1. My com > C: > Windows > System32 หาไฟล์ "wgatray.exe" แล้วก็ลบเลยครับ
2. Start > run > พิมพ์ regedit > Machine > Softwaer > Microsoft > Windows NT > Current version > Winlogon > ลบ Notify ครับ
วิธีแก้ NTLDR Missing
<< การแก้ไขกรณีเครื่อง XP เกิดปัญหา NTLDR Missing >>
เนื่องจากทางไมโครซอฟต์ได้ผลิตระบบปฎิบัติการมาหลายๆรุ่น แต่ละรุ่นแม้จะใช้นักวิจัยและโปรแกรมเมอร์มากมายและเก่งกาจเพียงใด ระบบปฏิบัตการ (Operation System) นั้นๆก็ยังมีช่องว่าง (Bugs) ให้แฮกเกอร์ค้นหาได้เสมอ เข้าทำนองความผิดของผู้อื่นเท่าภูเขา ความผิดของเราเท่าเส้นผม หรือจะเป็นเพราะทางไมโครซอฟต์รีบร้อนในการผลิตเพื่อป้อนสู่ตลาด จนทำให้เกิดความผิดพลาดในโปรแกรม เมื่อผู้ใช้ใช้ไปซักพัก จึงจะเกิดปัญหาเหล่านี้ เข้าทำนองช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวปิด ปิดยังไงก็ยังมีกลิ่นเหม็น
หนึ่งในระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ๆที่ออกมาใช้ คือ Windows XP Professional ก็มีรายงานว่าเมื่อนำไปใช้ร่วมกับโปรแกรมอื่นๆ ก็เกิดความผิดพลาดเกิดขึ้นในหลายๆด้านได้เช่นกัน ซึ่งปัญหาที่หลายๆคนประสบอยู่ในขณะนี้คือปัญหา "NTLDR Missing" และเครื่องขอร้องให้ผู้ใช้กดปุ่มรีสตาร์ทเครื่องใหม่ (Please Press Ctrl+Alt+Del To Restart)
ปัญหานี้เท่าที่ค้นหาจากกระทู้ทาง Internet ทราบว่าเป็นกันทั่วโลก ไม่ได้เป็นเพราะที่กฤษฎีการใช้ระบบ KSDK Office อย่างเดียว ซึ่งเกิดจากการชนกันของไฟล์ที่ใช้ในการทำงานร่วมกันของโปรแกรม ตลอดจนการแทนที่ของไฟล์เหล่านั้น ทำให้ไฟล์ที่ชื่อ "NTLDR" ที่เป็นไฟล์ที่ใช้ในการริเริ่มระบบปฏิบัติการของ Windows XP หายไป จนไม่สามารถเริ่ม (Boot) ระบบปฏิบัติการ XP ได้
ซึ่งหากได้ศึกษาวิธีการแก้ไขที่ถูกต้องแล้ว จะทำให้สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ด้วยตัวของท่านเอง ก็จะทำให้เกิดความสะดวกในการทำงานมากยิ่งขึ้น และจะก่อให้เกิดความมั่นใจในการแก้ปัญหาอื่นๆ เมื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณเสียหายเล็กๆน้อยๆได้
และต่อไปจะกล่าวถึงวิธีการสร้างแผ่น Boot และการซ่อมแซมไฟล์ที่หายไป เพื่อท่านผู้อ่านจะได้นำไปแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้
การเตรียมแผ่นบู๊ตสำหรับ Window XP
(How To Create a Set of Emergency Floppies)
1. ก่อนอื่นให้ไปดาวน์โหลดไฟล์ที่ใช้ทำแผ่นบู๊ต 6 แผ่น จาก Link ข้างล่างนี่ก่อน
http://www.microsoft.com/downloads/details.aspx?displaylang=en&FamilyID=55820EDB-5039-4955-BCB7-4FED408EA73F
รายละเอียดของไฟล์มีดังนี้
File Name: WinXP_EN_PRO_BF.EXE
Download Size: 4287 KB
Date Published: 10/24/2001
Version: 310994
2. ในหน้านี้ทางขวาของหน้าจอ เราจะพบคำว่า Windows XP Professional Utility: Setup Disks for Floppy Boot Install English ให้กดที่ Download
3. ดาวน์โหลดมาแล้วจัดการคลายลงแผ่น Disk ทั้ง 6 แผ่น และให้ทำเครื่องหมายว่าเป็นแผ่นที่เท่าใดไว้ด้วย
4. ให้หาไฟล์ที่ชื่อ boot.ini , ntldr และ ntdetect.com มา Copy ใส่ไว้ใน Disk โดยหาได้จาก Drive C: หรือใน C:\WINDOWS ของ Window XP ทุกเครื่อง หรือถ้าไม่มีให้มาขอ Copy ได้จากเจ้าหน้าที่ศูนย์สารสนเทศได้ทุกท่าน
5. มีข้อสังเกตสำหรับเครื่องที่มีการแบ่ง Partition ตั้งแต่สองส่วนขึ้นไป คือต้องเปลี่ยนหมายเลข (1) ที่อยู่หน้าคำว่า Partition ทั้งสองบรรทัดใน boot.ini ให้เป็นไปตามจำนวน Partitions ของเครื่องนั้นๆ เช่นถ้าเป็นเครื่อง XP ยี่ห้อจะเป็น (2) partition แต่ถ้าเป็นเครื่อง IBM สีดำจะมี Partition เดียว (ใช้ (1) Partition)
การซ่อมแซมไฟล์บู๊ตที่หายไป
(How to Repair the Boot Sector)
1. เมื่อเครื่องมีปัญหา ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ขึ้นคำว่า "NTLDR Missing, Please press ctrl+alt+del to restart computer" ให้ใส่ Disk แผ่นที่ 1 พร้อมกดปุ่ม ctrl+alt+del หลังจากนั้นเครื่องจะให้ใส่แผ่นที่เหลือจนครบทั้ง 6 แผ่น และให้ใส่แผ่นที่ 6 ค้างไว้ก่อน
2. เมื่อหน้าจอขึ้นคำว่า "Windows XP Professional Setup" ให้หาคำว่า To repair a Windows XP installation using Recovery Console, press R. ก็ให้กดที่ตัวอักษร R
3. เมื่อหน้าจอขึ้นคำว่า Microsoft Windows XP (TM) Recovery Console..........Which windows installation would you like log on to ให้กดที่ Num Lock จนติดไฟ แล้วกดหมายเลข 1 แล้วกด Enter
4. ถ้าเครื่องให้ Type the Administrater password: ให้กด Enter
5. ที่ c:\windows> ให้พิมพ์คำว่า cd เว้นวรรคหนึ่งตัวอักษร แล้วพิมพ์จุดสองจุด จากนั้นให้กด Enter
6. นำแผ่นบู๊ตแผ่นที่ 6 ออก แล้วให้ใส่แผ่นdiskอีกแผ่นที่มีไฟล์ boot.ini , ntldr และ ntdetec.com ตามที่เคยกล่าวไว้แล้วในข้อ 4 ของขั้นตอนการเตรียมแผ่นบู๊ต
7. ที่ c:\> ให้พิมพ์คำว่า copy a:boot.ini แล้วกด Enter
8. หลังจากที่ไฟล์ boot.ini ได้บันทึกลงที่ไดรฟ์ C: ของเครื่องแล้ว ที่ c:\> ให้พิมพ์คำว่า copy a:ntldri แล้วกด Enter
9. หลังจากที่ไฟล์ ntldr ได้บันทึกลงที่ไดรฟ์ C: ของเครื่องแล้ว ที่ c:\> ให้พิมพ์คำว่า copy a:ntdetect.com แล้วกด Enter
10. หลังจากที่ไฟล์ ntdetect.com ได้บันทึกลงที่ไดรฟ์ C: ของเครื่องแล้ว ที่ c:\> ให้พิมพ์คำว่า exit จากนั้นให้นำแผ่น Disk ออกจากเครื่อง แล้วกด Enter
11. หากท่านได้ทำตามคำแนะนำตั้งแต่ต้นจนจบ เครื่อง XP จะบู๊ตได้ตามปกติ
เนื่องจากทางไมโครซอฟต์ได้ผลิตระบบปฎิบัติการมาหลายๆรุ่น แต่ละรุ่นแม้จะใช้นักวิจัยและโปรแกรมเมอร์มากมายและเก่งกาจเพียงใด ระบบปฏิบัตการ (Operation System) นั้นๆก็ยังมีช่องว่าง (Bugs) ให้แฮกเกอร์ค้นหาได้เสมอ เข้าทำนองความผิดของผู้อื่นเท่าภูเขา ความผิดของเราเท่าเส้นผม หรือจะเป็นเพราะทางไมโครซอฟต์รีบร้อนในการผลิตเพื่อป้อนสู่ตลาด จนทำให้เกิดความผิดพลาดในโปรแกรม เมื่อผู้ใช้ใช้ไปซักพัก จึงจะเกิดปัญหาเหล่านี้ เข้าทำนองช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวปิด ปิดยังไงก็ยังมีกลิ่นเหม็น
หนึ่งในระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ๆที่ออกมาใช้ คือ Windows XP Professional ก็มีรายงานว่าเมื่อนำไปใช้ร่วมกับโปรแกรมอื่นๆ ก็เกิดความผิดพลาดเกิดขึ้นในหลายๆด้านได้เช่นกัน ซึ่งปัญหาที่หลายๆคนประสบอยู่ในขณะนี้คือปัญหา "NTLDR Missing" และเครื่องขอร้องให้ผู้ใช้กดปุ่มรีสตาร์ทเครื่องใหม่ (Please Press Ctrl+Alt+Del To Restart)
ปัญหานี้เท่าที่ค้นหาจากกระทู้ทาง Internet ทราบว่าเป็นกันทั่วโลก ไม่ได้เป็นเพราะที่กฤษฎีการใช้ระบบ KSDK Office อย่างเดียว ซึ่งเกิดจากการชนกันของไฟล์ที่ใช้ในการทำงานร่วมกันของโปรแกรม ตลอดจนการแทนที่ของไฟล์เหล่านั้น ทำให้ไฟล์ที่ชื่อ "NTLDR" ที่เป็นไฟล์ที่ใช้ในการริเริ่มระบบปฏิบัติการของ Windows XP หายไป จนไม่สามารถเริ่ม (Boot) ระบบปฏิบัติการ XP ได้
ซึ่งหากได้ศึกษาวิธีการแก้ไขที่ถูกต้องแล้ว จะทำให้สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ด้วยตัวของท่านเอง ก็จะทำให้เกิดความสะดวกในการทำงานมากยิ่งขึ้น และจะก่อให้เกิดความมั่นใจในการแก้ปัญหาอื่นๆ เมื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณเสียหายเล็กๆน้อยๆได้
และต่อไปจะกล่าวถึงวิธีการสร้างแผ่น Boot และการซ่อมแซมไฟล์ที่หายไป เพื่อท่านผู้อ่านจะได้นำไปแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้
การเตรียมแผ่นบู๊ตสำหรับ Window XP
(How To Create a Set of Emergency Floppies)
1. ก่อนอื่นให้ไปดาวน์โหลดไฟล์ที่ใช้ทำแผ่นบู๊ต 6 แผ่น จาก Link ข้างล่างนี่ก่อน
http://www.microsoft.com/downloads/details.aspx?displaylang=en&FamilyID=55820EDB-5039-4955-BCB7-4FED408EA73F
รายละเอียดของไฟล์มีดังนี้
File Name: WinXP_EN_PRO_BF.EXE
Download Size: 4287 KB
Date Published: 10/24/2001
Version: 310994
2. ในหน้านี้ทางขวาของหน้าจอ เราจะพบคำว่า Windows XP Professional Utility: Setup Disks for Floppy Boot Install English ให้กดที่ Download
3. ดาวน์โหลดมาแล้วจัดการคลายลงแผ่น Disk ทั้ง 6 แผ่น และให้ทำเครื่องหมายว่าเป็นแผ่นที่เท่าใดไว้ด้วย
4. ให้หาไฟล์ที่ชื่อ boot.ini , ntldr และ ntdetect.com มา Copy ใส่ไว้ใน Disk โดยหาได้จาก Drive C: หรือใน C:\WINDOWS ของ Window XP ทุกเครื่อง หรือถ้าไม่มีให้มาขอ Copy ได้จากเจ้าหน้าที่ศูนย์สารสนเทศได้ทุกท่าน
5. มีข้อสังเกตสำหรับเครื่องที่มีการแบ่ง Partition ตั้งแต่สองส่วนขึ้นไป คือต้องเปลี่ยนหมายเลข (1) ที่อยู่หน้าคำว่า Partition ทั้งสองบรรทัดใน boot.ini ให้เป็นไปตามจำนวน Partitions ของเครื่องนั้นๆ เช่นถ้าเป็นเครื่อง XP ยี่ห้อจะเป็น (2) partition แต่ถ้าเป็นเครื่อง IBM สีดำจะมี Partition เดียว (ใช้ (1) Partition)
การซ่อมแซมไฟล์บู๊ตที่หายไป
(How to Repair the Boot Sector)
1. เมื่อเครื่องมีปัญหา ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ขึ้นคำว่า "NTLDR Missing, Please press ctrl+alt+del to restart computer" ให้ใส่ Disk แผ่นที่ 1 พร้อมกดปุ่ม ctrl+alt+del หลังจากนั้นเครื่องจะให้ใส่แผ่นที่เหลือจนครบทั้ง 6 แผ่น และให้ใส่แผ่นที่ 6 ค้างไว้ก่อน
2. เมื่อหน้าจอขึ้นคำว่า "Windows XP Professional Setup" ให้หาคำว่า To repair a Windows XP installation using Recovery Console, press R. ก็ให้กดที่ตัวอักษร R
3. เมื่อหน้าจอขึ้นคำว่า Microsoft Windows XP (TM) Recovery Console..........Which windows installation would you like log on to ให้กดที่ Num Lock จนติดไฟ แล้วกดหมายเลข 1 แล้วกด Enter
4. ถ้าเครื่องให้ Type the Administrater password: ให้กด Enter
5. ที่ c:\windows> ให้พิมพ์คำว่า cd เว้นวรรคหนึ่งตัวอักษร แล้วพิมพ์จุดสองจุด จากนั้นให้กด Enter
6. นำแผ่นบู๊ตแผ่นที่ 6 ออก แล้วให้ใส่แผ่นdiskอีกแผ่นที่มีไฟล์ boot.ini , ntldr และ ntdetec.com ตามที่เคยกล่าวไว้แล้วในข้อ 4 ของขั้นตอนการเตรียมแผ่นบู๊ต
7. ที่ c:\> ให้พิมพ์คำว่า copy a:boot.ini แล้วกด Enter
8. หลังจากที่ไฟล์ boot.ini ได้บันทึกลงที่ไดรฟ์ C: ของเครื่องแล้ว ที่ c:\> ให้พิมพ์คำว่า copy a:ntldri แล้วกด Enter
9. หลังจากที่ไฟล์ ntldr ได้บันทึกลงที่ไดรฟ์ C: ของเครื่องแล้ว ที่ c:\> ให้พิมพ์คำว่า copy a:ntdetect.com แล้วกด Enter
10. หลังจากที่ไฟล์ ntdetect.com ได้บันทึกลงที่ไดรฟ์ C: ของเครื่องแล้ว ที่ c:\> ให้พิมพ์คำว่า exit จากนั้นให้นำแผ่น Disk ออกจากเครื่อง แล้วกด Enter
11. หากท่านได้ทำตามคำแนะนำตั้งแต่ต้นจนจบ เครื่อง XP จะบู๊ตได้ตามปกติ
เปิด service ของ Windows Fiewall ไม่ได้
เปิด service ของ Windows Fiewall ไม่ได้
ซึ่งอาจจะมีผลทำให้เรา ping หาเครื่อง ๆ นั้นไม่เจอ
วิธีแก้ไข ให้ทำการ Rebuilding the WMI Repository มีดังนี้
========================================
สำหรับ Windows XP Service Pack 2
คลิ๊ก Start, Run แล้วพิมพ์คำสั่ง
• rundll32 wbemupgd, UpgradeRepository
------------------------
สำหรับ Windows Server 2003
คลิ๊ก Start, Run แล้วพิมพ์คำสั่ง
• rundll32 wbemupgd, RepairWMISetup
------------------------
สำหรับ Windows versions อื่น ๆ
คลิ๊ก Start, Run แล้วพิมพ์คำสั่ง CMD.EXE กด Enter เข้า command prompt
พิมพ์คำสั่ง
• net stop winmgmt
เปิด Windows Explorer, เพื่อเปลี่ยนโฟลเดอร์ %windir%\System32\Wbem\Repository. (ยกตัวอย่างเช่น, %windir%\System32\Wbem\Repository_bad.). %windir% ใช้แทน path ไปยังไดเร็คทอรี่ของ Windows , ซึ่งมักจะเป็น C:\Windows.
กลับไปที่หน้าต่าง Command Prompt , แล้วพิมพ์คำสั่งด้านล่างแล้วกด Enter ทีละคำสั่ง
• net start winmgmt
• EXIT
ทีนี้กลับไปที่ Control Panel ท่านก็จะสามารถเปิด service ของ Windows Firewall ได้แล้วครับ
*******************************************************
วิธีที่ 2
ขั้นตอน
1. คลิ๊ก Start
2. เลือก Run
3. พิมพ์ cmd กด OK
4. ที่ command prompt ที่จะขึ้นมา
5. พิมพ์ netsh winsock reset
6. กด Enter รอจนโปรแกรมดำเนินการเสร็จ จะได้รับรายงานว่า
"Successfully reset the Winsock Catalog. You must restart the machine in order to complete the reset."
7. restart Computer 1 ครั้งครับ
ซึ่งอาจจะมีผลทำให้เรา ping หาเครื่อง ๆ นั้นไม่เจอ
วิธีแก้ไข ให้ทำการ Rebuilding the WMI Repository มีดังนี้
========================================
สำหรับ Windows XP Service Pack 2
คลิ๊ก Start, Run แล้วพิมพ์คำสั่ง
• rundll32 wbemupgd, UpgradeRepository
------------------------
สำหรับ Windows Server 2003
คลิ๊ก Start, Run แล้วพิมพ์คำสั่ง
• rundll32 wbemupgd, RepairWMISetup
------------------------
สำหรับ Windows versions อื่น ๆ
คลิ๊ก Start, Run แล้วพิมพ์คำสั่ง CMD.EXE กด Enter เข้า command prompt
พิมพ์คำสั่ง
• net stop winmgmt
เปิด Windows Explorer, เพื่อเปลี่ยนโฟลเดอร์ %windir%\System32\Wbem\Repository. (ยกตัวอย่างเช่น, %windir%\System32\Wbem\Repository_bad.). %windir% ใช้แทน path ไปยังไดเร็คทอรี่ของ Windows , ซึ่งมักจะเป็น C:\Windows.
กลับไปที่หน้าต่าง Command Prompt , แล้วพิมพ์คำสั่งด้านล่างแล้วกด Enter ทีละคำสั่ง
• net start winmgmt
• EXIT
ทีนี้กลับไปที่ Control Panel ท่านก็จะสามารถเปิด service ของ Windows Firewall ได้แล้วครับ
*******************************************************
วิธีที่ 2
ขั้นตอน
1. คลิ๊ก Start
2. เลือก Run
3. พิมพ์ cmd กด OK
4. ที่ command prompt ที่จะขึ้นมา
5. พิมพ์ netsh winsock reset
6. กด Enter รอจนโปรแกรมดำเนินการเสร็จ จะได้รับรายงานว่า
"Successfully reset the Winsock Catalog. You must restart the machine in order to complete the reset."
7. restart Computer 1 ครั้งครับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)