกือบทุก board เลยคือเป็น j1 หรือ jumper No1 และส่วนมากจะมี screen เขียนว่า CLR_Cmos, CLR ฯลฯ โดย screen ที่มันบอกจะใช้เป็นตัวย่อมาจาก Clear Cmos นั่นเอง
-แต่บาง Mainboard จะไม่มี jumper แต่จะเป็นจุดให้เราช็อตขาเอาเองโดย screen จะใช้เหมือนที่กล่าวข้างบน
4.ปรับค่าไปทาง clear เลยครับหรือช็อตขา(สำหรับที่ไม่มี jumper)ก็เรียบร้อยแต่ถ้าคิดว่าที่พูดมายุ่งยาก(แต่ชัวร์ที่สุด)ก็มาขุ้นตอนนี้เลย
5.ถอดถ่านกระดุมออกแล้วเอาไขควงของเราจี้ที่ขั้วแท่านใส่ถ่านกระดุมให้เป็นวงจรสมบูรณ์ซะ(หมายถึงให้ขั้วมันประสานกันโดยมีไขควงเป็นตัวนำ) ซัก 30วินาทีและอย่าพึ่งใส่ถ่านกลับเขาไปนะทิ้งไว้อีกสัก 5 นาทีก่อนค่อยใส่กลับคืน
6. พอ clear เสร็จแล้วก็มี set bios ใหม่ ครับ
*********************
หน้าที่ 26 - RAM เสีย รู้ได้อย่างไร ?
RAM เสีย รู้ได้อย่างไร ?
หน่วยความจำเสียเกิดขึ้นได้ไม่บ่อยนัก แต่น้อยคนจะทราบว่ามันเสีย เพราะอุปกรณ์ตัวนี้ไม่ได้แสดงอาการที่หนักหนาอะไรเหมือนกับอุปกรณ์อื่นๆ เช่น ฮาร์ดิสก์หรือซีพียู ที่ทำให้พีซีไม่สามารถใช้งานได้เลย วันนี้เรามีสัญญาณบอกเหตุให้รู้ว่าหน่วยความจำเสียมาฝากครับ
ให้สังเกตุอาการต่างๆดังต่อไปนี้
- เกิดจอฟ้าขึ้นระหว่างใช้งาน พร้อมข้อความแจ้งเตือนต่างๆ ซึ่งผู้ใช้ต้องรีบูตเครื่องใหม่เท่านั้น
- เกิดจอฟ้าระหว่างการติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 2000 และ Windows XP
- เกิดอาการเครื่องแฮงค์ระหว่างการใช้งานโดยไม่ทราบสาเหตุ
- เกิดอาการจอฟ้าระหว่างเปิดโปรแกรมหรือเกม ที่ต้องใช้หน่วยความจำเป็นจำนวนมาก เช่น เกมสามมิติต่างๆ โปรแกรมกราฟฟิก รวมถึงโปรแกรมสำหรับทดสอบเครื่อง
- เกิดภาพที่แสดงออกมาผิดเพี้ยน ซึ่งสาเหตุอาจจะรวมไปถึงตัวการ์ดจอมีปัญหาได้
- ไม่สามารถบูตเครื่องได้ ซึ่งตัวเครื่องจะส่งสัญญาณออกมาให้ทราบว่าหน่วยความจำมีปัญหา หรือว่าจะแสดงให้เห็นบนจอภาพเช่น Memory test fail เป็นต้น
*****************************
หน้าที่ 27 - ซ่อมแซม Fileเมื่อถึงคราวที่วินโดว์ของคุณเกิดทำงานผิดพลาดบ่อยครั้ง
ซ่อมแซม File
เมื่อถึงคราวที่วินโดว์ของคุณเกิดทำงานผิดพลาดบ่อยครั้ง
อันเนื่องมาจากไฟล์ของระบบเสียหาย คุณสามารถติดตั้งเฉพาะตัวโปรแกรมวินโดว์ใหม่โดยไม่จำ เป็น
ต้องฟอร์แมตแล้วลงวินโดว์และติดตั้งโปรแกรมอื่นๆ เข้าไปใหม่ให้เสียเวลานอกจากนี้คุณยังไม่ต้อง มานั่งปรับตั้งค่าการทำงานต่างๆ ใหม่อีกครั้งแต่อย่างใดด้วย
1. เปิดเครื่องบู๊ตเข้าสู่วินโดว์ตามปกติ
2. นำแผ่น Setup CD ของวินโดว์ใส่ลงในไดร์ฟซีดีรอม
3. คลิกปุ่ม Start -> Run
4. พิมพ์คำสั่ง E:i386winnt32 /unattend แล้วคลิกปุ่ม OK
5. โปรแกรมติดตั้งจะเริ่มดำเนินการติดตั้งวินโดว์ให้คุณ ใหม่โดยยังคงรักษา
ค่าการทำงานต่างๆ เอาไว้เหมือนเดิม
****************************************
หน้าที่ 28 - คำสั่ง run ที่สามารถซ่อมคอมได้
คำสั่ง run ที่สามารถซ่อมคอมได้ แล้วสามารถทำให้คุณ hack ได้ เชื่อหรือไม่
ลองดู
ยกตัวอย่างนะครับ ถ้าผมจะดู mac address ในวง lan ของทุกเครื่องที่ต่ออยู่ ผมสามารถทำได้
จากคำสั่ง start>run>cmd>arp -a
หลังจากคุณได้ mac address มาแล้ว คุณสามารถทำอะไรได้มากมาย อย่างที่คุณต้องการเลยแหละ แต่ผมคงบอกหมดไม่ได้เพราะ ผมไม่สนับสนุนให้ทำผิดกฎหมาย
และมีอีกหลายคำสั่งนะครับ ลองไปศึกษาดู
เรียกโปรแกรม Accessibility Options : access.cpl
เรียกโปรแกรม Add Hardware : hdwwiz.cpl
เรียกโปรแกรม Add/Remove Programs : appwiz.cpl
เรียกโปรแกรม Administrative Tools control : admintools
ตั้งค่า Automatic Updates : wuaucpl.cpl
เรียกโปรแกรม Bluetooth Transfer Wizard : fsquirt
เรียกโปรแกรม เครื่องคิดเลข (Calculator) : calc
เรียกโปรแกรม Certificate Manager : certmgr.msc
เรียกโปรแกรม Character Map : charmap
เรียกโปรแกรม ตรวจสอบดิสก์ (Check Disk Utility) : chkdsk
เรียกดูคลิปบอร์ด (Clipboard Viewer) : clipbrd
เรียกหน้าต่างดอส (Command Prompt) : cmd
เรียกโปรแกรม Component Services : dcomcnfg
เรียกโปรแกรม Computer Management : compmgmt.msc
เรียกดู/ตั้ง เวลาและวันที่ : timedate.cpl
เรียกหน้าต่าง Device Manager : devmgmt.msc
เรียกดูข้อมูล Direct X (Direct X Troubleshooter) : dxdiag
เรียกโปรแกรม Disk Cleanup Utility : cleanmgr
เรียกโปรแกรม Disk Defragment : dfrg.msc
เรียกโปรแกรม Disk Management : diskmgmt.msc
เรียกโปรแกรม Disk Partition Manager : diskpart
เรียกหน้าต่าง Display Properties control desktop : desk.cpl
เรียกหน้าต่าง Display Properties เพื่อปรับสีวินโดวส์ : control color
เรียกดูโปรแกรมช่วยแก้ไขปัญหา (Dr. Watson) : drwtsn32
เรียกโปรแกรมตรวจสอบไดร์ฟเวอร์ (Driver Verifier Utility) : verifier
เรียกดูประวัติการทำงานของเครื่อง (Event Viewer) : eventvwr.msc
เรียกเครื่องมือตรวจสอบไฟล์ File Signature Verification Tool : sigverif
เรียกหน้าต่าง Folders Options control folders
เรียกโปรแกรมจัดการ Fonts control fonts
เปิดไปยังโฟลเดอร์ Fonts (Fonts Folder) : fonts
เรียกเกม Free Cell : freecell
เปิดหน้าต่าง Game Controllers : joy.cpl
เปิดโปรแกรมแก้ไข Group Policy (ใช้กับ XP Home ไม่ได้) : gpedit.msc
เรียกเกม Hearts : mshearts
เรียกโปรแกรมสร้างไฟล์ Setup (Iexpress Wizard) : iexpress
เรียกโปรแกรม Indexing Service : ciadv.msc
เรียกหน้าต่าง Internet Properties : inetcpl.cpl
เรียกหน้าต่าง Keyboard Properties control : keyboard
แก้ไขค่าความปลอดภัย (Local Security Settings) : secpol.msc
แก้ไขผู้ใช้ (Local Users and Groups) : lusrmgr.msc
คำสั่ง Log-off : logoff
เรียกเกม Minesweeper winmine
เรียกหน้าต่าง Mouse Properties control mouse : main.cpl
เรียกหน้าต่าง Network Connections control netconnections : ncpa.cpl
เรียกหน้าต่าง Network Setup Wizard : netsetup.cpl
เรียกโปรแกรม Notepad : notepad
เรียกโปรแกรม Object Packager : packager
เรียกคีย์บอร์ดบนหน้าจอ (On Screen Keyboard) : osk
เรียกหน้าต่าง Performance Monitor : perfmon.msc
เรียกหน้าต่าง Power Options Properties : powercfg.cpl
เรียกหน้าต่าง Printers and Faxes control : printers
เรียกหน้าต่าง Printers Folder : printers
เรียกโปรแกรม Private Character Editor : eudcedit
เรียกหน้าต่าง Regional Settings : intl.cpl
เรียกหน้าต่าง Registry Editor : regedit
เรียกโปรแกรม Remote Desktop : mstsc
เรียกหน้าต่าง Removable Storage : ntmsmgr.msc
เรียกหน้าต่าง Removable Storage Operator Requests : ntmsoprq.msc
เรียกดู Policy ที่ตั้งไว้ (ใช้กับ XP Home ไม่ได้) : rsop.msc
เรียกหน้าต่าง Scanners and Cameras : sticpl.cpl
เรียกโปรแกรม Scheduled Tasks control : schedtasks
เรียกหน้าต่าง Security Center : wscui.cpl
เรียกหน้าต่าง Services : services.msc
เรียกหน้าต่าง Shared Folders : fsmgmt.msc
คำสั่ง Shuts Down : shutdown
เรียกหน้าต่าง Sounds and Audio : mmsys.cpl
เรียกเกม Spider Solitare : spider
แก้ไขไฟล์ระบบ (System Configuration Editor) : sysedit
แก้ไขการตั้งค่าระบบ (System Configuration Utility) : msconfig
ตรวจสอบระบบด้วย System File Checker Utility (เริ่มทันที) : sfc /scannow
ตรวจสอบระบบด้วย System File Checker Utility (เริ่มเมื่อบู๊ต) : sfc /scanonce
เรียกหน้าต่าง System Properties : sysdm.cpl
เรียกหน้าต่าง Task Manager : taskmgr
เรียกหน้าต่าง User Account Management : nusrmgr.cpl
เรียกโปรแกรม Utility Manager : utilman
เรียกโปรแกรม Windows Firewall : firewall.cpl
เรียกโปรแกรม Windows Magnifier : magnify
เรียกหน้าต่าง Windows Management Infrastructure : wmimgmt.msc
เรียกหน้าต่าง Windows System Security : Tool syskey
เรียกตัวอัพเดตวินโดวส์ (Windows Update) : wupdmgr
เรียกหน้าต่าง Windows XP Tour Wizard : tourstart
เรียกโปรแกรม Wordpad : write
*****************************************************
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)