Powered by Jasper Roberts - Blog

วิธีทำปุ่ม Show Desktop

วิธีการเอา Show Desktop กลับคืนมา

ไปลบ Show Desktop ตรง Quick Launch ของ Taskbar เข้า....
วิธีกู้ Show Desktop กลับมา ลองทำตามขั้นตอนนี้เลย เพื่อที่จะเอา Show Desktop กลับคืนมา...

- ขั้นแรก ให้เปิด Notepad ขึ้นมา
- ขั้นที่ 2 พิมพ์ Code ต่อไปนี้ลงไปใน Notepad

[Shell]
Command=2
IconFile=explorer.exe,3
[Taskbar]
Command=ToggleDesktop

- ขั้นที่ 3 ให้ Save โดยตั้งชื่อว่า "Show Desktop.SCF" (ใส่ " ด้วยนะ)


---------------------------------

เข้าโฟลเดอร์ไม่ได้ ขึ้น Access is denied



ต้อง take ownership ก่อน ทำยังไงหรือ ?!!

ขั้นแรกก็ต้องทำให้เมนูใน Folder option มี Security เพิ่มขึ้นมาก่อน

1.เปิดไดรว์ D > Tools> Folder Options...> แท็บ View
บรรทัดสุดท้ายให้ยกเลิกการติ๊กหน้า Use simple file sharing (Recommended) > กด OK
เสร็จแล้วเมื่อคลิกขวาที่โฟลเดอร์ เลือก Properties
จะมีแท็บ Security เพิ่มมาอีกหนึ่งแท็บ (ปกติจะไม่มี)

2.คลิกขวาที่ Folder D:\Driver abc-Computer\abc (10) Asrock P4I45Gx_PE
เลือก Properties

3.เลือกแท็บ Security จะมีข้อความเตือน ให้คลิก OK

4.คลิก Advanced แล้วคลิกแท็บ Owner

5.ในช่องรายการชื่อ (Name)  คลิก
Administrator ......
Administrators .....
ทำเครื่องหมายในช่อง Replace owner on subcontainers and objects

6.คลิก OK  ตอบ Yes เมื่อมีข้อความเตือน

7.คลิก OK  เป็นอันจบกระบวนการ







แก้ virus open witch

นี่เกิดขึ้นเพราะว่าคุณได้ติดตั้งโปรแกรมที่จะเพิ่มคำสั่งเข้าไป ให้เราเลือกอีกเมื่อคลิกขวาที่ไดรฟ์ C ซึ่งมันจะเข้าไปเปลี่ยนค่าคีย์ใน Registry Entry บางครั้งมันเขียนค่าคีย์มาไม่ดี ไปทำให้ของเดิมที่มีมาเปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่ เหมือนกับที่คุณเป็นนี่แหละครับ
วิธีแก้ 1
- Windows XP ไปที่ Start button-->Run แล้วพิมพ์ regedit กด ok ;  Windos Vista ไปที่ Start button-->All Programs-->Accesories-->Run แล้วพิมพ์ regedit กด ok เพื่อเปิดหน้าต่าง Registry Editor
- ให้บราวซ์ไปตามนี้นะครับ HKEY_CLASSES_ROOT-->Directory-->shell
- ให้ดับเบิลคลิกที่ (default) แล้วเปลี่ยนค่า Data value ให้เป็น none (ให้ได้ค่าเหมือนกับรูปข้างล่างนะครับ)
*   ภาพไม่ค่อยชัด แนบไฟล์ภาพเอาแล้วกัน *

- ถ้าค่าของมันเป็น none อยู่แล้วก็ไม่ต้องเปลี่ยนอะไร
- เท่านี้มันก็จะเปลี่ยนค่า Settings ให้กับไปเป็น by default (ค่าการตั้งมาตรฐาน) เหมือนเดิมแล้วครับ

วิธีแก้ 2
- Windows XP ไปที่ Start button-->Run แล้วพิมพ์ cmd กด ok ;  Windos Vista ไปที่ Start button-->All Programs-->Accesories-->Run แล้วพิมพ์ cmd กด ok เพื่อเปิดหน้าต่าง Command Prompt ขึ้นมา
***********- ให้พิมพ์ regsvr32 /i shell32.dll แล้วกด Enter ที่คีย์บอร์ด   ******************
- มันจะไปแก้ให้ การทำงานแบบปรกติกลับคืนมา หมายเหตุ

ส่วนผู้ที่เห็นข้อความ "Windows cannot find 'PET32.exe'" โผล่ขึ้นมาเมื่อดับเบิลคลิกที่ไดรฟ์ล่ะก็ แสดงว่าเครื่องของคุณมีไวรัส หรือยังคงมีไวรัสค้างอยู่ ให้ไปใช้ anti-virus  ขจัดมันเสียก่อน แล้วค่อยกลับมาใช้ คำสั่ง regsvr32 /i shell32.dll เพื่อแก้ไขปัญหา

ถ้าแก้แบบข้างบนทั้ง 2 ข้อแล้ว แต่เมื่อ Restart เครื่อง แล้วปัญหายังกลับมาอีก ก็แสดงว่าเครื่องของคุณมีปัญหากับไฟล์ autorun.inf ครับ ธรรมดาแล้วพวกมีจุดประสงค์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จะสร้าง virus/trojan file ไว้แบบนี้
ไอ้ตัว autorun.inf เนี่ย มันถูกสร้างมาให้ไปฝังตัวอยู่ที่ รากฐานของ local drives หรือไม่ก็ที่ USB flash drive ส่วนทำไมมันถึงเลือกไปฝังตัวไว้ที่นั่นน่ะหรือครับ ก็เพื่อว่าเมื่อเวลาคุณเปิด My Computer แล้วอยากจะเข้าใช้งาน local drives ด้วยการดับเบิลคลิกที่ไอคอนของ drive (ส่วนใหญ่ก็คือ C) มันก็จะออกคำสั่งให้วินโดว์ เปิดโปรแกรมที่มันต้องการแทนโดยอัตโนมัติ
ถ้าเป็นไวรัสจริง anti-virus  ทั่วไปก็สามารถขจัดได้แต่ executable virus พอเป็น autorun.inf แล้วมันไม่สามารถทำได้หรอกครับ ไม่ว่าจะเป็น anti-virus  ที่เก่งกล้าขนาดไหนก็ตามเถอะ เพราะว่าเจ้า autorun.inf ที่คุณสามารถหามันเจอได้ที่รากฐานของไดรฟ์คุณนั้น มันเป็น instruction (คำสั่ง) ไฟล์เฉยๆ
คุณได้ติดตั้ง ACDSee 10 มา ผมคิดว่าเจ้าของไฟล์อาจจะออกแบบ autorun.inf  ที่สามารถสั่งให้วินโดว์เปิด  ACDSee 10  ขึ้นมาโดยอัตโนมัติเมื่อคลิกที่  local drives

วิธีแก้ 3
- autorun.inf มันจะถูกซ่อนไว้ ยังไงๆ คุณก็หาไม่เจอหรอกครับ ต่อให้ คุณเลือก Show you all files from folder option ใน Control Panel ก็ตามทีเถอะ
- เพื่อจะลบมันทิ้ง คุณต้องใช้วิธีบังคับลบใน CMD เท่านั้น
- ไปที่ Start button-->All Programs-->Accesories-->Run แล้วพิมพ์ cmd กด ok
- ถ้าไดร์ C เป็นไดร์ที่มีปัญหา ให้พิมพ์ C: ในหน้าต่าง command prompt แล้วกด Enter ที่คีย์บอร์ด
- พิมพ์ autorun.infแล้วกด Enter ที่คีย์บอร์ด
- ไฟล์ autorun.inf จะถูกเปิดขึ้นมา
- ปิดหน้าต่าง autorun.inf  แล้วพิมพ์ del autorun.inf ในหน้าต่าง command prompt  แล้วกด Enter ที่คีย์บอร์ด
- มันจะขึ้นข้อความว่า "Could not find C:\autorun.inf"
- ให้พิมพ์ attrib autorun.inf -s -h -r แล้วกด Enter ที่คีย์บอร์ด
- ให้พิมพ์  del autorun.inf แล้วกด Enter ที่คีย์บอร์ด
- ถ้าคุณพิมพ์ autorun.infแล้วกด Enter ที่คีย์บอร์ด อีกครั้ง ไฟล์ autorun.inf ก็จะไม่ถูกเปิดขึ้นมาให้เห็นอีก ส่วนข้อความเตือนข้างล่างนั้นไม่ต้องไปสนใจมัน
- Restart เครื่อง แล้วไปลองคลิกขวาดู ก็จะเห็นว่า ตัว Open กับ Explore จะกลับมาทำงานได้เหมือนเดิม
- เสร็จแล้วครับ

- รบกวนช่วยรายงานความคืบหน้าด้วยครับ
- ถ้าคุณยังมีปัญหาอีก แสดงว่าเครื่องของคุณมีไวรัส หรือยังคงมีไวรัสค้างอยู่ ทีนี้ขอให้ไปสร้างกระทู้ไว้ใน  คอมนู๋ไม่รู้เป็นไร - ปัญหาติดไวรัส สปายแวร์ นะครั

แก้ hilight desktop


พอกันทีกับปัญหาการที่ icon บน destop มี high light ไม่สวยงามด้วยวิธีที่เราจะเสนอท่านดังต่อไปนี้

1. ไปที่ปุ่ม Start

2. เลือก "Control Panel"

3. แล้วเลือก icon ที่ชื่อว่า "System"

4. ไปที่ แถบที่ชื่อ Advance แล้วมองที่กรอบที่มีคำว่า Performance  คลิกคำว่า setting ในกรอบนั้น

5. เลือก แถบที่ชื่อ "Visual Effects" แล้วเลือกติ๊กที่ "Use Drop Shadows for Icon Labels"   แล้วก้อกด Apply แล้วก้อ OK

การเซตแอกเซสพอยน์ยี่ห้อ Linksys

การเซตแอกเซสพอยน์ยี่ห้อ Linksys รุ่น WAP54G 8 Months, 3 Weeks ago Karma: 3
1. set แอกเซสพอยน์ให้เป็น factory default โดยกดปุ่ม Reset ค้างไว้ประมาณ 10 วินาที

2. เครื่องจะมีหมายเลขไอพีเป็น 192.168.1.245 และ SSID เป็น linksys

3. ใส่เลข IP Address ให้กับเครื่องโน้ตบุ๊คเป็น 192.168.1.3 subnet mask 255.255.255.0

4. เชื่อมต่อเครื่องแอกเซสพอยน์เข้ากับเครื่องโน้ตบุ๊ค จากนั้นเปิดบราวเซอร์หน้าต่างใหม่แล้วใส่ 192.168.1.245 ในช่อง Address

5. เข้าสู่การคอนฟิกโดยช่อง Username ปล่อยว่างไว้และช่อง Password เป็น admin




ไม่สามารถจะคอนฟิกแบบ Open พร้อมกับแบบ WPA ด้านล่าง ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง



การคอนฟิกแอกเซสพอยน์ให้ใช้แบบ Open ต่อผ่าน chillispot

ุคลิกแท็บ Wireless > Basic Wireless Settings

Mode: Mixed


Network Name(SSID): group1-open

Channel: เลือกตามหมายเลขกลุ่ม

SSID Broadcast: Enabled


คลิกปุ่ม Save Settings
คลิกแท็บ Setup > Network Setup

ในส่วน Configuration Type: เลือกตั้งหมายเลขไอพีแบบ Automatic Configuration-DHCP (สำคัญมาก chillispot จะทำงานไม่ได้ถ้าเลือกเป็น static)


คลิกปุ่ม Save Settings



หลังจากคลิกปุ่ม Apply ไปแล้วจะไม่สามารถเข้าคอนฟิกแอกเซสพอยน์ทางบราวเซอร์ได้อีกต่อไป เพราะมันลบเลขไอพี 192.168.1.245 ไปแล้ว และเปลี่ยนเป็นรับเลขไอพีจาก dhcp




ในขั้นนี้จะสามารถใช้งานแบบ open และ Web Login ได้แล้ว



การคอนฟิกแอกเซสพอยน์ให้ใช้แบบ WPA ต่อตรงกับเรเดียสเซิร์ฟเวอร์

ุคลิกแท็บ Wireless > Basic Wireless Settings

Mode: Mixed


Network Name(SSID): group1-wpa

Channel: เลือกตามหมายเลขกลุ่ม

SSID Broadcast: Enabled


คลิกปุ่ม Save Settings

คลิกแท็บ Wireless > Security

Security Mode: WPA-Enterprise

Encryption: TKIP

RADIUS Server: ใส่ IP ที่กำหนดให้ (10.0.1.1)


RADIUS Port: 1812

Shared Secret: mytestkey

คลิกปุ่ม Save Settings

คลิกแท็บ Setup > Network Setup

ในส่วน Configuration Type: เลือกตั้งหมายเลขไอพีแบบ Static IP แล้วตั้ง IP เป็น 10.0.1.2 /24

คลิกปุ่ม Save Settings



การคอนฟิกแอกเซสพอยน์ให้ใช้แบบ WPA ต่อผ่าน chillispot

ุคลิกแท็บ Wireless > Basic Wireless Settings

Mode: Mixed


Network Name(SSID): group1-wpa

Channel: เลือกตามหมายเลขกลุ่ม

SSID Broadcast: Enabled


คลิกปุ่ม Save Settings

คลิกแท็บ Wireless > Security

Security Mode: WPA-Enterprise

Encryption: TKIP

RADIUS Server: ใส่ IP ที่กำหนดให้ (10.0.1.1)


RADIUS Port: 1812

Shared Secret: mytestkey

คลิกปุ่ม Save Settings
คลิกแท็บ Setup > Network Setup

ในส่วน Configuration Type: เลือกตั้งหมายเลขไอพีแบบ Automatic Configuration-DHCP (สำคัญมาก chillispot จะทำงานไม่ได้ถ้าเลือกเป็น static)

คลิกปุ่ม Save Settings



หลังจากคลิกปุ่ม Apply ไปแล้วจะไม่สามารถเข้าคอนฟิกแอกเซสพอยน์ทางบราวเซอร์ได้อีกต่อไป เพราะมันลบเลขไอพี 192.168.1.245 ไปแล้ว และเปลี่ยนเป็นรับเลขไอพีจาก dhcp

cardit : http://mamboeasy.psu.ac.th/~wiboon.w/content/view/39/40/

การเคลีร์ย Windows Genuine WGN

การเคลีร์ย Windows  Genuine WGN

- C:\Windows\System32\ลบไฟล์ "wgatray.exe"
- เข้า Regedit
   HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWEAR\Microsoft\Windows NT\CurrentVision\Winlogon\ลบ Folder Notify ---> Restart








การ share

ขั้นแรกเราต้องเปลี่ยนโหมดการ share file ของ XP ให้เป็นแบบ windows 2000 หรือ 2003 ก่อน
1.เปิด explorer กดแทป tool เลือก folder option
2.ขึ้นหน้าต่าง folder options ให้เลือกแทป View
3.ขึ้นหน้าต่าง view ให้หามองหาคำสั่ง use simple file sharing
ก็จะเปลี่ยนการ share file เป็นแบบ 2000 ก่ะ 2003 ที่มีระบบ permission เพิ่มขึ้นมา
ทำให้เราสามารถกำหน้าได้ว่าให้ user ใหนเข้ามาใช้งานได้บ้าง

การสร้าง user และเซต password ดังนี้ครับ
คลิกขวา my computer เลือก manage
ให้ดูในส่วนการตั้งค่า user เราสามารถ คลิกขวา สร้าง user ได้เลย

ส่วนการเซตให้ share files ไม่ถาม password ให้ permission ใส่user Guest แต่ต้อง enable user guest ขึ้นมาใช้งานซะ
ก่อนเพราะโดยปรกติจะไม่ให้ใช้งานอยู่แล้ว

virus password

วิธีกำจัดไวรัสชื่อ Flashy (ไวรัส password) หรือ Backdoor.Glupzy
 Published on August 17th, 2006-3:31 pm. 27 Comments
รู้สึกว่าช่วงนี้จะโดนกันทั่วหน้านะเนี่ย แต่พอว่าเราไม่โดน  ค่อยยังชั่วหน่อย แต่เขียนไว้ก่อน print แปะข้างฝา ไว้อาจจะโดนเข้าสักวัน -_-’

ไวรัส ชนิดนี้ ชื่อ Flashy.exe หรือ Backdoor.Glupzy โดยมันเป็นโทรจันที่เข้าไปเปลี่ยนแปลงรหัสผ่านระดับ Administrator ของ Windows

พบเมื่อ July 21, 2006
ประเภท Trojan Horse
ขนาดไฟล์ 21.18 Kbytes
ระบบที่ได้รับผลกระทบ : Windows 2000, Windows 95, Windows 98, Windows Me, Windows NT, Windows Server 2003, Windows XP

ถ้าโดนเข้าแล้วให้ใช้
User name : Administrator
Password : hacked
เพื่อเข้าระบบครับ

ก่อนอื่นว่าเข้ากับอาการของเครื่องที่ติด Flashy.exe หรือเปล่า

- ไม่สามารถเรียกใช้ Task Manager, Registry Editor และFolder Option ได้ ไม่ว่าจะเรียกด้วยวิธีใด
- หากพยายามแก้ไขด้วยวิธีการทำ System Restore ถ้าเครื่องของเราได้ทำการตั้งรหัสเอาไว้ Flashy.exe จะทำการแก้รหัสของเราใหม่ ทำให้ไม่สามารถ Login เข้าเครื่องของเราได้อีกเลย
- Error นี้จะแสดงขึ้นมาทันทีเมื่อ ตรวจพบการใช้งาน Controller ของ Removeble Media ต่างๆ อยู่เฉยๆอาจจะปกติไม่มีอะไร แต่เมื่อเสียบ Card Reader เข้าไปก็จะโชว์ Error นี้ทันที
- เมื่อเสียบ Flash Drive เข้าไป หรือเสียบ Memory Card เข้าไปใน Card Reader แล้วหากว่า ใน Memory Card นั้นมี Folder อยู่ Folder เหล่านั้นจะถูกเปลี่ยนให้ไปอยู่ใน สถานะ Hidden ทำให้เราไม่สามารถมองเห็น Folder ของเราในนั้นได้
- หากว่าใน Memory Card หรือ Flash Drive ของเรามี Aplication อยู่ ( ที่มีนามสกุลว่า .exe ) Flashy.exe จะทำการปลอมชื่อตัวเองไปเป็นชื่อเดียวกัน Aplication นั้นๆ ทำให้เราเข้าใจว่าAplication ของเรากำลังเรียกใช้งานอยู่ตามปกติ
- จะมีการเขียนค่าลงใน Memory Card ที่เราไส่ลงไป และทำให้ตัวเองมีหน้าตาเหมือน Folder ( คล้ายๆเจ้า Brontok ) และเมื่อเราเอาไปใช้ที่ใหม่ เครื่องอื่นจะมองเห็นเป็น Folder ทำให้ User ไม่ทันระวังตัว พอดับเบิ้ลคลิกไปก็เท่ากับเป็นการรัน Virus เข้าเครื่องในทันที
- Virus ตัวนี้ไม่แพร่กระจายในเครือข่าย (คือไม่ใช่ อยู่ๆก็ไปเขียนค่าหรือ ติดตั้งตัวเองในเครื่องอื่นๆในวง Lan ของเรา มันจะอยู่แต่เครื่องที่มันอยู่เท่านั้น แต่ใช้ Flash Drive เป็นพาหะแทน)
- อาการจะแสดงผลในทันที ไม่รีรอค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป อย่าง Brontok ..

ขั้นตอนการกำจัดไวรัส Flashy.exe

เปิด Safe Mode

### ขั้นตอนการกำจัดไวรัสชื่อ Flashy.exe ทั้งหมด (1.-6.) ทำใน Safe Mode เท่านั้น

1. เราต้องทำให้เครื่องเราที่ ติด password อยู่ boot ให้ได้ก่อน ทำได้โดย
หาแผ่น Hirens BootCD 8.1 เข้าหัวข้อ pass…. เลือกข้อ 1. Act…
- โปรแกรม จะถามว่า patition เราอันไหน เราก็เลือกไป
- โปรแกรม จะถามว่า Account ที่จะล้าง pass อันไหน เราก็เลือกไป
- เสร็จแล้ว ออกจากโปรแกรม เราก็ reboot กด f8 เพื่อเข้า Safe Mode

2. เมื่อเข้า Safe Mode มาแล้ว
- คลิกขวาที่ My Computer > Properties > แท็บ System Restore > เลือก Turn off System Restore on all drives > OK

3. คลิกขวาที่ Task Bar > Task Manager (หรือ Ctrl+Alt+Del) > แท็บ Processes
- หาตัวที่ชื่อ Flashy.exe และ systemID.pif > End Process (กรณีถ้าตรวจพบ..)

4. เปิด Notepad แล้วก็อบปี้ข้อความด้านล่างไปวาง เซฟชื่อ killfrashy.bat
เมื่อเซฟเสร็จแล้ว ให้ดับเบิ้ลคลิกที่ไฟล์ killfrashy.bat เพื่อเรียกให้ไฟล์ดังกล่าวทำงาน

อ้างถึง
@ECHO OFF

REG delete HKCU\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\System /v DisableRegistryTools /f
REG delete HKLM\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Run /v Flashy Bot /f
REG add HKCU\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Explorer\Advanced /v Hidden /t REG_DWORD /d 2
REG add HKCU\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Explorer\Advanced /v HideFileExt /t REG_DWORD /d 0
REG add HKLM\SYSTEM\CurrentControlSet\Services\SharedAccess /v Start /t REG_DWORD /d 2

5. ไปที่ Start Menu\ All Programs\Startup หา systemID.pif แล้วลบทิ้ง (คลิกขวา > Delete)
ไปที่ C:\WINDOWS\system หา Flashy.exe แล้วลบทิ้ง

6. จบขั้นตอนการกำจัด Flashy.exe > Restart เครื่อง

ต้องเข้าไปแก้ค่าใน regedit ด้วย

HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\Explorer\"NoFolderOptions" = "1"
HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Explorer\Advanced\"HideFileExt" = "1"
HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Explorer\Advanced\"Hidden" = "2"
HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Services\SharedAccess\"Start" = "4"

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- http://www.symantec.com/
- http://www.bbznet.com/

กรณี Postek พิมพ์งานเว้น

setup Printer Postek

1. setup Regedit ที่=HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\ORACLE คลิกขวาช่องทางซ้าย เลือก new -->string value-->ใส่ ip_address ค่า value ใส่เบอร์ ip
2. กรณี Print แล้วข้อมูลออกมาเว้นช่วงกระดาษ
   วิธีแก้ไข
 - กด cancel ค้างไว้ รอไฟกระพริบครบ 3 ดวง
 - กด feed 1ครั้ง แล้วปิดเครื่อง
 - เปิดเครื่องใหม่ แล้ว Print ตามปกติ ดูว่าเครื่องจำค่าที่ set ไว้หรือเปล่า

super cut

โปรแกรม Supercut

- เครื่องในห้องพี่จุ้ย
การจะ Copy ข้อมูลออก หรือCopy ไว้ในเครื่อง >>> Drive นั้นจะต้องมี Folder  Tacarea เก็บเอาไว้ในนั้นเสมอ
เพื่อที่เวลาเรียกโปรแกรมใช้งานแล้วจะได้มองเห็นข้อมูลของงาน



- เครื่องตัด
การเรียกงานจากเครื่อง P'จุ้ย จะMap drive มาเป็นไดรฟ์  Y:/ ทุกครั้ง >>>> แล้วเรียกหางานที่ save ไว้จากเครื่อ

setup โปรแกรม qc ใหม่ทุกครั้ง

- กรณีลงโปรแกรม QC ใหม่
- ให้ set ค่า regedit ที่ --->HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\ORACLE\HOME1--->
คลิกที่ช่องขวามือ New -->String value--->
- Value Name ใส่ --NLS_DATE_FORMAT
- Value data ใส่ DD/MM/YYYY

preview ภาพไม่ได้

เข้า start --->run--->พิมพ์ regsvr32 shimgvw.dll

Access is denied

เข้าโฟลเดอร์ไม่ได้ ขึ้น Access is denied


ต้อง take ownership ก่อน ทำยังไงหรือ ?!!

ขั้นแรกก็ต้องทำให้เมนูใน Folder option มี Security เพิ่มขึ้นมาก่อน

1.เปิดไดรว์ D > Tools> Folder Options...> แท็บ View
บรรทัดสุดท้ายให้ยกเลิกการติ๊กหน้า Use simple file sharing (Recommended) > กด OK
เสร็จแล้วเมื่อคลิกขวาที่โฟลเดอร์ เลือก Properties
จะมีแท็บ Security เพิ่มมาอีกหนึ่งแท็บ (ปกติจะไม่มี)

2.คลิกขวาที่ Folder D:\Driver abc-Computer\abc (10) Asrock P4I45Gx_PE
เลือก Properties

3.เลือกแท็บ Security จะมีข้อความเตือน ให้คลิก OK

4.คลิก Advanced แล้วคลิกแท็บ Owner

5.ในช่องรายการชื่อ (Name)  คลิก
Administrator ......
Administrators .....
ทำเครื่องหมายในช่อง Replace owner on subcontainers and objects

6.คลิก OK  ตอบ Yes เมื่อมีข้อความเตือน

7.คลิก OK  เป็นอันจบกระบวนการ




* Link ที่เกี่ยวข้อง *

http://support.microsoft.com/kb/309531/

http://www.com-th.net/webboard/index.php?topic=54143.0

http://antierr.wordpress.com/2007/10/07/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2-folder-%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-window-%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%98%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3/
***


3 ต้น 750

แอม 250
กิ้งแอม 250
กิ้งวิท 150











power ติด

หลายคนสงสัยว่าทำไมเสียบปลั๊กแล้วเครื่องติดเอง โดยที่เรายังไม่ได้กดปุ่ม Power เนื่องจากว่ามีการ Set ค่า Bios ใน Power Manager ตรงหัวข้อ AC Power Loss ไว้ แต่มันก็มีข้อดีครับคือ เพราะเวลาเปิด UPS เครื่องก็ติดเลยไม่ต้องมากดอีกทีที่ Power Switch ของเคส ก็แล้วแต่บางคนที่ชอบนะครับ
           วิธีแก้ไขให้ทำตามนี้เลย
           1. เข้าไปที่ BIOS เลือกหัวข้อ * Power Manager
           2. เลือก * AC PWR Loss ตั้งเป็น OFF หรือ DISABLE ไว้ครับ (แต่ถ้าต้องการก็ตั้งเป็น ON หรือ ENABLE)

ป้องกันไวรัส autorun.inf บน Flash drive ได้ไม่ยาก!!!

ทุกวันนี้ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็จะพบว่าคนส่วนใหญ่ต่างก็ใช้งาน Flash drive ในการบันทึกข้อมูลกันทั้งน๊านนนนนน...ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนนักศึกษา, พนักงานต๊อกต๋อยยันผู้บริหารระดับสูงก็ต้องมี Flash drive คู่กายไว้สำหรับเก็บข้อมูลเหมือนกันหมด 


และแน่นอนว่าคนที่ใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้ก็จะต้องเคยเจอกับปัญหา Flash drive ติดไวรัสอย่างแน่นอน จะว่าไปแล้วตัว Flash drive ของคุณเองก็ถือได้ว่าเป็นแหล่งแพร่กระจ่ายไวรัสชั้นดีเลยทีเดียวนะคะ ดังนั้นถ้าเราไม่ชัวร์ว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เราใช้อยู่นั้นมันมีไวรัสหรือไม่ เราก็ควรกันไว้ก่อนแก้ด้วยการสแกนไวรัส และควรจะเปิดใช้งาน Flash drive ด้วยการคลิกขวาที่ My Computer แทนนะคะ


อ้อ! แล้วถ้าเครื่องคอมพิวเตอร์ที่คุณใช้งานอยู่เกิดมีไวรัสขึ้นมา เมื่อคุณเสียบ Flash drive เข้าไปเท่านั้นแหละค่ะ ไวรัสมันก็จะจัดการสิงร่างลงไปใน Flash drive ของคุณโดยใช้ชื่อไฟล์ว่า autorun.inf  ซึ่งไฟล์นี้จะทำงานโดยอัตโนมัติ


ดังนั้นเมื่อคุณเสียบ Flash drive ที่ติดไวรัส autorun.inf นี้เข้ากับเครื่องอื่นต่อไปเรื่อยๆ ก็จะทำให้ไวรัสเกิดการแพร่กระจายเป็นไฟลามทุ่งเลยละ จนสุดท้ายก็อาจทำให้ Flash drive หรือคอมพิวเตอร์ในองค์กรทั้งหมดใช้งานไม่ได้นะคะ (งานเข้าซะแล้วสิ - -)


ว่าแล้ว MissIT เลยขออาสามาบรรเทาทุกข์ผู้ใช้งาน Flash drive ทุกคนด้วยวิธีการป้องกันไวรัส autorun.inf แบบง่ายๆที่ไม่ว่าใครก็สามารถทำได้กันเลยค่ะ!


วิธีป้องกันไวรัส autorun.inf แบบง่ายๆ

1. คลิกขวาที่ My Computer ไปที่ Explore จากนั้นก็เปิด Flash drive ได้เลยค่ะ

2. เมื่อเราเปิด Flash drive ขึ้นมาแล้วให้คลิกขวาที่พื้นที่ว่าง ไปที่ New แล้วเลือก Folder
3. เปลี่ยนชื่อ Folder เป็น autorun.inf นะคะ
4. จากนั้นก็ทำการซ่อน Folder เพื่อป้องกันไม่ให้เราไปเผลอลบมันออก โดยการคลิกขวาที่ Folder ที่เราสร้างไว้สักครู่นี้ แล้วเลือก Properties ค่ะ
5. เลือก Attributes เป็น Hidden แล้วก็คลิกปุ่ม OK ได้เลยค่ะ


แค่นี้เพื่อนๆก็จะสามารถป้องกัน Flash Drive สุดรักสุดหวงของเราให้ปลอดภัยจากไวรัสได้แล้วค่ะ ทั้งง่ายแถมยังได้ทั้งความปลอดภัยอีกด้วยแบบนี้ เพื่อนๆจะลองนำวิธีของเราไปใช้กับ Flash Drive ของตัวเองกันดูบ้างก็ไม่เสียหายนะคะ เพื่อที่ว่าเราจะได้ไม่เป็นคนแพร่กระจายไวรัสแบบไม่รู้ตัวเสียเองไงละ (มันบาปกรรมนะคะ ^^)

วิธีแก้ไวรัส .scr

ไวรัสชนิดนี้จะซ่อนโฟลเดอร์งานของเราทั้งหมด และไฟล์หลอกที่มีชื่อเดียวกับโฟลเดอร์ของเราที่โดยซ่อน พร้อมทั้งยังปิดการทำงานของ Show hidden files and folders ไว้ด้วยทำให้เราไม่สามารถเปิดดูโฟลเดอร์ที่ถูกซ่อนไว้ได้ ถ้าเราไปเผลอคลิ๊กที่ไฟล์ของไวรัสจะทำไวรัสขยายไปเข้าไปในระบบมากยิ่งขึ้น




วิธีเช็ค ดูว่าเราติดไวรัสตัวนี้รึเปล่า ตามรูปด้านบนจะเห็นโฟลเดอร์งานของเราลางๆ และมีไฟล์ไวรัสชื่อเหมือนโฟลเดอร์งานแต่จะมีนามสกุล .scr ไวรัสตัวนี้จะมาพร้อมกับไฟล์ autorun.inf จะมีคำสั่งที่ทำให้ไวรัสทำงานและกระจายไวรัสไปในส่วนต่างๆ
วิธีกำจัด
1.ปิดการทำงานของไวรัสก่อน โดยการคลิ๊กที่เมนู Start->Run->msconfig (พิมพ์ในช่องของRun) แล้วกดปุ่ม Run จะปรากฏหน้าต่างดังรูปข้างล่าง






2.เลือกแท็ป Startup->Disable Allเปิดการทำงานฉะเพราะ
- ctfmon คือ ตัวเลือกสลับภาษา
- udaterui กับ SHSTAT คือ ส่วนการทำงานของโปรแกรม Anti Virus
- USBGuard คือ การทำงานของโปรแกรมป้องกันไวรัส autorun
3.เสร็จแล้วกดปุ่ม OK แล้ว รีสตาร์ทเครื่องใหม่ 1 รอบ
4.Update Anti Virus แล้ว Scan Virun รอจนกว่าจะเสร็จ

แก้ปัญหา Surabaya ให้สิ้นซากไปเลย

Surabaya เอ๊ะนี่มันชื่อเมืองเมืองนึงที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดอยู่บนเกาะชวา ประเทศอินโดนีเซียนี่นา แล้วมันมาเกี่ยวอะไรกับบทความในหมวดหมู่ไวรัสคอมพิวเตอร์ละเนี่ย ส่งสัยกันใช่ไม๊ล่ะ  ค่ะสำหรับSurabaya ที่จะพาทุกท่านไปรู้จักกันในวันนี้คือไวรัส ที่คอยปั่นหัวเหล่าชาวคนคอมพิวเตอร์นี่เอง
เอ๊ะมันปั่นหัวยังไง? มันชื่อเหมือนเมืองที่สวยงามนี่นามันต้องมีข้อดีบ้างสิ  555 แต่ผิดถนัดมันไม่มีข้อดีอะไรเลยแถมยังร้ายแบบสุดๆด้วยมันร้ายอย่างไรนั้นเดี๋ยวไปติดตามดูกันดีกว่า
อย่างแรกเลยนั้นเมื่อคุณติดไวรัสตัวนี้แล้วเมื่อคุณบูตเครื่องก่อนที่จะเข้าสู่หน้าวินโดว์คุณจะเจอดังภาพต่อไปนี้
 
     
คำแปล
สุราบาย่า ในวันเกิดของฉัน อย่าทำฉันเลย ฉันเพิ่งจะส่งข้อความจากคอมพิวเตอร์ของคุณขอบคุณนะที่เป็นเพื่อนกัน ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่สำหรับฉันแล้ว มันมีความหมายมากๆ ขอโทษด้วยนะถ้าหากสิ่งที่ฉันขอคืออยากมีเพื่อนร่วมชีวิต ฉันน่าจะเข้าใจว่าสิ่งที่ฉันเป็นอยู่ ไม่ได้เกิดจากการเสแสร้งของเธอ มันก็แค่ฝันลมๆแล้งๆให้กับคนรักที่ฉันไม่เคยได้ครอบครอง 
 จากนั้นก็เจออาการต่างๆ มากมาย อาทิเช่น
1. โฟล์เดอร์หายไป แล้วมีไฟล์ .scr มาแทนที่
2. คลิกขวาที่โฟล์เดอร์คำว่า Open ไม่มี 
3. มันจะทำการลบไฟล์ของคุณอย่างช้าๆ
4. เมื่อเสียบแฟล๊ตไดร์จะติดเชื้อทันที
5. จะเปิดโชว์นามสกุลใน Folder Options ไม่ได้

วิธีแก้ไข
1. ดับเบิ้ลคลิกไฟล์ Kill Surabaya.bat เครื่องจะรีสตาร์ทใหม่ เมื่อเข้าวินโดว์ใหม่เรียนร้อยแล้ว


2. กดปุ่มรูปวินโดว์ที่คีย์บอร์ด+ F จะมีหน้าต่าง Search ขึ้นมา
3. คลิกที่ All files and folders
4. คลิกที่ More advanced options5. คลิกเลือก Search system folders, Search hidden files and folders, Search subfolders ทั้ง 3 ช่อง
6. พิมพ์.scr ในช่อง All or part of the file name: แล้วคลิกปุ่ม Search
7. คลิกขวาที่ช่องหน้าต่างขวามือ แล้วเลือก Arrange Icon By --> แล้วเลือกคลิกที่ Modified
8. ลบรูปโฟลเดอร์นามสกุล.scr ไฟล์ขนาด 40.0 K ทิ้งทั้งหมด (ยกเว้นไฟล์ขนาด 40.0 K ที่ไม่ใช่รูปโฟลเดอร์)

change Restore Active Desktop

1.Go to Run, type regedit and hit enter
2.Go here HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Internet Explorer\Desktop\SafeMode\Components
3.Select the value DeskHtmlVersion
4.Select the Decimal radial button
5.Change the value of 272 to 0
6.Most of the time it might take a few seconds for your background to appear and other times…you might need to restart your computer.
Have fun!
 
 

คีย์ลัดต่างๆ ของ Window และ MS Office

BarCharts, Inc.® WORLD’S #1 QUICK REFERENCE GUIDE
BASIC SHORTCUT KEYS
Alt + F File menu options in current program
Alt + E Edit options in current program
F1 Universal help (for all programs)
Ctrl + A Select all text
Ctrl + X Cut selected item
Shift + Del Cut selected item
Ctrl + C Copy selected item
Ctrl + Ins Copy selected item
Ctrl + V Paste
Shift + Ins Paste
Home Go to beginning of current line
Ctrl + Home Go to beginning of document
End Go to end of current line
Ctrl + End Go to end of document
Shift + Home Highlight from current position to beginning of line
Shift + End Highlight from current position to end of line
Ctrl + f Move one word to the left at a time
Ctrl + g Move one word to the right at a time
MICROSOFT® WINDOWS® SHORTCUT KEYS
Alt + Tab Switch between open applications
Alt +
Shift + Tab
Switch backwards between open
applications
Alt + Print
Screen
Create screen shot for current program
Ctrl + Alt + Del Reboot/Windows® task manager
Ctrl + Esc Bring up start menu
Alt + Esc Switch between applications on taskbar
F2 Rename selected icon
F3 Start find from desktop
F4 Open the drive selection when browsing
F5 Refresh contents
Alt + F4 Close current open program
Ctrl + F4 Close window in program
Ctrl + Plus
Key
Automatically adjust widths of all columns
in Windows Explorer
Alt + Enter Open properties window of selected icon
or program
Shift + F10 Simulate right-click on selected item
Shift + Del Delete programs/files permanently
Holding Shift
During Bootup
Boot safe mode or bypass system files
Holding Shift
During Bootup
When putting in an audio CD, will prevent
CD Player from playing
WINKEY SHORTCUTS
WINKEY + D Bring desktop to the top of other windows
WINKEY + M Minimize all windows
WINKEY +
SHIFT + M
Undo the minimize done by WINKEY + M
and WINKEY + D
WINKEY + E Open Microsoft Explorer
WINKEY + Tab Cycle through open programs on taskbar
WINKEY + F Display the Windows® Search/Find feature
WINKEY +
CTRL + F
Display the search for computers window
WINKEY + F1 Display the Microsoft® Windows® help
WINKEY + R Open the run window
WINKEY +
Pause /Break
Open the system properties window
WINKEY + U Open utility manager
WINKEY + L Lock the computer (Windows XP® & later)
OUTLOOK® SHORTCUT KEYS
Alt + S Send the email
Ctrl + C Copy selected text
Ctrl + X Cut selected text
Ctrl + P Open print dialog box
Ctrl + K Complete name/email typed in address bar
Ctrl + B Bold highlighted selection
Ctrl + I Italicize highlighted selection
Ctrl + U Underline highlighted selection
Ctrl + R Reply to an email
Ctrl + F Forward an email
Ctrl + N Create a new email
Ctrl + Shift + A Create a new appointment to your calendar
Ctrl + Shift + O Open the outbox
Ctrl + Shift + I Open the inbox
Ctrl + Shift + K Add a new task
Ctrl + Shift + C Create a new contact
Ctrl + Shift+ J Create a new journal entry
WORD® SHORTCUT KEYS
Ctrl + A Select all contents of the page
Ctrl + B Bold highlighted selection
Ctrl + C Copy selected text
Ctrl + X Cut selected text
Ctrl + N Open new/blank document
Ctrl + O Open options
Ctrl + P Open the print window
Ctrl + F Open find box
Ctrl + I Italicize highlighted selection
Ctrl + K Insert link
Ctrl + U Underline highlighted selection
Ctrl + V Paste
Ctrl + Y Redo the last action performed
Ctrl + Z Undo last action
Ctrl + G Find and replace options
Ctrl + H Find and replace options
Ctrl + J Justify paragraph alignment
Ctrl + L Align selected text or line to the left
Ctrl + Q Align selected paragraph to the left
Ctrl + E Align selected text or line to the center
Ctrl + R Align selected text or line to the right
Ctrl + M Indent the paragraph
Ctrl + T Hanging indent
Ctrl + D Font options
Ctrl + Shift + F Change the font
Ctrl + Shift + > Increase selected font +1
Ctrl + ] Increase selected font +1
Ctrl + Shift + < Decrease selected font -1
Ctrl + [ Decrease selected font -1
Ctrl + Shift + * View or hide non printing characters
Ctrl + f Move one word to the left
Ctrl + g Move one word to the right
Ctrl + h Move to beginning of the line or paragraph
Ctrl + i Move to the end of the paragraph
Ctrl + Del Delete word to right of cursor
Ctrl + Backspace Delete word to left of cursor
Ctrl + End Move cursor to end of document
Ctrl + Home Move cursor to beginning of document
Ctrl + Space Reset highlighted text to default font
Ctrl + 1 Single-space lines
Ctrl + 2 Double-space lines
Ctrl + 5 1.5-line spacing
Ctrl + Alt + 1 Change text to heading 1
Ctrl + Alt + 2 Change text to heading 2
Ctrl + Alt + 3 Change text to heading 3
F1 Open help
Shift + F3 Change case of selected text
Shift + Insert Paste
F4 Repeat last action performed (Word 2000+)
F7 Spell check selected text and/or document
Shift + F7 Activate the thesaurus
F12 Save as
Ctrl + S Save
Shift + F12 Save
Alt + Shift + D Insert the current date
Alt + Shift + T Insert the current time
Ctrl + W Close document
EXCEL® SHORTCUT KEYS
F2 Edit the selected cell
F5 Go to a specific cell
F7 Spell check selected text and/or document
F11 Create chart
Ctrl + Shift + ; Enter the current time
Ctrl + ; Enter the current date
Alt + Shift + F1 Insert new worksheet
Shift + F3 Open the Excel® formula window
Shift + F5 Bring up search box
Ctrl + A Select all contents of worksheet
Ctrl + B Bold highlighted selection
Ctrl + I Italicize highlighted selection
Ctrl + C Copy selected text
Ctrl + V Paste
Ctrl + D Fill
Ctrl + K Insert link
Ctrl + F Open find and replace options
Ctrl + G Open go-to options
Ctrl + H Open find and replace options
Ctrl + U Underline highlighted selection
Ctrl + Y Underline selected text
Ctrl + 5 Strikethrough highlighted selection
Ctrl + O Open options
Ctrl + N Open new document
Ctrl + P Open print dialog box
Ctrl + S Save
Ctrl + Z Undo last action
Ctrl + F9 Minimize current window
Ctrl + F10 Maximize currently selected window
Ctrl + F6 Switch between open workbooks/windows
Ctrl + Page up
& Page Down
Move between Excel® worksheets in the
same document
Ctrl + Tab Move between two or more open Excel® files
Alt + = Create formula to sum all of above cells
Ctrl + ‘ Insert value of above cell into current cell
Ctrl + Shift + ! Format number in comma format
Ctrl + Shift + $ Format number in currency format
Ctrl + Shift + # Format number in date format
Ctrl + Shift + % Format number in percentage format
Ctrl + Shift + ^ Format number in scientific format
Ctrl + Shift + @ Format number in time format
Ctrl + g Move to next section of text
Ctrl + Space Select entire column
Shift + Space Select entire row
Ctrl + W Close document
a
A
b
B
c
C
d
D
e
E
f
F
g
G
h
H
i
I
j
J
k
K
l
L
m
M
n
N
o
O
p
P
q
Q
r
R
s
S
t
T
u
U
v
V
w
W
x
X
y
Y
z
Z
A
Shift+A
B
Shift+B
C
Shift+C
D
Shift+D
E
Shift+E
F
Shift+F
G
Shift+G
H
Shift+H
I
Shift+I
J
Shift+J
K
Shift+K
L
Shift+L
M
Shift+M
N
Shift+N
O
Shift+O
P
Shift+P
Q
Shift+Q
R
Shift+R
S
Shift+S
T
Shift+T
U
Shift+U
V
Shift+V
W
Shift+W
X
Shift+X
Y
Shift+Y
Z
Shift+Z
1
1
2
2
3
3
4
4
5
5
6
6
7
7
8
8
9
9
0
0
!
Shift+1
@
Shift+2
#
Shift+3
$
Shift+4
%
Shift+5
^
Shift+6
&
Shift+7
*
Shift+8
(
Shift+9
)
Shift+0
,,
..
;;
:
Shift+;
--
//
?
Shift+/
‘‘

Shift+’
¡
Alt+0161
¿
Alt+0191

Alt+0173
+
Shift+=
2
Alt+0215
÷
Alt+0247
==
±
Alt+0177
<
Shift+,
>
Shift+.
[
[
]
]
{
Shift+[
}
Shift+]

Alt+0145

Alt+0146

Alt+0147

Alt+0148

Alt+0139

Alt+0155
«
Alt+0171
»
Alt+0187

Alt+0130

Alt+0132

Alt+0151
~
Shift+`
\\
|
Shift+\
_
Shift+ -

Alt+0133
°
Alt+0176
·
Alt+0183

Alt+0149
ä
Alt+0228
â
Alt+0226
á
Alt+0225
à
Alt+0224
ã
Alt+0227
å
Alt+0229
ë
Alt+0235
ê
Alt+0234
é
Alt+0233
è
Alt+0232
ï
Alt+0239
î
Alt+0238
í
Alt+0237
ì
Alt+0236
ö
Alt+0246
ô
Alt+0244
ó
Alt+0243
ò
Alt+0242
õ
Alt+0245
ü
Alt+0252
û
Alt+0251
ú
Alt+0250
ù
Alt+0249
Ä
Alt+0196
Â
Alt+0194
Á
Alt+0193
À
Alt+0192
Ã
Alt+0195
Å
Alt+0197
Ë
Alt+0203
Ê
Alt+0202
É
Alt+0201
È
Alt+0200
Ï
Alt+0207
Î
Alt+0206
Í
Alt+0205
Ì
Alt+0204
Ö
Alt+0214
Ô
Alt+0212
Ó
Alt+0211
Ò
Alt+0210
Õ
Alt+0213
Ü
Alt+0220
Û
Alt+0219
Ú
Alt+0218
Ù
Alt+0217
ç
Alt+0231
Ç
Alt+0199
ñ
Alt+0241
Ñ
Alt+0209
ø
Alt+0248
Ø
Alt+0216
ß
Alt+0223
æ
Alt+0230
Æ
Alt+0198
oe
Alt+0156
OE
Alt+0140
ÿ
Alt+0255
Ÿ
Alt+0159
ª
Alt+0170
º
Alt+0186
¨
Alt+0168
ˆ
Alt+0136
´
Alt+0180
``
˜
Alt+0152
¯
Alt+0175
¸
Alt+0184
£
Alt+0163
¥
Alt+0165
ƒ
Alt+0131
¢
Alt+0162 Alt+0164
©
Alt+0169
®
Alt+0174

Alt+0153

Alt+0137
μ
Alt+0181
§
Alt+0167

Alt+0134

Alt+0135

Alt+0182

การเปิดใช้งาน Administrator Account ใน Windows 7

การเปิดใช้งาน Administrator Account ใน Windows 7

ปกติใน Windows 7 เราสามารถสร้าง Account ได้ต่างๆได้หลาย Account ในการใช้งาน แต่มีอยู่ Account หนึ่งที่ Windows 7 ตั้งค่าดีฟอลต์ไว้ให้ Disable คือไม่ให้ใช้งาน ได้แก่ Administrator Account ซึ่งเป็น Account ที่มีอำนาจเต็มที่ ในบริหารจัดการระบบทั้งหมด
วันนี้จะมาแนะนำการใช้ Administrator? Account ให้ใช้งานได้ ซึ่งก็จะมาเสนอวิธีให้ 3 วิธี ดังนี้
วิธีที่ 1 Local Users and Groups
1.พิมพ์ lusrmgr.msc ลงในช่อง Search ของ Start Menu แล้วกดคีย์ Enter
2.ที่หน้าต่าง Local Users and Groups คลิกที่ Users ของกรอบหน้าต่างด้านซ้ายมือ
3.จะมีรายชื่อ Account ปรากฎที่หน้าต่างกลางของหน้าต่าง คลิกขวาที่ Administrator เลือกคำสั่ง Set Password? จะมีหน้าต่างย่อยแสดงออกมาให้คลิกปุ่ม Proceed
4.ที่หน้าต่าง Set Password for Administrator ให้คุณใส่ Password 2 ครั้ง แล้วคลิกปุ่ม OK
5.ต่อมาให้คลิกขวาที่ Administrator อีกครั้ง เลือกคำสั่ง Properties หน้าต่าง Administrator Properties จะเปิดขึ้นมา โดยแสดงผลที่แท็บ General ให้คลิกยกเลิกเครื่องหมายถูก ที่หน้ารายการ Account is disabled คลิกปุ่ม OK
6. ปิดหน้าต่าง Local Users and Groups แล้ว Log off ก็จะเห็นว่ามี Administrator Account เพิ่มขึ้นที่ Log on screen
วิธีที่ 2 Local Security Policy
1.พิมพ์ secpol.msc ลงในช่อง Search ของ Start Menu แล้วกดคีย์ Enter
2.ที่หน้าต่าง Local Security Policy ให้คลิกเข้าไปตามคำสั่งย่อยในเฟรมด้านซ้ายมือดังนี้
Local Policies > Security Options
3.ดับเบิลคลิกที่คำสั่ง Accounts: Administrator account status ในหน้าต่างด้านขวามือ
4.ที่หน้าต่าง Accounts: Administrator account status Properties Setting ให้คลิกเลือกเครื่องหมายจุด ที่หน้ารายการ Enabled ของแท็บ Local Security Setting คลิกปุ่ม OK
5.ปิดหน้าต่าง Local Security Policy แล้ว Log off ก็จะเห็นว่ามี Administrator Account เพิ่มขึ้นที่ Log on screen
วิธีที่ 3 คำสั่ง Command Line
1.พิมพ์ cmd ลงในช่อง Search ของ Start Menu แล้วกดคีย์ Ctrl + Shift + Enter เพื่อเปิด Command Prompt ด้วยสิทธิของ Administrator
2 พิมพ์ net user administrator /active:yes ที่ Command Prompt แล้ว Enter
3 ปิดหน้าต่าง Command Prompt แล้ว Log off ก็จะเห็นว่ามี Administrator Account เพิ่มขึ้นที่? Log on screen

Partition หาย พัง เจ๊งโบ้ง Partition Find and Mount,Testdisk ช่วยท่านได้

ลองโหลดไปอ่านๆ ดูครับเผื่อช่วยได้
>>Download<<

Partition หาย พัง เจ๊งโบ้ง Partition Find and Mount,Testdisk ช่วยท่านได้ _ ShadowMan

Partition หาย พัง เจ๊งโบ้ง Partition Find and Mount,Testdisk ช่วยท่านได้ _ ShadowMan
เว็บที่แนะนำสามารถใช้ได้จริง >>Download<<

ปรับแต่ง Windows XP ให้แรงขึ้น

ปรับแต่ง Windows XP ให้แรงขึ้น
เว็บที่แนะนำสามารถใช้ได้จริง  >>Download<<  ไฟล์.Pdf

ที่มา - ครูช่าง

Printer Epson C90 ขึ้น Popup โชว์สถานะการพิมพ์

Printer Epson C90
ขึ้น Popup โชว์ว่าหมึกหมดตลอดเวลา แต่เครื่องพิมพ์ปกติ
แก้ไขที่ Printer >> Properties >> ทดสอบเครื่องพิมพ์ >> Speed & Progress >> ติ๊กแสดงสถานะขณะพิมพ์ออก

Print งานกระดาษ 15x11 ไม่เต็มหน้า

ให้เข้า Printer > Properties > Advanced > คลิก Enable advanced printer ออก

Hp Deskject 6000 ไฟกระพริบทุกสีจากซ้ายไปขวา

ถอดถาดตลับหมึกออกมาทำความสะอาดหรือขัดทองแดงแล้วเสียบกลับไปใหม่

Check Config เครื่อง LQ 2180i

กด Picth ค้างไว้ แล้วเปิดเครื่อง

Check config LQ-300

Check config LQ-300  กด Font ค้างไว้แล้วเปิดเครื่อง

Set ขอบกระดาษ print LQ win 98

เข้า Printer > Properties > Paper > Unprintable Area

เครื่อง Print HP Photo 4400 copy งานแล้วงานย่อ

เครื่อง Print HP Photo 4400 copy งานแล้วงานย่อ
ให้ปรับที่ manu เลือก resize borderless ไม่ให้มีสี

Printer Lq ปริ้นงานช้า

ให้ปรับที่ Advande เป็น 180 x 180 ถ้ายังไม่หาย ให้ปรับที่งานที่จะพิมพ์ด้วย

Firewall ไม่ Start ปริ้นเตอร์แชร์มองไม่เห็น

Windown Firewall เข้าไม่ได้
  เนื่องมาจาก Firewall ใน sevice ไม่ Start เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ปริ้นเตอร์ที่แชร์มองไม่เห็นกัน
      วิธีแก้ ใช้ตัว recovery มา scan

spoolsv error


ฟ้องเวลาปริ้นงาน  ทำให้ปริ้นไม่ได้  แล้วเครื่องก็ค้าง
วิธีแก้ไข

-           เข้าที่ printer  >  properties  > tab Advanced  >  ติ๊กช่อง  Enable Advanced printing ออก 

คลิกขวาส่ง mail ไม่ได้

ให้แก้ไขโดย คลิกขวา IE > Properties > program > เลือก E-mail ให้เป็น Outlook Express

ข้อความใน mail หายเป็นบางส่วน

เลือก Tool > Option > Send > เมนู Mail sendding format คลิก HTML Setting > เลือก Encode text using
ให้เป็น Base 64

Outlook อ่านภาษาไทยไม่ออก

วิธีกำหนดค่าให้ Outlook 2003 ใช้งานกับภาษาไทย

    1.   ต้องตรวจสอบและมั่นใจว่าระบบปฏิบัติการ Windows ที่ใช้อยู่ ได้มีการติดตั้งภาษาไทยอย่างสมบูรณ์ จะสามารถอ่านภาษาไทยได้ทุกโปรแกรม และ สามารถใช้ keyboard ภาษาไทยโดยไม่พบปัญหาใดๆ
    2.   เลือก menu "Tools -> Options --> Mail Format --> International Options" จากนั้นไม่เลือก 'Auto Select encoding for outgoing Messages' และเลือกรายการ 'Prefered encoding for outgoing messages' เป็น 'Thai (Windows)'

วิธีกำหนดค่าให้ Outlook Express ใช้งานกับภาษาไทย

    1.   จาก Menu "Tools -> Options --> Read --> Fonts" เลือกกำหนด "Font Settings" ให้เป็น Thai และเลือก Thai Font ของ Proportional Fonts and Fixed Font ในแบบที่ต้องการ จากนั้นกดปุ่ม "Set as Default" เพื่อให้ Thai เป็นแบบ Encoding ที่บังคับแต่ต้น
    2.   จาก Menu "Tools -> Options --> Read --> Internatinal Settings" เลือกให้เป็น "Use default encoding for all incoming messages" เพื่อใช้ Encoding นี้ทุก Email ที่เข้ามา แต่ถ้าไม่กำหนด Thai ให้เป็น Default Encoding จะต้องไม่กำหนดให้ทุก Email ใช้ Encoding นั้น เพื่อให้ Email สามารถเปลี่ยน Encoding เองได้ตามที่ส่งมา
    3.   จาก Menu "Tools -> Options --> Send --> Internatinal Settings" ให้กำหนด "Default Encoding" เป็น Thai และเข้าไปกำหนดใน "Mail Sending Format" ข้อ "HTML Settings" และข้อ "Plain Text Settings" ให้ Encoding Text โดย "None" และ สามารถใช้อักษร 8-bit ที่ headers

MSN Login เข้าไม่ได้

MSN Login เข้าไม่ได้ Error Code : 8000401a
วิธีแก้ไข : ไปที่ Start Run > regedit > ดับเบิ้ลคลิก HKEY_CLASSES_ROOT > AppID แล้วหา Folder 380689D0-AFAA-47E6-B80E-A33436FE314B
                  จากนั้นก็ลบมันทิ้งเลย ระบบจะปรับการตั้งค่าทำงานใหม่ จากนั้นคุณปิดหน้าต่างนี้ และเข้าสู่ระบบ MSN อีกครั้ง

รวม Error Code ที่น่ารู้

รวม Error Code ที่น่ารู้
# Error Code 0x0000000A
สำหรับรหัสความผิดพลาดตัวแรกนี้ โดยปกติแล้วจะเกิดจากไดรเวอร์บางตัวที่เข้าไปใช้ตำแหน่งแอดเดรสของหน่วยความ จำไม่ถูกต้อง รวมทั้งการไม่สนับสนุนกันระหว่างอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และตัวซอฟต์แวร์ไดรเวอร์ ด้วย หากความผิดพลาดนี้ถูกแจ้งขึ้นมาระหว่างการติดตั้งวินโดวส์นั้น ให้เข้าไปปิดฟีเจอร์ Plug & Play  All Shadowing  Bios virus protection และ All Caching ในไบออส ถ้าอุปกรณ์บางชิ้นของคุณเก่าเกินไป แนะนำให้เข้าไปที่เว็บ http://www.microsoft.com/hclเพื่อตรวจสอบรายชื่อของฮาร์ดแวร์ที่ผ่านการ รับรองจากไมโครซอฟท์ด้วย แต่ถ้าความผิดพลาดนี้เกิดขึ้นหลังจากใช้งานวินโดวส์ให้คุณปิดโปรแกรม Antivirus แล้วเลือกบูตด้วยแผ่นติดตั้งวินโดวส์ เพื่อซ่อมแซมไฟล์ด้วยตัวเลือก “R” และย่าลืมใช้ฟีเจอร์ Roll back driver ระหว่างขั้นตอนนี้ด้วย

# Error Code 0x000000EA
ความผิด พลาดนี้มักเกิดขึ้นตอนที่คุณเล่นเกมหรือ ใช้โปรแกรมดูหนังติดต่อกันเป็นเวลานานๆ โดยเฉพาะผู้ใช้การ์ดแสดงผลของ nVIDIA และติด ตั้งไดรเวอร์ Nv4.sys ลงไป จะเกิดปัญหานี้ขึ้น สิ่งที่คุณต้องทำก็คือ ไปที่ Device Manager และดูว่าภายใต้หัวข้อ Display adapters มีรายชื่ออุปกรณ์มากกว่าหนึ่งตัวหรือไม่ถ้ามีให้ลบตัวที่ไม่ได้ใช้ออกไป และให้เข้าไปดาวน์โหลดไดรเวอร์ของชิปดังกล่าวจากเว็บไซต์ nVidia มาติดตั้งใหม่อีกครั้ง

# Error Code 0x0000001E
รหัสความ ผิดพลาดนี้จะขึ้นมาระหว่างการติดตั้งวินโดวส์ หากคุณเผลอไปรีสตาร์ตเครื่องตอนที่โปรแกรมติดตั้งกำลังทำงานอยู่ละก็ อาจเกิดความผิดพลาดนี้ได้ ส่วนใหญ่จะมีปัญหากับเครื่องที่มีฮาร์ดดิสก์ไม่พอเพราะไม่สามารถเขียนไฟล์ แบ็กอัพหลังเกิดความผิดพลาดเกินไปได้ วิธีแก้ปัญหาให้ติดตั้งวินโดวส์ลงไปใหม่ในดิสก์ที่มีเนื้อหาที่ว่างพอ อัพเดตไบออสด้วยหากเมนบอร์ดของคุณใช้ไบออสที่มีเวอร์ชั่นเก่าเกินไป

# Error Code 0x000000ED
ปัญหา นี้เกิดขึ้นได้บ่อยกับ IDE ดิสก์ที่มีระบบไฟล์แบบ NTFS แล้วอนุญาตให้ทำดิสก์แคชบนฮาร์ดิสก์ได้ โดยรูทีนที่ใช้ทำ Caching บนดิสก์ เกิดความผิดพลาดในการเขียนข้อมูลที่นอกเหนือลงไปบนพื้นที่สงวนดังกล่าว การแก้ปัญหาเบื้องต้นอาจใช้คำสั่ง chkdsk /rจากหน้าต่าง Recovery console ( บูตจากซีดีแล้วเลือกคำสั่ง “R” เพื่อเปิดหน้าต่าง Recovery) และถ้าหากคุณใช้ Service Pack เวอร์ชันเก่า แนะนำให้อัพเดตเป็นตัวใหม่ทันที

# Error Code 0x000000D1
หาก คุณกำลังสั่งชัตดาวน์เครื่องขณะที่มีอุปกรณ์ USB เชื่อมต่อหรือกำลังทำงานอยู่ อาจเกิดข้อความแสดงความผิดพลาดแบบนี้ขึ้นมา เพราะ OHCI ( Open Host Control Interface) ที่ควบคุมการโอนถ่ายข้อมูลของอุปกรณ์ USB ทำงานผิดพลาด ซึ่งถ้าเครื่องของคุณติดตั้ง Service Pack 2 ของวินโดวส์ เอ็กซ์พี ให้ข้ามข้อนี้ไปได้เลยแต่สำหรับผู้ที่ยังใช้ Service Pack 1 และต้องการแก้ไขเฉพาะส่วนนี้เท่านั้น ให้ดาวน์โหลดไฟล์อัพเดตของ usbohci.sys ได้จากเว็บไซต์ http://support.microsoft.com/kb/322389/EN-US

# Error code 0xc000026C/ 0xc0000221
เมื่อ คุณรีสตาร์ตเครื่องใหม่ และพบข้อความ “ Unable to load device driver” พึงเข้าใจไว้เลยว่ามาจาก Error code ทั้งสองตัวนี้ สาเหตุนั้นมาจากไฟล์ device driver (.sys) ของอุปกรณ์ได้รับความเสียหายหรือไม่พบไฟล์เหล่านี้ วิธีแก้ไขให้บูตเครื่องจากแผ่นแล้วให้ซ่อมแซมไฟล์ (‘R’) พิมพ์ cd windowssystem32drivers ที่หน้าต่าง Recvery และให้แก้ไขชื่อไฟล์ไดรเวอร์ที่ได้รับความเสียหายโดยพิมพ์ ren drivername.sys drivername.bak (drivername คือชื่อไฟล์ไดรเวอร์ที่ได้รับความเสียหาย) จากนั้นก๊อบปี้ไฟล์ไดรเวอร์จากแผ่นซีดีติดตั้งตั้งลงไปโดยพิมพ์ copy cd-rom:i386 drivername (cd-rom: คือไดรเวอร์ที่ติดตั้งซีดีรอม)

# Error Code C00D1199
เป็น รายงานความผิดพลาดจากโปรแกรม Windows media player ซึ่งแสดงว่ามีปัญหาเกิดขึ้นกับไฟล์ออดิโอหรือไฟล์มีเดียโดยไฟล์มีเดียดัง กล่าวอาจไม่ได้รับการสนับสนุนจากโปรแกรมรวมทั้งตัว Codec ที่ใช้คลายสัญญาณบีบอัดของ Windows Media Player ก็อาจไม่รองรับกับอัลกอริทึมที่ใช้ในการบีบอัดไฟล์เหล่านั้นได้ ทางแก้ที่ง่ายทีสุดคือ ติดตั้ง plug in เพิ่มลงไป หรืออัพเกรดเป็นเวอร์ชันล่าสุดก็ได้เช่นกัน

# Error Code -182
รหัส ความผิดพลาด –182 (“timeout”) นี้จะเกิดขึ้นกับคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อเข้ากับระบบเครือข่าย ซึ่งไม่มีสัญญาณตอบรับหรือขาดการเชื่อมต่อไปเรียบร้อยแล้ว คุณจะพบรายงานความผิดพลาดนี้ได้จากการเข้าเว็บไซต์ที่ไม่สามารถเชื่อมต่อได้ ในเวลาที่ระบบกำหนดไว้ หรือโปรแกรมพวก ftp ที่คุณใช้โอนถ่ายข้อมูลก็เช่นเดียวกัน ปัญหานี้มาจากระบบเซิร์ฟเวอร์ที่ให้บริการมีการจราจรค่อนข้างหนาแน่น จนไม่สามารถตอบสนองได้ทันท่วงทีนั่นเอง

# Error Code 0x0000007B
ปัญหา นี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้าคุณไม่ย้ายฮาร์ดดิสก์ที่ติดตั้งวินโดวส์ไปใช้กับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ เพราะเมื่อเปิดเครื่องปุ๊บ สักพักก็จะปรากฏรหัสความผิดพลาดแบบนี้ขึ้นมา สาเหตุที่เราไม่สามารถถอดฮาร์ดดิสก์ที่ติดตั้งวินโดวส์จากเครื่องหนึ่ง ไปใช้กับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ได้ ก็เพราะเป็นข้อกำหนดของวินโดวส์ เอ็กซ์พี ที่จะไม่ตรวจสอบอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ใหม่ทั้งระบบ วินโดวส์ต้องการไดรเวอร์ของเมนบอร์ด ชิปเซต และข้อมูลโปรไฟล์สำคัญของอุปกรณ์ pug & play ที่แต่ละเครื่องจะแตกต่างกันไปตามผู้ผลิตอุปกรณ์เหล่านั้น ถ้าคุณต้องการใช้วินโดวส์จริงๆ ก็ควรเตรียมฮาร์ดแวร์ให้เหมือนของเดิมทุกประการ เท่านี้ก็ใช้ได้แล้วครับ

# Error Code 0x0000009F
ถ้า คุณพบรายงานแจ้งเกี่ยวกับ “ driver Power State Failure” นั่นก็หมายความว่า ส่วนจัดการเปลี่ยนโหมดการใช้พลังงานของพีซีและโน้ตบุ๊กได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะมักเกิดขึ้นกับไดรเวอร์ของอุปกรณ์ที่ไม่ผ่านการรับรองจากไมโครซอฟท์ วิธีตรวจสอบให้ใช้คำสั่ง sigverif จาก Start->Run เพื่อเปิดยูทิลิตี้ File Signature Verification ขึ้นมาตรวจสอบไดรเวอร์ของอุปกรณ์ หลังจากนั้นให้อัพเดตโปรแกรมตรวจจับไวรัสและสั่งสแกนเพื่อค้นหาไฟล์ไดรเวอร์ แปลกปลอมที่อาจถูกสร้างขึ้นมาจากไวรัสได้

# Error Code 0x00000050
ความ ผิดพลาดนี้เกิดขึ้นจากมีการอ้างตำแหน่งพื้นที่ของหน่วยความจำที่ผิด ซึ่งเกิดขึ้นจากอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ โดยพื้นที่ดังกล่าวเป็นส่วนที่นอกเหนือจากการใช้งานปกติ ทำให้ระบบแจ้งความผิดพลาดขึ้นมา วิธีแก้ไขที่ง่ายที่สุด ให้ถอดอุปกรณ์ล่าสุดที่คุณเพิ่งติดตั้งลงไปแล้วเกิดปัญหาขึ้นมา จากนั้นเสียบลงไปใหม่และลงไดรเวอร์แล้วสั่งรัน Diagnostic เพื่อตรวจสอบอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์อีกครั้ง หากในรายการอุปกรณ์จาก Device Manager ขึ้นสถานะ Disable แล้วละก็ ให้ติดต่อกับทางผู้ผลิต

# Error Code 0x000000A0
เมื่อ คุณสั่งวินโดวส์ เอ็กซ์พีเข้าสู่โหมดจำศีล (hibernate) เพื่อประหยัดพลังงาน แต่ปรากกว่ามีหน้าจอ บลูสกรีนแสดงขึ้นมาพร้อมรหัสแสดงความผิดพลาด นั่นก็หมายความว่า ไดรเวอร์ของ Atapi ไม่สามารถจัดการกับฮาร์ดดิสก์ที่อยู่ในสภาวะ time-out ได้ในระหว่างขั้นตอน hibernation ปัญหานี้ยังคงเกิดขึ้นกับเครื่องที่ติดตั้งวินโดวส์ เอ็กซ์พี SP1 แต่ถ้าคุณอัพเดตเป็น SP2 แล้วละก็ อาการที่ว่านี้จะได้รับการแก้ไขเรียบร้อย

# Error Code 0x8ddd0010
เป็น รหัสแสดงความผิดพลาดของ “windows update error” ในระหว่างที่คุณคลิ้กลิงก์ในเว็บไซต์เพื่อจะอัพเดตไฟล์ ปรากฏว่าวินโดวส์ เอ็กซ์พี ( SP2) แจ้งความผิดพลาดที่เกี่ยวกับ “http error 500”  “Internal server error” และ error code ดังกล่าวขึ้นมา พร้อมทั้ง IE ขึ้นแถบสีเหลืองแสดงอาการบล็อก Pop-up วิธีแก้ไขคือ เปิด IE ขึ้นมา ไปที่เมนู Tools กดที่ตัว Pop-up Blocker และเลือกที่ Pop-up Settings จากนั้นพิมพ์ http://v5.windowsupdate.microsoft.com ลงไปในช่องอนุญาตเว็บไซต์ที่จะไม่ถูกบล็อก Pop-up คลิ้ก Add เพื่อเพิ่มรายการลงไป และกดปิดหน้าต่างก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

# Error Code 0x8ddd0018
ความ ผิดพลาดนี้อาจเกิดขึ้นเพราะ BITS ( Background Intelligent Transfer Service) ถูกยกเลิกการทำงาน ซึ่งจะแสดงขึ้นมาตอนที่โปรแกรมติดตั้ง XP SP2 กำลังรัน แต่ถูกยกเลิกกลางคันด้วย error code ที่ว่านี้ วิธีแก้ไขคือ ให้รัน services.msc หน้าต่าง Run คลิ้กขวาที่รายการ Automatic update แล้วเลือก Properties ที่ช่องของ Startup ให้เลือกเป็น Automatic และกด Apply สังเกตที่ช่อง Status หากเป็น Stopped ให้คลิ้กเลือกเป็น Start ได้จากเมนู Action และทำเช่นเดียวกันนี้กับรายการของ Background Intelligent Transfer Service เพียงแต่ที่ช่อง Startup ให้เลือกเป็น Manual แทน

# Error Code 0x800a0046
เป็นหนึ่งในความผิด พลาดที่เกิดขึ้นกับ “Windows update” ส่วนสาเหตุนั้นมีหลายอย่าง แต่ขอยกเรื่องของ ‘User Account’ มาเป็นตัวอย่าง หากยูสเซอร์ ล็อกออนเข้าระบบผ่าน Guest หรือผ่านแอ็กเคานต์ที่จำกัดผู้ใช้งานแล้วสั่งอัพเดตวินโดวส์ก็จะพบกับปัญหา ที่ว่านี้ วิธีแก้ control admintools ในหน้าต่าง Run เลือกที่รายการ Computer Management ขยายโฟลเดอร์
LocalUsers and Groups แล้วเลือกที่ Users จากนั้นเปิดแอ็กเคานต์ที่ใช้เข้าสู่ Windows update ที่แท็บ Member Of ให้ลบรายชื่อแอ็กเคานต์ที่ไม่ได้ใช้ออกไป




# Error Code 0x800a138f
สำหรับ รหัสความผิดพลาดนี้ มาจากการกระทำของไวรัสที่ชื่อ MSBLast ได้เข้าไปแก้ไขข้อมูลบางอย่างในเว็บไซต์อัพเดตหลัก ทำให้บราวเซอร์ IE ของเราใช้การดาวน์โหลดไฟล์ผ่าน SSL (HTTPS) แทนที่จะเป็น Active X จนเกิดความผิดพลาดขึ้นมา วิธีแก้ ให้ลบไฟล์ Temp ของอินเตอร์เน็ต และ Clear History จากหน้าต่าง Internet Options ของ IE

# Error Code 0x800b0004
รหัส ความผิดพลาดนี้เกิดขึ้นเมื่อการอัพเดตไฟล์วินโดวส์ไม่สำเร็จ คือมีการดาวน์โหลดมาแล้วแต่ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ การแก้ปัญหานั้น ให้เข้าไปที่เว็บไซต์อัพเดตของไมโครซอฟต์ แล้วกดยอมรับ Microsoft Trust Certificate ที่แสดงขึ้นมา ปรับค่า Internet Security ให้เป็น Medium จากหน้าต่าง Internet Option รวมทั้งลบไฟล์ Temp ของอินเตอร์เน็ตด้วย หากยังแก้ปัญหาไม่ได้ ให้ติดตั้งไฟล์รีจิสทรีที่เป็นของ Digital Signatures (.dll) ทับลงไปอีกครั้ง โดยเปิดหน้าต่าง Command จาก Run แล้วพิมพ์คำสั่งดังนี้
Net start cryptsvc (กด Enter)
Regsvr32 softpub.dll
regsvr32 wintrust.dll (กด Enter)
regsvr32 initpki.dll (กด Enter)
regsvr32 dssenh.dll (กด Enter)
regsvr32 rsaenh.dll (กด Enter)
regsvr32 gpkcsp.dll (กด Enter)
regsvr32 sccbase.dll (กด Enter)
regsvr32 slbcsp.dll (กด Enter)
regsvr32 cryptdlg.dll (กด Enter)
จากนั้นให้รีบูตเครื่องใหม่ แล้วลองเข้าเว็บอัพเดตวินโดวส์อีกครั้งโดยสั่งให้ระบบ Automatic Update ทำงาน


# Error Code 0x80072ee2
ปัญหา นี้เกิดจาก Host file ในเครื่องคุณไม่สามารถแม็ปเข้ากับ IP แอดเดรสของเว็บไซต์ได้ ซึ่งเป็นการทำงานของ DNS ที่ต้องใช้ Host file ดังกล่าว หาที่อยู่ของเว็บไซต์จริงๆ ให้กับเว็บบราวเซอร์ของคุณ ให้ใช้ Notepad เปิด Host file ขึ้นมา โดยไฟล์นี้อยู่ที่พาธ C:WindowsSystem32Driversetc เลือกเปิดแบบ All file จากนั้นให้ลบบรรทัดที่มีรายการเกี่ยวกับ Windows Update ปรากฏอยู่ เช่น http://v4.windowsupdate.microsoft.com ให้เซฟไฟล์ทับลงไป และรีบูตเครื่องใหม่


# Error Code 126
เป็นรหัสความผิด พลาดที่มาจาก “Cryptographic Service” ซึ่งเป็นหนึ่งในบริการบนวินโดวส์ เอ็กซ์พี ที่จะดูแลความถูกต้องของฐานข้อมูล ไฟล์ต่างๆ รวมทั้งโฟลเดอร์ทั้งหมดที่อยู่ใน C:WINDOWSsystem32CatRoot2 ออกให้หมด เปิดหน้าต่าง Command ขึ้นมา เพื่อใช้งานยูทิลิตี้ sfc /scannow เพื่อสแกนตรวจสอบไฟล์สำคัญอย่าง cryptui.dll และ certcli.dll หากมีความผิดพลาดโปรแกรมจะให้ใส่แผ่นเซตอัพวินโดวส์ เพื่อก๊อบปี้ไฟล์ทั้งสองลงใหม่

# Error Code 643
เป็น หนึ่งในความผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้ระหว่างการอัพเดตวินโดวส์ถ้าพบ Error 643 แสดงขึ้นมา ให้แก้ไขได้โดย เปิดหน้าต่าง Command และพิมพ์คำสั่งดังนี้
del/q “%SystemRoot%”System32Catroot2Edb.log
ซึ่ง เป็นการลบดาต้าเบสไฟล์ของตัวอัพเดตทิ้ง โดยวินโดวส์จะสร้างขึ้นมาใหม่อีกครั้งเมื่อมีการทำงานของ Automatic Update เชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์



# Error Code 0x80072f8f
เป็นความผิด พลาดที่เกิดขึ้นจากการตั้งค่าตัวเลือก Date/Time ของ SSl ( Secure Socket Layer) ซึ่งแอพพลิเคชันบางตัวอ้างอิงวันและเวลาจาก SSL ในการทำงาน การแก้ไขนั้นให้ดับเบิ้ลคลิกที่นาฬิกา เพื่อเปิดหน้าต่าง Properties ขึ้นมาที่แท็บ Time Zone ให้เลือกโซนของเวลาให้ถูกต้อง

# Error Code 0x8007007e
ปัญหา นี้มักเกี่ยวข้องกับบั๊กที่อยู่ใน Micrsoft Parser (MSXML) ซึ่งแอพพลิเคชั่นส่วนใหญ่ใช้บริการ MSXML ด้วยแต่อาจมีบางโปรแกรมที่ได้ถูกรีจีสอย่างถูกต้อง ทำให้เกิดปัญหาขึ้นมาเวลาอัพเดตไฟล์แต่ละครั้ง วิธีแก้นั้น ให้เปิดหน้าต่าง Command ขึ้นมาและพิมพ์คำสั่ง regsvr32 msxml3.dll

# Error Code 0x80090006
ถ้า error นี้เกิดขึ้นระหว่างที่มีการโคลนนิ่งบูตพาร์ทิชั่นจากฮาร์ดดิสก์ลูกหนึ่ง นั่นก็แสดงว่า วินโดวส์ เอ็กซ์พี ได้ตรวจพบฮาร์ดแวร์ของทั้งสองเครื่องไม่ตรงกัน ถึงแม้คุณจะมีอุปกรณ์ภายในยี่ห้อเดียวกันหมดก็ตาม แต่วินโดวส์จะกำหนด ID ให้กับฮาร์ดแวร์ในระบบทุกชิ้น ซึ่งก็อาจจะใช้ข้อมูล Serial number ของอุปกรณ์มาร่วมด้วย ทำให้การย้ายวินโดวส์ไปใช้เครื่องอื่นมีข้อผิดพลาดขึ้น สิ่งที่คุณต้องทำคือใช้ออปชัน Repair เข้ามาช่วยในการตรวจสอบอุปกรณ์และไดรเวอร์ใหม่อีกครั้งแต่ทางที่ดีควรลงใหม่ เลยดีกว่า

# Error Code 0x8024402c
มีการซ้อนทับค่าบางตัว ของ Proxy Setting ที่ใช้สำหรับตั้งค่าการทำงานให้กับการเชื่อมต่อเน็ตเวิร์ก ทำให้เกิดข้อผิดพลาดนี้ขึ้นระหว่างการอัพเดตไฟล์ สำหรับการแก้ไขนั้น ให้เข้าไปลบอักษรทั้งหมดที่ปารกฏอยู่ในช่อง Exceptions section โดยจากหน้าต่าง Internet Options ให้เลือกที่แท็บ Connections->Lan Setting->Advanced เพื่อเปิดหน้าต่าง Command ขึ้นมา และพิมพ์ proxycfg –d แล้วตามด้วย Enter พิมพ์คำสั่ง net wuauserv กด Enter อีกครั้ง และพิมพ์ net start wuauserv ตามด้วย Enter เป็นครั้งสุดท้าย

# Error Code 0x8024502d
สิ่ง ที่สร้างปัญหาในการอัพเดตวินโดวส์อย่างหนึ่งนั้น มาจากโปรแกรม Proxy และ Firewall ซึ่งหากคุณตั้งค่าการทำงานไม่รอบคอบละก็ คอมพิวเตอร์ของคุณอาจเข้าสู่บางเว็บไซต์ไม่ได้เลย รวมทั้งการอัพเดตไฟล์ของวินโดวส์เช่นกัน

# Error Code 0x80070002
เป็น ความผิดพลาดของข้อมูลที่อยู่ในโฟลเดอร์ DataStore ซึ่งไม่ตรงกับไฟล์อัพเดตที่ดาวน์โหลดมา วิธีแก้ไขให้รันโปรแกรม service.msc จากหน้าต่าง Run แล้วไปที่รายการ Automatic Updates service คลิ้กขวาแล้วเลือก Stop เพื่อหยุดการทำงานชั่วคราว จากนั้นให้พิมพ์ %windir%SoftwareDistribution ที่หน้าต่าง Run เพื่อเข้าถึงโฟลเดอร์ DataStore ที่เก็บอยู่ในนี้ ให้เปิดโฟลเดอร์ขึ้นมาและลบข้อมูลทั้งหมดทิ้ง และอย่าลืมกลับไปเปลี่ยนสถานะของ Automatic Update service ให้เป็น Start เหมือนเดิมด้วย

# Error Code 0x800A138F
หากหน้าจอแสดงความ ผิดพลาดด้วยรหัสแบบนี้ขึ้นมา เมื่อกำลังใช้งานโปรแกรม Netop อยู่นั้น ให้ลองเข้าไปเปิดไฟล์ Update.log ก็จะพบว่ารหัสที่แสดงขึ้นมาเป็น 00x80070057 แทน แต่อย่างไรก็ตาม มันคือความผิดพลาดอย่างเดียวกัน ส่วนวิธีแก้นั้นมีเพียงอย่างเดียวที่ทำได้คือ เข้าไปดาวน์โหลดไฟล์แก้ไขของโปรแกรม Netop ได้จากเว็บไซต์ http://www.netop.com/tech/download/fix/fixwinup.exe




# Error Code 0x80070422
วินโดวส์ ใช้บริการผ่าน Background Intelligent Transfer Service (BITS) ในการรับส่งข้อมูลผ่านแบนด์วิดธ์ของเน็ตเวิร์กที่ไม่ได้ใช้งาน ซึ่งรหัสความผิดพลาดนี้ก็มาจาก BITS ถูกยกเลิกการทำงานและเกิดขัดข้อง ให้เข้าไปเปลี่ยนค่า Start ของ BITS ที่อยู่ใน Properties ให้เป็น Manual แทนค่าเดิม แต่ก่อนหน้านั้นคุณต้องเปิดโปรแกรม services.msc จากหน้าต่าง Run เสียก่อน

# Error Code 0x80240030
เป็นข้อผิดพลาดที่ เกิดขึ้นเพราะความพยายามของคุณในการอัพเดตวินโดวส์ผ่าน VPN ซึ่งระบบ Automatic update ของวินโดวส์ รวมทั้งเว็บไซต์ที่ให้บริการไม่สนับสนุนฟังก์ชัน VPN นี้ ซึ่งทำงานของ Auto proxy เองไม่ได้จับเอาไฟล์ wpad.dat มาใช้กำหนด URL ที่เป็นเป้าหมายด้วยเช่นกัน ดังนั้น ไม่ต้องอัพเดตผ่าน Proxy และพยายาม เชื่อมต่อกับเว็บไซต์อัพเดตในขณะที่เครื่องไม่มีการทำงานผ่าน VPN

# Error Code 0x80248011
ปัญหา นี้มาจากอินเทอร์เน็ตแคชเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งอาจมีข้อมูลไม่สมบูรณ์ถูกฝังไว้และยังคงทำงานอยู่ รวมทั้งมีไวรัสต่างๆ ติดอยู่กับไฟล์แคชเหล่านี้ด้วย ให้คุณลบไฟล์ Temp Internet  Cookies  Clear History และรวมทั้งDelete all offline content ด้วยเพื่อลบสิ่งแปลกปลอมรวมทั้งข้อมูลที่ผิดพลาดออกไปให้หมด

# Error Code 800c0008
Windows media player มีปัญหาขัดข้อง ทำให้ไม่สามารถพรีวิวไฟล์ .wmv ผ่านHotmail ได้ จึงรายงานความผิดพลาดขึ้นมา แนะนำให้คุณใช้วิธีการ Save Target As ของไฟล์ .wmv เอาไว้ในฮาร์ดดิสก์ก่อน เพราะบางครั้งเซิร์ฟเวอร์ของ Hotmail อาจมีปัญหาจึงไม่สามารถพรีวิวไฟล์เหล่านี้ได้


# Error Code 80040154
หาก คุณกำลังเปิดไฟล์ AVI  MPEG/MPG WMV และไฟล์เดียอื่นๆ แล้วปรากฏว่ามีรายงานความผิดพลาดแบบนี้ขึ้นมา นั่นก็หมายความว่า Codec (Coder/Decoder) ของโปรแกรมเล่นไฟล์มีเดียได้รับความเสียหาย โดยคุณสามารถดาวน์โหลดไฟล์ Codec ในฟอร์แมตต่างๆได้จากเว็บไซต์ของผู้พัฒนาโปรแกรมนั้นๆ มาติดตั้งลงไปใหม่ได้ซึ่งในระหว่างที่คุณกำลังสำเนาเพลงจากแผ่นซีดีมาเก็บ ไว้ในฮาร์ดดิสก์ด้วยโปรแกรม Windows Media Player นั้น ปรากฏว่ามีโค้ดความผิดพลาด “c00d11cd” แสดงขึ้นมา สาเหตุก็เพราะว่าโปรแกรม Windows Media Player ไม่สามารถเขียนข้อมูลที่มาจากแผ่นซีดีลงในฮาร์ดดิสก์ได้นั่นเอง โดยความผิดพลาดส่วนใหญ่จะมาจากไฟล์ encoding ที่ชื่อว่า “wmadmoe.dll” ซึ่งเป็นไฟล์ของวินโดวส์ไม่ตอบสนองการทำงานในระหว่างการสำเนาซีดี วิธีแก้ไขคือ ต้องติดตั้งไฟล์รีจิสทรีนี้ลงไปใหม่ เข้าไปที่เมนู Start -> Run พิมพ์ regsvr32 wmadmoe.dll แล้วกด Ok เพื่อรันคำสั่ง แต่ถ้าใช้วิธีนี้แล้วไฟล์ยังคง error เหมือนเดิม ให้เข้าไปที่เมนู Start -> Run พิมพ์ sfc/scannow เพื่อสแกนซ่อมแซมไฟล์ระบบที่เสียหายทุกๆ ไฟล์ หลังจากสแกนเสร็จแล้วให้ลองสำเนาซีดีอีกครั้ง

# Error Code 8004022f
รหัส ความผิดพลาดนี้มาพร้อมกับข้อความ “Invalid File Format” โดยโปรแกรม Windows media player เป็นผู้แจ้งขึ้นมา สาเหตุจากโปรแกรมไม่สนับสนุนไฟล์มีเดียดังกล่าว รวมทั้งตัว Codec ของโปรแกรมพยายามที่จะทำงานกับไฟล์เหล่านั้นด้วย วิธีแก้ปัญหา หากเป็นไฟล์มีเดียที่โปรแกรมไม่รู้จัก ให้ติดตั้ง Plug-jn หรือ Codec ลงไปคุณอาจต้องติดตั้ง DirectX และ Windows media player ลงไปใหม่อีกครั้ง เพื่อช่วยแก้ปัญหาไฟล์ระบบและโปรแกรมที่ได้รับความเสียหาย




# Error Code 0x00000024
ข้อ ผิดพลาดนี้เกิดขึ้นเพราะไฟล์ Ntfs.sys ได้รับความเสียหาย ทำให้ระบบอนุญาตให้ดิสก์ที่ฟอร์แมตด้วย FAT16 และ FAT32 สามารถอ่านและเขียนข้อมูลลงไปในดิสก์ที่ฟอร์แมตด้วย NTFS ได้ วิธีแก้ให้เปิดหน้าต่าง Command ขึ้นมาและพิมพ์ตำสั่ง chkdsk drive:/f แนะนำให้สแกนดิสก์โดยเลือก Scan for and attempt recovery of bad sector หลังจากที่ใช้คำสั่งนี้ด้วย

# Error Code 0x10ff0800
ระหว่าง ที่ใช้พรินเตอร์ สแกนเนอร์อยู่นั้น หากเกิดข้อผิดพลาดในการทางานกับพอร์ตขนานในโหมด ECP ซึ่งตอนนี้พรินเตอร์ สแกนเนอร์ ที่เชื่อมต่อกับพีซีผ่านพอร์ตขนานจะทำงานในโหมด EPP เท่านั้น ให้เข้าไปเลือกในไบออสตรง Parallel port setting จากโหมด ECP ไปเป็น EPP แนะนำถ้าพรินเตอร์มีพอร์ต USB ให้เชื่อมต่อกับพีซีผ่าน USB จะสะดวกที่สุด และไม่เกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นอีกด้วย

# Error Code 0x0000003F
ใน ระหว่างที่มีการจัดการกับไฟล์ขนาดใหญ่ แต่ระบบกลับพบว่ามีพื้นที่ไม่ต่อเนื่องจำนวนมากกระจัดกระจายอยู่บนดิสก์ ทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้นมา วิธีแก้ เปิดโปรแกรม regedit จากหน้าต่าง Run เข้าไปที่ HKEY_LOCAK_MACHINESYSTEMCurrentControlSetControlSession ManagerMemory Management ดับเบิลคลิ้กที่ PagePoolSize และใส่ค่าเป็น ‘0’ ดับเบิลคลิ้กที่ SystemPages ให้ใส่ค่า 40000 ลงไปสำหรับระบบที่มีแรม 128MB และค่า 110000สำหรับระบบที่มีแรมอยู่ระหว่าง 128-256MB



# Error Code 0x00000077
เป็น ความผิดพลาดที่ระบบไม่สามารถอ่านข้อมูลจาก Virtual memory มาไว้ที่หน่วยความจำหน่วยความจำหลักได้ ซึ่งอาจเกิดจากฮาร์ดดิสก์มี Bad sector หรือมีไวรัสฝังตัวอยู่ สำหรับวิธีแก้นั้น ให้รันโปรแกรมตรวจจับไวรัสที่ตำแหน่ง boot sector ด้วย และหากฮาร์ดดิสก์ของคุณฟอร์แมตด้วยระบบไฟล์แบบ NTFS ให้รัน chkdsk /r/k ที่ดอส Command เพื่อตรวจสอบความผิดพลาดด้วย

# Error Code 0x00000079
เมื่อ เฟิร์มแวร์ของACPI ถูกแก้ไขค่าภายใน ผลที่ตามมาคือรหัสความผิดพลาดที่แสดงอยู่นี้ และอีกสาเหตุหนึ่งก็คือ มีการก๊อบปี้ไฟล์ระบบผิดพลาดระหว่างขั้นตอนการ Repair วินโดวส์ด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นการสลับกันระหว่างไฟล์ Ntoskrnl.exe กับ Ntkrnlmp.exe โดยไฟล์อันแรกจะใช้ในระบบที่เป็นโพรเซสเซอร์เดี่ยว และไฟล์หลังใช้กับระบบที่เป็นมัลติโพรเซสเซอร์ วิธีแก้ไขอาจใช้การก๊อบปี้ไฟล์ที่ถูกต้องจากแผ่นซีดีติดตั้งวางลงไปใน โฟลเดอร์ของวินโดวส์ได้เช่นกัน

# Error Code 0x0000007A
บ่อย ครั้งที่ปัญหานี้มักเกิดขึ้นจากพารามิเตอร์ I/O Status code ซึ่งบ่งบอกถึงการทำงานร่วมกันระหว่างดิสก์และคอนโทรลเลอร์ไม่คอมแพตทิเบิล กัน รวมทั้งเฟิร์มแวร์ และไดรเวอร์ของอุปกรณ์ด้วย การแก้ปัญหานั้นคุณสามารถติดตั้งไดรเวอร์ คอนโทรลเลอร์ที่ไม่ใช่ของวินโดวส์ได้เช่นกัน ให้บูตด้วยแผ่นซีดีติดตั้ง เมื่อถึงหน้าจอพรอมพ์ ให้กดปุ่ม F6 เพื่อเป็นการเลือกไดรเวอร์ คอนโทรลเลอร์ของฮาร์ดดิสก์ ( ATA/SCSI) ที่ต้องการได้เอง

# Error Code 0x0000002E
สาเหตุ ของความผิดพลาดนี้มาจาก “Data bus error” นั่นเอง ซึ่งหน่วยความจำหลักไม่สามารถแมปแอดเดรสของ L2 แคช วิดีโอเมมโมรี รวมทั้งหน่วยความจำของบอร์ดเข้าด้วยกันได้ (ความผิดพลาดของหน่วยความจำ) ทำให้เมื่อมีอุปกรณ์ต้องการอ้างถึงแอดเดรสเหล่านี้จึงไม่สามารถทำได้ วิธีแก้ให้ใช้โปรแกรมประเภท Diagnostic ตรวจสอบหน่วยความจำ เมื่อพบตัวที่เสียให้เปลี่ยนออกไปและแทนที่ด้วยของใหม่

# Error Code 0x0000007F
รหัส ความผิดพลาดนี้เกิดขึ้นจากสาเหตุ 3อย่าง คือ ซอฟต์แวร์มีปัญหาฮาร์ดแวร์ไม่ตอบสนอง และเคอร์เนลโหมดทำงานผิดพลาด ถ้ามันเกิดขึ้นหลังจากการติดตั้งฮาร์ดแวร์ตัวใหม่ลงไป ให้คุณตรวจสอบดูไดรเวอร์ และรัน Diagnostic เพื่อตรวจสอบการทำงานของอุปกรณ์และหากมาจากการโอเวอร์คล็อกสัญญาณนาฬิกาของ ระบบ ก็ให้เซตค่ากลับมาเหมือนเดิม แล้วรัน Diagnostic อีกครั้ง

# Error Code 0x000000C2
หาก ความผิดพลาดนี้เกิดขึ้นระหว่างการอัพเดตวินโดวส์ สาเหตุอาจมาจากความไม่เข้ากันของไดรเวอร์อุปกรณ์บางตัว เซอร์วิสที่เปิดรันอยู่ขณะนั้น แอนตี้ไวรัส หรือยูทิลิตี้สำหรับแบ็กอัพข้อมูล สิ่งที่คุณต้องทำเพื่อหยุดปัญหาก็คือ Remove ซอฟต์แวร์ไดรเวอร์ที่เป็น Third-party ของอุปกรณ์ที่น่าจะสร้างปัญหาออกไปก่อนซึ่งอาจรวมทั้งการ Uninstall โปรแกรมแอนตี้ไวรัสด้วยเช่นกัน หลังจากนั้นจึงค่อยติดตั้งลงไปเหมือนเดิม

# Error Code 0X000000BE
สาเหตุ ความผิดพลาดนี้มาจากมีไดรเวอร์ของอุปกรณ์หรือซอฟต์แวร์บางตัวพยายาม เขียนข้อมูลลงไปยังพื้นที่หน่วยความจำที่ใช้อ่านได้เพียงอย่างเดียว การแก้ไขให้เข้าไปดูใน Device manager ว่ามีรายชื่อของอุปกรณ์ตัวใดมีสถานะเป็น Disable บ้างให้ Remove ออกและติดตั้งใหม่ให้ถูกต้อง เพราะอาจลงเวอร์ชันผิดได้เช่นกัน หากเป็นซอฟต์แวร์ที่มีผลต่อระบบอย่างมาก แนะนำให้แบ็กอัพข้อมูลของคุณไว้ด้วยทุกครั้ง

# Error Code 0x0000007B
เป็น ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นเมื่อวินโดวส์ไม่สามารถเข้าถึงพาร์ทิชันของระบบ ได้ในระหว่างการบูต สาเหตุก็มาจากคุณได้ติดตั้งฮาร์ดดิสก์ตัวใหม่ลงไป และบังเอิญไดรฟ์ที่บูตได้ก็ไม่ใช่ Primary partition อย่าง C: ทำให้ระบบจดจำฮาร์ดดิสก์ลูกใหม่ที่ติดตั้งลงไปแทน วิธีแก้ให้เปิดไฟล์ Boot.ini หรือไปที่ Boot Manager แล้วแก้ไขตำแหน่ง ไดรฟ์ที่ใช้บูตให้ถูกต้อง

# Error Code 0x0000009F
ถ้า รายงานความผิดพลาดนี้เกิดขึ้นระหว่างที่ชัตดาวน์ระบบ นั่นก็หมายความว่า ส่วนที่จัดการ “Power state” ไม่ตอบสนองต่อคำสั่งปัญหานี้มาจากทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ไดรเวอร์ และโปรแกรม ถ้ามันเกิดขึ้นหลังจากที่ติดตั้งโปรแกรม หรืออุปกรณ์ต่อพ่วงให้ Remove ออกแล้วรัน Diagnostic เพื่อตรวจสอบการทำงานของฮาร์ดแวร์ระบบ เมื่อเสร็จแล้วให้ลองติดตั้งลงไปใหม่ดูว่าเกิดปัญหาอีกหรือไม่

# Error Code 0x000000CE
การ์ด แสดงผลที่มีฟังก์ชันของ TV Tuner หรือ Video capture อยู่ด้วย อาจเกิดความผิดพลาดเช่นนี้ได้เมื่อกำลังเข้าสู่เดสก์ทอปของวินโดวส์ หากคุณใช้ไดรเวอร์แสดงผลที่เป็นของวินโดวส์ 2000 แทน XP แล้วละก็ โอกาสความผิดพลาดนี้ก็จะมีสูงขึ้น สิ่งที่คุณต้องทำเพื่อแก้ปัญหาคือ Remove ไดรเวอร์ตัวเก่าออก แล้วลงไดรเวอร์ที่ถูกต้อง ( XP) รวมทั้งให้ติดตั้ง DirectX ที่เป็นเวอร์ชันใช้งานบน XP ด้วย

# Error WMP.DLL
หาก พบความผิดพลาดนี้ก็แสดงว่าคุณไม่สามารถใช้ Windows media player เปิดไฟล์วิดีโอได้ ซึ่งสาเหตุอาจมาจากมีไฟล์ wmp.dll มากกว่าหนึ่งเวอร์ชันในโฟลเดอร์โปรแกรม ให้พิมพ์ C:windowsinfunregmp2.exe/UpdateWMP ที่หน้าต่าง Run เพื่อเคลียร์ไฟล์ .dll เวอร์ชันที่ถูกต้องให้กับโปรแกรมหากปัญหาหนักขึ้นถึงขั้นรีจิสทรีของไฟล์ .dll นี้เสียหาย ให้ติดตั้งรีจิสทรีลงไปใหม่อีกครั้งโดยใช้คำสั่ง regsvr32 wmp.dll




# Error WMPDXM.DLL
สาเหตุนั้นเกิดขึ้นในตอนที่ คุณติดตั้งโปรแกรม Windows Player9 หรือ 10 ลงไปในเครื่องที่มีโปรแกรมนี้ในเวอร์ชันก่อนอยู่แล้ว และข้อความ “Explorer has caused an error in WMPDXM.DLL” แสดงขึ้นมา นั้นก็หมายความว่า เกิดความผิดพลาดกับไฟล์ “WMPDXM.DLL” สิ่งที่เราต้องทำคือติดตั้งมันลงไปใหม่โดยพิมพ์ regsvr32 msdxm.ocx ที่หน้าต่าง Run กด Enter จากนั้นพิมพ์ regsvr32 dxmasf.dll ลงไปแล้วกด OK อีกครั้ง หากว่า IE ยังคงค้างอยู่หน้าจอเดิม ให้เปิดหน้าต่าง Run ขึ้นมาอีกครั้ง พิมพ์ regsvr32 wmp.dll ลงไปแล้วกด OK จากนั้นก็พิมพ์ regsvr32 wmpdxm.dll ลงไปแล้วทำซ้ำแบบเดิมอีกครั้ง


ขอบคุณ sb.in.th สำหรับข้อมูล EROR CODER

ลง windows ไม่ได้

ลง windows ไม่ได้
เปลี่ยนฮาร์ดดิสก์ แล้วก็ไม่ได้  เปลี่ยนแรมก็ไม่ได้  ลองเช็คดูที่บอร์ดว่าปกติหรือเปล่า มีอุปกรณ์เสียหายหรือเปล่า
เช่น ซี บวมหรือเปล่า อาจจะเป็นที่บอร์ดแล้ว

Messages Mail ซ้อนกัน

Messages Mail ซ้อนกัน
 วิธีแก้ไข  ให้เข้าที่ View >> Current View >> ให้เอาเครื่องหมายถูกออกในหัวข้อ Group Messages By Conversation

Mail อ่านแล้วซ่อนหรือหายอัตโนมัติ

เข้าที่ View > Current View > ต้องเลือกอยู่ที่ Show all Message
* ถ้าเลือกอยู่ที่ Hide read or ingnored Message ถ้าเราอ่านแล้วมันจะซ่อนให้อัตโนมัติ

mail font เพี้ยนทั้ง Folder

mail font เพี้ยนทั้ง Folder
ให้เข้าไปเช็คที่ Regional and Language ใน Control Panel
ว่าโดนเปลี่ยนภาษาหรือไม่

code error msn

ErrorCode : 80072efd
สาเหตุ: ปัญหานี้เกิดจาก ในส่วนของ windows update
วิธีแก้:
- ตรวจเช็ค Internet ว่า Connect อยู่หรือป่าว...
- ปิด Firewall ทั้งของ Windows , Router และโปรแกรม Antivirus ต่างๆ
- Register DLL files และตั้งวันที่ใหม่ โดยใช้ไฟล์นี้คับ http://www.thaimess.com/downloads/msnallreg.bat
- Internet Explorer ต้องสนับสนุน การเข้ารหัสแบบ 128 bit ให้ตรวจสอบ โดยดูได้ด้วยการคลิกเมนู Help > About ใน IE (ถ้าไม่ใช่แนะนำให้ลง IE6 ใหม่อีกรอบคับ)

ลองดูนะคะ

-----------------------------------------------------------------------------------------

 ลอง Connect MSN ดูก่อน 1 ครั้ง แล้วดูเลข ErrorCode จากตัวอย่างเป็นเลข 80048820

- เทียบ ErrorCode ว่าตรงกับอันไหนแล้วดูวิธีแก้ด้านล่างกระทู้คับ
*************************************************************

สาเหตุที่เกิด โดยดูจาก Errorcode
ErrorCode : 800b001
- สาเหตุ: เกิดจาก MSN หาไฟล์พวก .dll บางตัวไม่เจอ ทำให้ไม่สามารถ sign in ได้
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 3 คับ

ErrorCode : 80048820
- สาเหตุ: เกิดจากวันที่ของเครื่องไม่ถูกต้อง
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 3 คับ หรือตั้งวันที่ใหม่ครับ

ErrorCode : 80072ee7
- สาเหตุ: เกิดจากปัญหาของ Firewall หรือการติดต่อออกอินเตอร์เน็ต มีปัญหา
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 1 และ 2 คับ

ErrorCode : 80072eff , 80070193 , 800701f7
- สาเหตุ: เป็นปัญหาจาก .NET Messenger Service มีปัญหา ซึ่งอาจจะเกิดจากตัว .Net server
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 1 , 2 และ 4 คับ

ErrorCode : 80072efd
- สาเหตุ: ปัญหานี้เกิดจาก ในส่วนของ windows update
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 1 , 2 , 3 และ 5 คับ

ErrorCode : 80072f0d
- สาเหตุ: เกิดจากที่ส่วนที่เกี่ยวข้องกับ security ของ MSN ไม่ทำงาน
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 1 , 2 , 3 และ 6 คับ ถ้ายังไม่หายให้เพิ่มข้อ 10 ด้วยคับ

ErrorCode : 80070190
- สาเหตุ: เกิดจากปัญหาการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 1 , 2 , 4 และ 3 คับ

ErrorCode : 80070301
- สาเหตุ: เกิดจากปัญหา ของ .NET Messenger Service
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 1 , 2 , 4 , 7 และ 8 คับ

ErrorCode : 81000303 หรือ " Microsoft .NET Passport has made your account temporarily unavailable to help prevent other users from guessing or obtaining your password."
- สาเหตุ: เกิดจากปัญหา ของ .NET Messenger Service หรือ รหัสผ่านผิด
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 1 , 2 , 3 ,4 และ 7 คับ

ErrorCode : 81000306
- สาเหตุ: เกิดจากปัญหา ของ .NET Messenger Service หรือ การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 1 , 2 , 4 และ 8 คับ
***************************************************************

วิธีแก้
1. ตรวจเช็ค Internet ว่า Connect อยู่หรือป่าว...

2. ปิด Firewall ทั้งของ Windows , Router และโปรแกรม Antivirus ต่างๆ

3. Register DLL files และตั้งวันที่ใหม่ โดยใช้ไฟล์นี้คับ http://rcweb.net/forums/attachment.p...1&d=1131572132
4. เช็ค .Net Messenger Service server อาจมีปัญหา ลองคลิ๊กที่นี่เพื่อตรวจสอบ http://messenger.msn.com/Status.aspx
ว่า Server รันอยู่หรือป่าว

5. Internet Explorer ต้องสนับสนุน การเข้ารหัสแบบ 128 bit ให้ตรวจสอบ โดยดูได้ด้วยการคลิกเมนู Help->About ใน IE
ถ้าไม่ใช่แนะนำให้ลง IE6 ใหม่อีกรอบคับ

6. เปิด Internet Explorer ไปที่เมนู Options -> Internet Options.. -> Advancd แล้วดูที่หัวข้อ use SSL 2.0 และ use SSL 3.0 ให้ติ๊กถูกทั้ง 2 อัน

7. ให้ตรวจสอบ user name และ password ให้แน่ใจด้วยการกรอกใหม่อีกครั้งระวังตัวพิมพ์เล็กและใหญ่ด้วยนะคับ

8. ไปที่ Start -> Run พิมพ์ %appdata%\microsoft กด Enter และลบโฟล์เดอร์ชื่อ MSN Messenger (Emo และ DP ที่เพิ่มเข้าไปจะหายไปหมด)

9. อาจถูกบล็อคการใช้งานจากผู้ดูแลระบบ ลองติดต่อ admin คับ

10. ไปที่ Start -> Run พิมพ์ regsvr32 initpki.dll กด Enter แล้วรอครับอาจจะนานหน่อยเป็น 10 นาที

-----------------------------------------------------------------------------------------

A newer version is available.You must install the never version in order to continue.would you like to do this now?

เราก้อเป็น มานบังคับให้เราโหลดเวอชั่นใหม่  แต่พอเราโหลดมานกลับเล่นไม่ได้ เลยลบที่โหลดทิ้ง

พอมาโหลดเวอชั่นเก่า มานก้อเล่นไม่ได้อยู่ดี  มานจะบังคับให้เราอัพเอ็มเวอชั่นใหม่

วิธีแก้

( มีคนบอกเรามา )

คลิก My Computer >> :\C >> Program flies >> เลือก/คลิก Messenger >> คลิกขวาที่ msmsgs (มีอันเดียวที่เป็นโลโก้ msn) >> เลือก Properties >> เลือกที่บาร์ Compatibility >> ติ๊กถูกที่ Run this program in compatibility mode for >> เลือก Windows 2000 >>OK ปิดหน้าต่าง

ลองเข้าอีกทีว่า log in ได้ไหม ถ้าไม่ได้ ลอง Restart เครื่องแล้วเข้าอีกที

เราทำแล้วหายเล่น ...

ขึ้น Blue Screen Stop c000021a ควรทำอย่างไร

ขึ้น Blue Screen Stop  c000021a 
{Fatal system error the windows subsystem system process terminated unexpectedly with a status of oxc0000005 (0x7c9106c3 0x006ccd04)
the system has been shutdown

ใช้ Program WindowsXP-KB943232-x86-ENU      Run ได้เลย  (คลิกโหลดที่ Link ด่านล่าง)
http://www.upload-thai.com/download.php?id=903be345263a25e54f24814505622ac8

วิธีสลับในกรณีมี 2 windows ในเครื่องเดียว

My com > Properties > Advanced > Setting (startup and Recovery) > เปลี่ยนช่อง Default operating system
>> ข้อแม้ ต้องมีการลง windows 2ตัวใน HDD <<

วิธีลบ virus ms removal tool

โปรแกรมนี้มันแสบมาก  มันจะทำให้โปรแกรมอื่นๆทำงานไม่ได้เลยครับ

วิธีการแก้นะครับ

ไปหาโหลด ไฟล์ตัวนี้เลยครับ  https://docs.google.com/uc?id=0B7pJ7yI2AU6jMWZmNTAyNGEtZjc4YS00ZGY2LWFlZWMtYzI5ZTEzMGIwOTk0&export=download&hl=en2

โหลดเสร็จแล้วให้รันมันเลยครับ

ให้เลือกอันบนนะครับ เซฟล็อกไฟล์ไว้

ต่อมานะครับ ให้มาดูผลจากล็อกไฟล์ นะครับ  ตรง O4 - HKCU\..\RunOnce: [ชี่อKeyมันจะใช้ชื่อแบบสุ่มครับ] C:\ProgramData\(ชี่อFolderมันจะใช้ชื่อแบบสุ่มครับ)\(ชี่อFileมันจะใช้ชื่อแบบสุ่มครับ.exe)

ให้สังเกตว่า ชื่อKey ชื่อ Folder และชื่อFile  มันจะใช้ชื่อแบบสุ่มครับ แต่เหมือนกันหมดครับ  ตรงนี้แหละที่เราต้องฟิกทิ้ง แต่อาจจะต้องเข้าไปทำในเซฟโหมดครับ

และด้องตามไปลบไฟล์มันทิ้งด้วยครับ

มันจะอยู่ที่นี่ครับ   C:\ProgramData\(ชี่อFolderมันจะใช้ชื่อแบบสุ่มครับ)\(ชี่อFileมันจะใช้ชื่อแบบสุ่มครับ.exe)

C:\Documents and Settings\All Users\Application Data\(ชี่อFileมันจะใช้ชื่อแบบสุ่มครับ.exe)

C:\Documents and Settings\(USERที่ใช้งานอยู่)\Local Settings\Application Data\(ชี่อFileมันจะใช้ชื่อแบบสุ่มครับ.exe)

ต้องตามไปลบทิ้งให้หมดครับ ควรทำในเซฟโหมดครับ

ถ้าทำทุกขั้นตอนแล้ว Restart อีกทีก็จะกลับมาปรกดิแล้วครับ

ให้รีบไปหาตัวป้องกันประเภท Anti Spyware มาลง แล้ว scan อีกทีนะครับ

(หรือใช้  Mbma - setup scan ได้เลยครับ)

วิธีแปลียนรหัส wirless

คลิกขวา my network place > คลิกขวาที่ wirless > status > wireless properties > security > เปลี่ยนที่ network security

วิธีเปิด file .pages ครับ

file .pages เปิดไม่ได้

ต้องแปล file ให้เป็น zip หรือ rar ก่อน เช่น xxx.pages  >> xxx.pages.zip แค่นี้เราก็แตก file zip ออกมา ก็จะได้ไฟล์เป็น Pdf

วิธีแก้ Windows Genuine Advantage Notification

1. My com > C: > Windows > System32 หาไฟล์ "wgatray.exe" แล้วก็ลบเลยครับ
2. Start > run > พิมพ์ regedit > Machine > Softwaer > Microsoft > Windows NT > Current version > Winlogon > ลบ Notify ครับ

วิธีแก้ NTLDR Missing

<< การแก้ไขกรณีเครื่อง XP เกิดปัญหา NTLDR Missing >>

เนื่องจากทางไมโครซอฟต์ได้ผลิตระบบปฎิบัติการมาหลายๆรุ่น แต่ละรุ่นแม้จะใช้นักวิจัยและโปรแกรมเมอร์มากมายและเก่งกาจเพียงใด ระบบปฏิบัตการ (Operation System) นั้นๆก็ยังมีช่องว่าง (Bugs) ให้แฮกเกอร์ค้นหาได้เสมอ เข้าทำนองความผิดของผู้อื่นเท่าภูเขา ความผิดของเราเท่าเส้นผม หรือจะเป็นเพราะทางไมโครซอฟต์รีบร้อนในการผลิตเพื่อป้อนสู่ตลาด จนทำให้เกิดความผิดพลาดในโปรแกรม เมื่อผู้ใช้ใช้ไปซักพัก จึงจะเกิดปัญหาเหล่านี้ เข้าทำนองช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวปิด ปิดยังไงก็ยังมีกลิ่นเหม็น

หนึ่งในระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ๆที่ออกมาใช้ คือ Windows XP Professional ก็มีรายงานว่าเมื่อนำไปใช้ร่วมกับโปรแกรมอื่นๆ ก็เกิดความผิดพลาดเกิดขึ้นในหลายๆด้านได้เช่นกัน ซึ่งปัญหาที่หลายๆคนประสบอยู่ในขณะนี้คือปัญหา "NTLDR Missing" และเครื่องขอร้องให้ผู้ใช้กดปุ่มรีสตาร์ทเครื่องใหม่ (Please Press Ctrl+Alt+Del To Restart)

ปัญหานี้เท่าที่ค้นหาจากกระทู้ทาง Internet ทราบว่าเป็นกันทั่วโลก ไม่ได้เป็นเพราะที่กฤษฎีการใช้ระบบ KSDK Office อย่างเดียว ซึ่งเกิดจากการชนกันของไฟล์ที่ใช้ในการทำงานร่วมกันของโปรแกรม ตลอดจนการแทนที่ของไฟล์เหล่านั้น ทำให้ไฟล์ที่ชื่อ "NTLDR" ที่เป็นไฟล์ที่ใช้ในการริเริ่มระบบปฏิบัติการของ Windows XP หายไป จนไม่สามารถเริ่ม (Boot) ระบบปฏิบัติการ XP ได้

ซึ่งหากได้ศึกษาวิธีการแก้ไขที่ถูกต้องแล้ว จะทำให้สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ด้วยตัวของท่านเอง ก็จะทำให้เกิดความสะดวกในการทำงานมากยิ่งขึ้น และจะก่อให้เกิดความมั่นใจในการแก้ปัญหาอื่นๆ เมื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณเสียหายเล็กๆน้อยๆได้

และต่อไปจะกล่าวถึงวิธีการสร้างแผ่น Boot และการซ่อมแซมไฟล์ที่หายไป เพื่อท่านผู้อ่านจะได้นำไปแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้


การเตรียมแผ่นบู๊ตสำหรับ Window XP
(How To Create a Set of Emergency Floppies)

1. ก่อนอื่นให้ไปดาวน์โหลดไฟล์ที่ใช้ทำแผ่นบู๊ต 6 แผ่น จาก Link ข้างล่างนี่ก่อน

http://www.microsoft.com/downloads/details.aspx?displaylang=en&FamilyID=55820EDB-5039-4955-BCB7-4FED408EA73F

รายละเอียดของไฟล์มีดังนี้
File Name: WinXP_EN_PRO_BF.EXE
Download Size: 4287 KB
Date Published: 10/24/2001
Version: 310994

2. ในหน้านี้ทางขวาของหน้าจอ เราจะพบคำว่า Windows XP Professional Utility: Setup Disks for Floppy Boot Install English ให้กดที่ Download

3. ดาวน์โหลดมาแล้วจัดการคลายลงแผ่น Disk ทั้ง 6 แผ่น และให้ทำเครื่องหมายว่าเป็นแผ่นที่เท่าใดไว้ด้วย

4. ให้หาไฟล์ที่ชื่อ boot.ini , ntldr และ ntdetect.com มา Copy ใส่ไว้ใน Disk โดยหาได้จาก Drive C: หรือใน C:\WINDOWS ของ Window XP ทุกเครื่อง หรือถ้าไม่มีให้มาขอ Copy ได้จากเจ้าหน้าที่ศูนย์สารสนเทศได้ทุกท่าน

5. มีข้อสังเกตสำหรับเครื่องที่มีการแบ่ง Partition ตั้งแต่สองส่วนขึ้นไป คือต้องเปลี่ยนหมายเลข (1) ที่อยู่หน้าคำว่า Partition ทั้งสองบรรทัดใน boot.ini ให้เป็นไปตามจำนวน Partitions ของเครื่องนั้นๆ เช่นถ้าเป็นเครื่อง XP ยี่ห้อจะเป็น (2) partition แต่ถ้าเป็นเครื่อง IBM สีดำจะมี Partition เดียว (ใช้ (1) Partition)


การซ่อมแซมไฟล์บู๊ตที่หายไป
(How to Repair the Boot Sector)

1. เมื่อเครื่องมีปัญหา ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ขึ้นคำว่า "NTLDR Missing, Please press ctrl+alt+del to restart computer" ให้ใส่ Disk แผ่นที่ 1 พร้อมกดปุ่ม ctrl+alt+del หลังจากนั้นเครื่องจะให้ใส่แผ่นที่เหลือจนครบทั้ง 6 แผ่น และให้ใส่แผ่นที่ 6 ค้างไว้ก่อน

2. เมื่อหน้าจอขึ้นคำว่า "Windows XP Professional Setup" ให้หาคำว่า To repair a Windows XP installation using Recovery Console, press R. ก็ให้กดที่ตัวอักษร R

3. เมื่อหน้าจอขึ้นคำว่า Microsoft Windows XP (TM) Recovery Console..........Which windows installation would you like log on to ให้กดที่ Num Lock จนติดไฟ แล้วกดหมายเลข 1 แล้วกด Enter

4. ถ้าเครื่องให้ Type the Administrater password: ให้กด Enter

5. ที่ c:\windows> ให้พิมพ์คำว่า cd เว้นวรรคหนึ่งตัวอักษร แล้วพิมพ์จุดสองจุด จากนั้นให้กด Enter

6. นำแผ่นบู๊ตแผ่นที่ 6 ออก แล้วให้ใส่แผ่นdiskอีกแผ่นที่มีไฟล์ boot.ini , ntldr และ ntdetec.com ตามที่เคยกล่าวไว้แล้วในข้อ 4 ของขั้นตอนการเตรียมแผ่นบู๊ต

7. ที่ c:\> ให้พิมพ์คำว่า copy a:boot.ini แล้วกด Enter

8. หลังจากที่ไฟล์ boot.ini ได้บันทึกลงที่ไดรฟ์ C: ของเครื่องแล้ว ที่ c:\> ให้พิมพ์คำว่า copy a:ntldri แล้วกด Enter

9. หลังจากที่ไฟล์ ntldr ได้บันทึกลงที่ไดรฟ์ C: ของเครื่องแล้ว ที่ c:\> ให้พิมพ์คำว่า copy a:ntdetect.com แล้วกด Enter

10. หลังจากที่ไฟล์ ntdetect.com ได้บันทึกลงที่ไดรฟ์ C: ของเครื่องแล้ว ที่ c:\> ให้พิมพ์คำว่า exit จากนั้นให้นำแผ่น Disk ออกจากเครื่อง แล้วกด Enter

11. หากท่านได้ทำตามคำแนะนำตั้งแต่ต้นจนจบ เครื่อง XP จะบู๊ตได้ตามปกติ